พักโทษปล่อยตัว "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" ติดกำไล EM เผยชีวิตหลังจากนี้นับหนึ่งใหม่ น้ำตาคลอ หลังจากออกเรือนจำ สิ่งแรกอยากจะทำคือเดินทางไปไหว้รูปมารดา เตรียมหวนคืนจัดรายการข่าวช่อง3 แต่ขอเวลาสักระยะ หลังเว้นว่างการทำงานมา 5 ปี
เมื่อเวลา 07.40 น.วานนี้ (14มี.ค.) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำตัวนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการข่าว จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขึ้นรถกรมราชทัณฑ์ มาติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (EM)ที่สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร เขต 7 หลักสี่ หลังจากที่ได้รับการพิจารณาพักโทษกรณีพิเศษ โดยครอบครัวและญาติของนายสรยุทธ ได้นำดอกไม้ธูปเทียนทำพิธีกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ระหว่างรอการปล่อยตัวนายสรยุทธ
นายสรยุทธให้สัมภาษณ์ หลังติดกำไล EM ว่า ดีใจที่ได้รับอิสรภาพ แม้จะยังไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอยู่ภายใต้เงื่อนไขกรมคุมประพฤติ แต่อย่างน้อยก็ยังได้ออกจากเรือนจำ
ช่วงระหว่างถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำระยะเวลา 1 ปีกว่า การกินอยู่นอนไม่สบายมากนัก แต่ก็ค่อยๆปรับตัวได้ ก็มีความทุกข์บ้าง แต่คดีก็ได้จบสิ้นเสียที กระทั่งช่วงโควิด-19 ระบาด ซึ่งมีกระแสข่าวในเรือนจำบุรีรัมย์ มีผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 จึงทำให้เกิดจลาจล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม จึงมีนโยบายจัดรายการเรื่องเล่าชาวเรือนจำ เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ต้องขัง ซึ่งนายสรยุทธ ระบุว่าหลังจากที่มีโอกาสได้จัดรายการ ซึ่งเป็นอาชีพที่ตนรัก ก็ทำให้วันเวลาในเรือนจำผ่านไปไวขึ้น และหลังจากนี้ มีโอกาสกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งในชีวิตใหม่อีกครั้ง
นายสรยุทธ กล่าวว่า หลังจากออกเรือนจำสิ่งแรกอยากจะทำคือ เดินทางไปไหว้รูปมารดา ส่วนการกลับมาจัดรายการข่าวนั้น จะขอใช้เวลาคิดสักระยะ เพราะตนว่างเว้นจากการทำข่าวมานานกว่า 5 ปี และปัจจุบันมีรายการข่าวมากมายต้องขอเวลาปรับตัว แต่ยืนยันว่า หากจะกลับมาทำหน้าที่พิธีกรข่าว จะยังคงอยู่ที่ช่อง 3 เหมือนเดิม
ด้าน ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรมว.ยุติธรรม ยืนยันว่าการปล่อยตัวนายสรยุทธครั้งนี้ ไม่ใช่การปล่อยตัวนักโทษวีไอพี แต่เป็นการอำนวยความสะดวก เพราะเห็นว่านายสรยุทธ เป็นที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน รวมถึงเป็นที่รู้จักของคนในสังคม จึงจำเป็นต้องจัดระเบียบในทุกขั้นตอน เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว
ขณะที่นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ ระบุว่า หลังจากติดกำไล EM แล้ว นายสรยุทธ จะไม่สามารถกลับไปใกล้กับบริเวณเรือนจำได้ เพราะเป็นข้อห้าม เนื่องจากเกรงว่าจะมีการติดต่อกับนักโทษภายใน , ห้ามขึ้นเครื่องบิน แต่หากจะเดินทางต้องขออนุญาตก่อน, ห้ามเคลื่อนย้ายออกนอกสถานที่ได้รับอนุญาต คือ พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ยกเว้นได้รับอนุญาต รวมถึงห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง เช่น เป็นพิธีกรให้กับพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง ยกเว้นแต่การจัดรายการข่าวทั่วไป ซึ่งจะต้องนำเสนอข้อเท็จจริงของข่าวภายใต้จรรยาบรรณของสื่อมวลชน
นายสรยุทธ เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยการลดโทษมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อช่วงเดือนส.ค.63 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 63 กำหนดโทษหลังสุด 3 ปี 6 เดือน 20 วัน ซึ่งรับโทษจำคุกมาแล้ว 1 ปี 2 เดือน 6 วัน คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน โดยนายสรยุทธ ได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ และเหลือโทษที่ต้องได้รับต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี ถือว่าเป็นประโยชน์ของผู้ต้องขังตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 จึงมีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ และต้องติดกำไล EM เป็นระยะเวลา 14 เดือน ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. 64 ถึง 20 พ.ค. 65 และต้องรายงานตัว จนกว่าจะพ้นโทษ คือวันที่ 26 ก.ค. 66 รวม 2 ปี 4 เดือน
สำหรับบรรยากาศที่กรมคุมประพฤติ มีคนดังเดินทางมารอรับนายสรยุทธ เป็นจำนวนมาก เช่น นายศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร หรือโต๋ นักร้องชื่อดัง, นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักธุรกิจและนักการเมือง , นายตัน ภาสกรนที นักธุรกิจ และ นางอริสรา กำธรเจริญ หรือ หมวย ผู้ประกาศข่าว ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกดีใจที่นายสรยุทธได้ออกจากเรือนจำ
