xs
xsm
sm
md
lg

การพนันและยาเสพติด : ตัวบ่อนทำลายสังคม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สามารถ มังสัง



ถ้าท่านผู้อ่านคำสอนของพุทธศาสนาที่ว่าด้วยข้อปฏิบัติของคฤหัสถ์ ก็จะพบคำสอนที่ว่าด้วยทางแห่งความเสื่อม หรืออบายมุข 4 ประการคือ

1. อิตถีธุตตะ ได้แก่นักเที่ยวผู้หญิง รวมไปถึงผู้ที่นิยมชมชอบในการแสวงหาความสุขทางกามารมณ์ ด้วยการจ่ายเงินเลี้ยงดูเด็กสาวไว้เพื่อสนองความต้องการของตนด้วย

2. สุราธุตตะ ได้แก่นักเลงสุราคือ ผู้ที่ชอบดื่มสุราเป็นอาจิณ จนกลายเป็นทาสสุราและรวมไปถึงผู้ที่ติดยาเสพติดในรูปแบบต่างๆ ด้วย

3. อักขธุตตะ ได้แก่นักการพนัน

4. ปาปมิตตะ ได้แก่การคบคนชั่วเป็นมิตร

ทางแห่งความเสื่อม 4 ประการข้างต้น ได้เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีหลักฐาน แต่พูดได้ว่าไม่น้อยกว่า 2,500 กว่าปี โดยมีคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลักฐานในการอ้างอิงได้ และพระพุทธเจ้าได้ตรัสเกี่ยวกับโทษทางอบายมุข 4 ประการนี้ไว้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างโทษของการดื่มสุรารวมไปถึงของมึนเมาทุกประเภท และการพนันไว้ดังนี้

1. การดื่มสุราและของมึนเมามีโทษ 6 ประการคือ

1.1 ทรัพย์หมดไปเห็นชัดๆ

1.2 ก่อการทะเลาะวิวาท

1.3 เป็นบ่อเกิดแห่งโรค

1.4 เสียเกียรติ เสียชื่อเสียง

1.5 ไม่มีความละอาย

1.6 บั่นทอนกำลังปัญญา

2. การเล่นพนันจนติดการพนันมีโทษ 6 ประการคือ

2.1 เมื่อชนะย่อมก่อเวร หมายความว่า ผู้แพ้ต้องการเอาชนะเป็นการแก้มือ และถ้ามีการโกงกันก็อาจนำไปสู่การล้างแค้นด้วยการทำร้ายกันก็เกิดขึ้นได้

2.2 เมื่อแพ้ก็เสียดายทรัพย์ที่เสียไป

2.3 ทรัพย์หมดไปเห็นชัดๆ

2.4 เข้าที่ประชุมคนเขาไม่เชื่อถ้อยคำหมายความว่า ผู้คนในสังคมไม่เชื่อถือคำพูดของคนที่ติดการพนัน เข้าทำนองล้มละลายทางสังคมนั่นเอง

2.5 เป็นที่ดูหมิ่น ดูแคลนของเพื่อนฝูง หมายความว่าเพื่อนฝูงไม่ให้ความสำคัญในฐานะเพื่อน จึงเป็นเสมือนแค่คนรู้จักกัน

2.6 ไม่เป็นที่ประสงค์ของผู้ที่จะหาคู่ครองให้ลูกของเขา เพราะเห็นว่า จะเลี้ยงดูให้ลูกเขาสุขสบายไม่ได้

ส่วนโทษของสองประการที่เหลือ หากท่านผู้อ่านสนใจหาอ่านได้จากหนังสือนวโกวาท แต่ที่นำโทษของการดื่มสุรา และการพนันมาเสนอท่านผู้อ่านก็ด้วยเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้

1. ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ และประชาชนของประเทศส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ จึงควรจะได้เรียนรู้คำสอนของพุทธศาสนาในส่วนที่จะช่วยให้รอดพ้นจากการเป็นทาสสิ่งเสพติดให้โทษ และการพนัน

2. การพนันและยาเสพติดไม่มีทางจะหมดไปจากสังคมมนุษย์ โดยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการปราบปรามเพียงอย่างเดียว แต่จะลดลงอยู่ในระดับที่ไม่ก่อความหายนะแก่ประเทศและสังคมโดยรวม โดยการปลูกฝังจิตใจให้อยู่ในกรอบแห่งศีลธรรมของศาสนา โดยเฉพาะพุทธศาสนาซึ่งคนไทยส่วนใหญ่นับถือควบคู่ไปกับการจัดการโดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ประกอบกับการใช้กุศโลบายทางด้านการปกครองเช่น กำหนดพื้นที่ให้มีบ่อนการพนัน และใช้มาตรการทางการเสียภาษีเงินได้ของบุคคลเป็นเกณฑ์กำหนดในการเป็นสมาชิกของบ่อน เพื่อป้องกันมิให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าไปเล่นการพนัน โดยยึดหลักที่ว่า “การพนันเป็นความหวังของคนจน แต่เป็นกีฬาของคนรวย” โดยอาศัยหลักการที่ว่านี้ คนรวยที่เล่นการพนันเป็นเกมเท่านั้น ควรจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในบ่อนที่รัฐจัดตั้งขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากเหตุผลในเชิงตรรกะดังต่อไปนี้

1. ถ้าไม่มีบ่อนที่ถูกกฎหมายให้คนรวยเล่นในประเทศ คนเหล่านี้ก็หอบเงินไปเล่นนอกประเทศ ทำให้เงินส่วนหนึ่งไหลออกนอกประเทศ แต่ถ้ามีบ่อนในประเทศ คนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องไปเล่นนอกประเทศ และยังดึงดูดให้นักการพนันต่างประเทศเข้ามาเล่นในประเทศ ทั้งยังทำให้รัฐมีรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมจากบ่อนได้ด้วย

2. เมื่อมีการวางมาตรการควบคุมตามข้อ 1 ก็เท่ากับป้องกันมิให้คนมีรายได้น้อยหรือคนจนเข้าไปเล่นเพื่อหวังได้เงิน แต่เมื่อพ่ายแพ้ก็จะนำไปสู่การก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ดังที่ปรากฏอยู่ในทุกวันนี้ เช่น การจี้ปล้น ลักเล็กขโมยน้อยไปจนถึงการค้ายาเสพติดรายย่อย เป็นต้น

3. แต่การจัดให้มีบ่อนการพนันที่ถูกกฎหมาย ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่าย เนื่องจากว่าในทันทีที่มีข่าวว่าจะมีการจัดให้มีบ่อนถูกกฎหมาย จะต้องมีคนกลุ่มหนึ่งออกมาคัดค้านโดยตรงโดยอ้างศีลธรรม และในขณะเดียวกันจะมีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งได้ประโยชน์จากบ่อนเถื่อน คอยหนุนอยู่ข้างหลังคนกลุ่มที่ว่านี้ มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้มีอิทธิพลในธุรกิจของเถื่อน

ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวแล้วข้างต้น รัฐจะต้องดำเนินการโดยใช้ทั้งนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ควบคู่กันไป โดยยึดประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง


กำลังโหลดความคิดเห็น