xs
xsm
sm
md
lg

“QUAD” กับความเป็นไปได้ในการ “ต่อต้านจีน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องว่ากันในภาพรวมๆ ระดับ “ภูมิภาค” หรือระดับ “โลก” นั่นแหละทั่น!!! เพราะเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หรือช่วงวันศุกร์ที่ 12 มี.ค. บรรดาผู้นำประเทศ ผู้นำโลกจำนวน 4 รายด้วยกัน คือผู้นำอเมริกาอย่าง “ผู้เฒ่าโจ ไบเดน” (Joe Biden) หรือ “โจ ซึมเซา” ก็แล้วแต่จะเรียก ผู้นำอินตะระเดีย “นายนเรนทรา โมดี” (Narendra Modi) ผู้นำญี่ปุ่น “นายโยชิฮิเดะ ซูกะ” หรือ “ซูงะ” (Yoshihide Suga) และผู้นำออสเตรเลีย “นายสก็อตต์ มอร์ริสัน” (Scott Morrison) ได้ร่วมพบปะ เจอะเจอ เจ๊าะๆ แจ๊ะๆ กันในทางออนไลน์ อย่างชนิดเป็นระบบและกิจการ อันถือเป็นการประชุมครั้งแรกของกลุ่มพันธมิตรทางทหารที่เรียกย่อๆ ว่า “QUAD” (Quadrilateral Security Dialogue) หรือกลุ่มประเทศในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งเคยแสดงออกถึงจุดมุ่งหมายเพื่อ “ถ่วงจีน” หรือ “เตะตัดขา” คุณพี่จีนกันโดยเฉพาะนั่นเอง...

โดยการประชุม พบปะเจอะเจอในครั้งนี้...จะยิ่งใหญ่เกรียงไกร น่าสนใจ น่าคิดน่าสะกิดใจ ระดับถือเป็น “ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์” อย่างที่นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียว่าไว้หรือไม่ อย่างไร หรือจะเป็นแค่ความพยายามทำเก๋ ทำเท่ ซึ่งย่อมดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อันอาจส่งผลให้แนวคิดในการเกาะกลุ่ม รวมตัว เพื่อถ่วงจีน รั้งจีน ภายในอาณาบริเวณภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ที่ผู้นำญี่ปุ่น อย่างนายกรัฐมนตรี “ชินโสะ อาเบะ” เคยจุดประกายไว้ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว หรือเมื่อปี ค.ศ. 2007 ในอันที่จะสร้างความเป็นพันธมิตรระดับที่ถือเป็น “นาโต้แห่งเอเชีย” เอาเลยก็ว่าได้ อาจมีอันต้องกลายเป็น “NATO” แบบ “No Action Talk Only” เอาเลยก็ไม่แน่!!! หรือมีแต่พูดกันไป-พูดกันมาชนิดสามวา-สองศอก แต่ก็ยังไม่ไปไหนสักกะที อะไรประมาณนั้น อันนั้น...คงต้องไปวิเคราะห์ สังเคราะห์กันเอาเองก็แล้วกัน...

คือด้วยเหตุเพราะโลกยุคนี้...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า ย่อมผิดแผกแตกต่างไปจาก “โลกยุคสงครามเย็น” เมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว แบบคนละเรื่อง คนละม้วน หรือเป็นโลกที่ไม่ได้ถูกแบ่งแยก ตัดขาด ออกจากกันและกัน เนื่องจากความแตกต่างในเรื่อง “ลัทธิ-อุดมการณ์” แบบต้องแบ่งเป็น “โลกคอมมิวนิสต์” กับ “โลกเสรี” ทำนองนั้น แต่เป็นโลกที่แต่ละประเทศต่างพร้อมที่จะทำมาหารับประทาน โดยไม่ได้ถือเขา ถือเรา ถือมึง ถือกู แบบก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น “ทุนนิยมเสรี” หรือ “ทุนนิยมเผด็จการ” ไม่ว่า “ประชาธิปไตยเสรี” หรือ “ประชาธิปไตยมาเฟีย” ต่างซื้อๆ-ขายๆ แลกเปลี่ยนสินค้า วัฒนธรรม ประเพณี และเทคโนโลยี แบบแทบไม่เหลือ “เส้นแบ่ง” ใดๆ ต่อไปอีกแล้ว อันนี้นี่เอง...ที่ทำให้ความพยายามสร้างความร่วมมือทางทหาร เพื่อต่อต้านประเทศใด ประเทศหนึ่ง เป็นการเฉพาะ แบบ “SEATO” หรือ “NATO” ก็ตาม ออกจะเป็นอะไรที่ “Back to the Future” หรือออกจะ “หลังเขา” อยู่พอสมควร...

แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยเหตุที่ “ทุนนิยมเผด็จการ” อย่างคุณพี่จีนนั้น นับวันออกจะมาแรงแซงโค้งเอามากๆ และย่อมส่งผลให้ผู้นำโลก หรือผู้ที่หวังตั้งตัวเป็น “ประมุขโลก” (Hegemony) อย่างคุณพ่ออเมริกา ท่านย่อมต้องเปรี้ยวมือ เปรี้ยวตีน อยู่แล้วแน่ๆ การหาทางรวบรวมเอาบรรดาพันธมิตรในภูมิภาคต่างๆ มาใช้เป็น “เครื่องมือ” ในการเหนี่ยวรั้ง ถ่วงรั้ง การเจริญเติบโตของประเทศจีน โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ไล่มาตั้งแต่ความพยายาม “ปักหมุดเอาไว้ในเอเชีย” (Pivot to Asia) ในยุครัฐบาล “โอมาบ้า” (โอบามา) จนแปรสภาพมาเป็น “ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก” (Indo-Pacific Strategy) ในยุครัฐบาล “ทรัมป์บ้า” จึงถือเป็นตัวรองรับ ขับเคลื่อน ให้เกิดกลุ่มประเทศที่ถูกเรียกขานกันในนาม “QUAD” ทุกวันนี้นี่เอง...

อย่างไรก็ตาม...ด้วยเหตุที่ “ผลประโยชน์” ของบรรดาประเทศที่เข้ามารวมตัวเป็น “QUAD” อาจไม่ถึงกับสอดคล้องต้องกัน หรือ “ตรงกัน” ซะทีเดียวนัก อินเดียนั้น...แม้จะทะเลาะกับจีนในเรื่องชายแดนสุดลูกหูลูกตา แต่ยังคงต้องทำมาหารับประทานกับจีนอย่างมิอาจผันแปรไปเป็นอื่น อีกทั้งโดยจุดยืน ทัศนะ วิธีการ ก็โตมาจากพื้นฐานความเป็น “ประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” ตั้งแต่แรก โอกาสที่จะกลัวจีน เกลียดจีน จนต้องหันไป “เลือกอเมริกา” จึงออกจะเป็นอะไรที่ขัดแย้ง แปลกแยกจากความเป็นตัวของตัวเองมิใช่น้อย อีกทั้งระบบทหารของอินตะระเดีย ก็หนักไปทาง “โซเวียต-รัสเซีย” มาแต่อ้อน แต่ออก โอกาสปรับตัวเข้ากับระบบทหารของอเมริกา ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ การโดดเข้าร่วมมือเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศ “QUAD” จึงดูจะเป็นไปในแบบ มุ่งที่จะอาศัยองค์กรความร่วมมือเหล่านี้สร้าง “ผลประโยชน์” ให้กับตัวเอง มากกว่าที่จะยอมให้ตัวเองตกเป็น “เครื่องมือ” ของกลุ่มก้อน องค์กรดังกล่าว แบบไม่คิดหน้า-คิดหลัง แต่อย่างใด...