เมื่อเวลา 07.40 น.วานนี้ (14มี.ค.) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำตัวนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการข่าว จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขึ้นรถกรมราชทัณฑ์ มาติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (EM)ที่สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร เขต 7 หลักสี่ หลังจากที่ได้รับการพิจารณาพักโทษกรณีพิเศษ โดยครอบครัวและญาติของนายสรยุทธ ได้นำดอกไม้ธูปเทียนทำพิธีกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ระหว่างรอการปล่อยตัวนายสรยุทธ
นายสรยุทธให้สัมภาษณ์ หลังติดกำไล EM ว่า ดีใจที่ได้รับอิสรภาพ แม้จะยังไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอยู่ภายใต้เงื่อนไขกรมคุมประพฤติ แต่อย่างน้อยก็ยังได้ออกจากเรือนจำ
ช่วงระหว่างถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำระยะเวลา 1 ปีกว่า การกินอยู่นอนไม่สบายมากนัก แต่ก็ค่อยๆปรับตัวได้ ก็มีความทุกข์บ้าง แต่คดีก็ได้จบสิ้นเสียที กระทั่งช่วงโควิด-19 ระบาด ซึ่งมีกระแสข่าวในเรือนจำบุรีรัมย์ มีผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 จึงทำให้เกิดจลาจล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม จึงมีนโยบายจัดรายการเรื่องเล่าชาวเรือนจำ เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ต้องขัง ซึ่งนายสรยุทธ ระบุว่าหลังจากที่มีโอกาสได้จัดรายการ ซึ่งเป็นอาชีพที่ตนรัก ก็ทำให้วันเวลาในเรือนจำผ่านไปไวขึ้น และหลังจากนี้ มีโอกาสกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งในชีวิตใหม่อีกครั้ง
นายสรยุทธ กล่าวว่า หลังจากออกเรือนจำสิ่งแรกอยากจะทำคือ เดินทางไปไหว้รูปมารดา ส่วนการกลับมาจัดรายการข่าวนั้น จะขอใช้เวลาคิดสักระยะ เพราะตนว่างเว้นจากการทำข่าวมานานกว่า 5 ปี และปัจจุบันมีรายการข่าวมากมายต้องขอเวลาปรับตัว แต่ยืนยันว่า หากจะกลับมาทำหน้าที่พิธีกรข่าว จะยังคงอยู่ที่ช่อง 3 เหมือนเดิม
ด้าน ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรมว.ยุติธรรม ยืนยันว่าการปล่อยตัวนายสรยุทธครั้งนี้ ไม่ใช่การปล่อยตัวนักโทษวีไอพี แต่เป็นการอำนวยความสะดวก เพราะเห็นว่านายสรยุทธ เป็นที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน รวมถึงเป็นที่รู้จักของคนในสังคม จึงจำเป็นต้องจัดระเบียบในทุกขั้นตอน เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว
ขณะที่นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ ระบุว่า หลังจากติดกำไล EM แล้ว นายสรยุทธ จะไม่สามารถกลับไปใกล้กับบริเวณเรือนจำได้ เพราะเป็นข้อห้าม เนื่องจากเกรงว่าจะมีการติดต่อกับนักโทษภายใน , ห้ามขึ้นเครื่องบิน แต่หากจะเดินทางต้องขออนุญาตก่อน, ห้ามเคลื่อนย้ายออกนอกสถานที่ได้รับอนุญาต คือ พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ยกเว้นได้รับอนุญาต รวมถึงห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง เช่น เป็นพิธีกรให้กับพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง ยกเว้นแต่การจัดรายการข่าวทั่วไป ซึ่งจะต้องนำเสนอข้อเท็จจริงของข่าวภายใต้จรรยาบรรณของสื่อมวลชน
นายสรยุทธ เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยการลดโทษมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อช่วงเดือนส.ค.63 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 63 กำหนดโทษหลังสุด 3 ปี 6 เดือน 20 วัน ซึ่งรับโทษจำคุกมาแล้ว 1 ปี 2 เดือน 6 วัน คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน โดยนายสรยุทธ ได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ และเหลือโทษที่ต้องได้รับต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี ถือว่าเป็นประโยชน์ของผู้ต้องขังตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 จึงมีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ และต้องติดกำไล EM เป็นระยะเวลา 14 เดือน ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. 64 ถึง 20 พ.ค. 65 และต้องรายงานตัว จนกว่าจะพ้นโทษ คือวันที่ 26 ก.ค. 66 รวม 2 ปี 4 เดือน
สำหรับบรรยากาศที่กรมคุมประพฤติ มีคนดังเดินทางมารอรับนายสรยุทธ เป็นจำนวนมาก เช่น นายศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร หรือโต๋ นักร้องชื่อดัง, นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักธุรกิจและนักการเมือง , นายตัน ภาสกรนที นักธุรกิจ และ นางอริสรา กำธรเจริญ หรือ หมวย ผู้ประกาศข่าว ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกดีใจที่นายสรยุทธได้ออกจากเรือนจำ