ไม่ต่างไปจากคุณพี่ญี่ปุ่น ยุ่นปี่ อีกเช่นกัน...ที่แม้หามุมจบ หาข้อยุติยังไม่เจอ ในเรื่องพื้นที่พิพาท หรือเรื่องหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก ไปจนถึงเรื่องไต้หวันเอาเลยก็ว่าได้ แต่ด้วย “ผลประโยชน์” จากการทำมาหารับประทานกับจีน ก็ออกจะเป็นอะไรที่ยากจะตัดขาด ตัดเยื่อใยกันได้ง่ายๆ เรียกว่า...ขนาดรัฐบาลออกแรงยุ แรงเชียร์ ให้ “นักลงทุนญี่ปุ่น” ถอนตัวจากการลงทุนในจีน หรือ “Re-Shoring” อย่างเป็นระบบและกิจการ แต่ในจำนวนนักลงทุนญี่ปุ่น 100 คน มีแค่ 7 คนกว่าๆ เท่านั้นเอง หรือแค่ 7.2 เปอร์เซ็นต์ที่คิดจะถอนตัว ถอนการลงทุน จากเมืองจีน การที่คิดจะต่อต้าน ถ่วงรั้ง หรือปิดล้อมประเทศที่กำลังมี “ขนาดทางเศรษฐกิจ” ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลกในอีกไม่นาน-ไม่ช้า ประเทศที่ปริมาณเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มาเป็นอันดับหนึ่งของโลก ประเทศที่การเติบโตทางเศรษฐกิจกลับคืนสู่ความแข็งแกร่งเร็วที่สุดในโลก แม้ต้องเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสไม่ต่างไปจากประเทศอื่น หรืออาจโตถึง 6-8 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี ค.ศ. 2021 ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้ ย่อมทำให้ “ซามูไรญี่ปุ่น” คงไม่น่าจะชักดาบออกมากระทำ “ฮาราคีรี” ตัวเองเอาง่ายๆ...

ส่วนประเทศ “ผู้ช่วยนายอำเภอ” อย่างออสเตรเลีย...แม้พยายามเล่นบทเป็นคาวบอย หรือลูกน้องคาวบอยอย่างขยันขันแข็งเพียงใดก็ตามที แต่หลังจากเจอเข้ากับการ “ขึ้นอัตราภาษี” สินค้าต่างๆ ที่ถูกส่งออกไปยังประเทศจีน ตั้งแต่ถ่านหิน ข้าวสาลี ผักผลไม้ ไปยันถึงไวน์ออสเตรเลีย ฯลฯ คาวบอยรายนี้ก็ออกจะอ่วมอรทัยมิใช่น้อย ถึงขั้นเกิดกระแสเรียกร้องตั้งแต่ระดับเกษตรกรไปจนถึงผู้ประกอบการธุรกิจ-อุตสาหกรรมต่างๆ ให้เลิกล้มนโยบายต่อต้านจีนแบบโฉ่งๆ ฉ่างๆ เพราะมีแต่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าวทรมานต่อชาวออสเตรเลียนผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...

ดังนั้น...ในการประชุมกลุ่มประเทศ “QUAD” คราวนี้ สิ่งที่พอจับต้องได้แบบเป็นเนื้อ-เป็นหนัง จึงแทบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความร่วมมือในทางทหารกี่มาก-น้อย แต่ดันหันไปพูดกันเรื่อง “วัคซีน” เรื่อง “การเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ” หรือเรื่อง “วัตถุดิบ” ในการผลิตสินค้าเทคโนโลยี...ไปโน่น เช่น ความพยายามสนับสนุน ส่งเสริม ให้อินเดียยกระดับขีดความสามารถการผลิต “วัคซีน” แข่งกับจีน กระตุ้นให้ออสเตรเลียหาทางผลิตและส่งออก “แร่หายาก” (Rare-Earth) ออกสู่ตลาด เพื่อลดการผูกขาดของจีนภายในอนาคตเบื้องหน้า ฯลฯ แม้ว่ารัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของอเมริกา มีกำหนดการจะเดินทางไปเยือนอินเดียในสัปดาห์นี้ หรือรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และประธานเสนาธิการทหาร จะเดินทางไปเยือนญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่นั่น...ก็ไม่ได้ทำให้กลุ่มประเทศความร่วมมือทางความมั่นคงอย่าง “QUAD” ดูน่าครั่นคร้าม น่าเกรงขาม แต่อย่างใด ชนิดคอลัมนิสต์เมืองจีน อย่าง “นายZhao Yusha” แห่ง “Global Times” ถึงกับเอาไปเยาะเย้ยถากถางด้วยการสรุป หรือ “ฟันธง” และ “ฟันเฟิร์ม” ไว้ก่อนล่วงหน้า ประมาณว่า “QUAD alliance countering China doomed to fail due to member’s all-for-self attitudes” หรือความเป็นพันธมิตรทางทหารอย่าง “QUAD” นั้น ส่อแววที่จะ “ล้มเหลว” อันเนื่องมาจากบรรดาสมาชิกล้วนแล้วแต่ “เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว” ทำนองนั้น...จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ คงต้องไปคิดๆ กันเอาเองก็แล้วกัน...


กำลังโหลดความคิดเห็น