xs
xsm
sm
md
lg

3 ลุงอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่ยาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา | พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ | พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
"โสภณ องค์การณ์"

การเมืองไทยมีความหลากหลายด้านชีวภาพและรูปแบบ อยู่ร่วมกันได้บนความขัดแย้งด้านความคิดและผลประโยชน์ ดูให้ดีเถอะ เป็นการพึ่งพาอาศัยกันแบบน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่าด้วยกัน เพื่อความอยู่รอดและมีกิจกรรมเฉพาะกลุ่ม

การเมืองแบบ 3 ลุงถือว่าเป็นประชาธิปไตยแบบหนึ่งซึ่งคนไม่ผ่านการเลือกตั้งโดยประชาชนได้กุมอำนาจรัฐ เช่น 3 ลุง ไม่ต้องเป็น ส.ส. หรือผ่านอะไรเพียงแค่สืบทอดอำนาจจากการรัฐประหารแล้วอยู่ต่อ มีนักการเมืองสารพัดกลุ่มเป็นฐาน

ทั้ง 3 ลุง และนักการเมืองหิวผลประโยชน์อยู่ร่วมกันได้โดยผลประโยชน์ ต่างคนต่างทำมาหากิน อย่าล้ำเส้นกัน อย่ามูมมามตะกละจนเกินพอ จะทำให้วงแตก
ในยุคการใช้อำนาจรัฐประหารเต็มที่ ไม่มีนักการเมืองร่วมบริหาร การทุจริต คอร์รัปชั่นยังเบิกบานเฟื่องฟูเหมือนเดิม เป็นที่น่าอัศจรรย์มาก เพราะองค์ประกอบของขบวนการโกงมี 3 ฝาย คือ นักการเมือง ข้าราชการและพ่อค้าวานิชนักติดสินบน

เมื่อไม่มีนักการเมือง มีแต่ขุนทหารทั้งนั้น แล้วทำไมการโกงกินจึงเฟื่องฟู นอกจากไม่ลดลง ยังมากกว่าเดิมในยุคของนักการเมืองกุมอำนาจด้วยซ้ำ

นี่ก็เป็นความพิสดารที่ใครอธิบายด้วยทฤษฎีอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!

การทุจริต คอร์รัปชั่นในปีนั้นแหละที่ทำให้ประเทศไทยติดอันดับโลก นอกจากความชั่วร้ายด้านนี้แบบไร้เทียมทาน ยังมีความวิบัติด้านอื่นๆ จากการบริหารโดยคณะ 3 ลุง นักกู้สิบทิศ สร้างหนี้มโหฬารบานเบอะใช้คืนหลายชาติก็ไม่จบ

อยู่ในอำนาจภายไต้การรัฐประหาร 5 ปี บ้านเมืองไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากความยากจน หนี้สินครัวเรือนติดอันดับ 80 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ไม่มีคำอธิบาย

ไม่มีใครต้องอายเพราะความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมือง

เศรษฐกิจระดับรากหญ้าป่าคอนกรีต และรากหญ้าชนบทตายซากเรียบ หมดทางทำมาหากินเพราะนโยบายอวยเจ้าสัว กลุ่มทุนใหญ่ และการจัดระเบียบบ้านเมืองเพื่อให้ดูดี เป็นที่ชื่นชอบของต่างประเทศ

สภาวะตายซากยังเรื้อรังไร้ทางออก ส่วนหนึ่งเพราะรัฐมนตรีเศรษฐกิจทั้งชุดก่อนและชุดปัจจุบันที่ลุงตู่เป็นหัวหน้ายังไม่มีมาตรการอะไรที่จะช่วยฟื้นฟูได้

มีแต่มาตรการประชานิยมในรูปแบบต่างๆ คือเอาเงินภาษีและเงินกู้มาแจกผ่านโครงการช่วยเหลือชาวบ้าน แต่ไม่ใช่มาตรการที่ยั่งยืนหรือนำไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากช่วยค่าใช้จ่ายเพียงไม่กี่มื้อ เงินผ่านมือพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย

หลังจากช่วงรัฐประหารสู่การเมือง ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกจากเลือกตั้งและจัดสรรโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี แบ่งสันปันส่วนผลประโยชน์ให้ลงตัว หรือพอยอมรับได้ ซึ่งมองกันว่ายังดีกว่าไม่มีอะไร แต่การทุจริต คอร์รัปชั่นยังเฟื่องฟูเหมือนเดิม

เสือหิวโหยอยู่นอกวงนาน 5 ปี ได้แต่มองพวกเสืออ้วนเปิบหนัก เมื่อได้เข้ามามาส่วนร่วมผ่านพิธีกรรมการเมืองน้ำเน่า ก็ต้องถอนทุน พยายามชดเชยส่วนที่ขาดหายไปนาน 5 ปี ทำให้ระดับการคอร์รัปชั่นติดอันดับโลก แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกอาย

ไม่มีคำอธิบายด้วยว่า ทำไมจึงมีการโกงกินจนติดอันดับโลก ทั้งๆ ที่ท่านผู้นำห้าวเป้งประกาศว่าเป็นนักปราบคอร์รัปชั่น จะจัดการการทุจริตอย่างไม่ไว้หน้า

แปลกเหลือเกิน ยิ่งปราบก็ยิ่งมีตัวเลขโกง ไม่มีใครอธิบาย ไม่มีใครอาย!

และไม่มีใครต้องรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบ! กลายเป็นว่าประเทศไทยนั้นใครเข้ามาบริหารจนบ้านเมืองแทบล่มสลายเพราะการทุจริตและหนี้พอกหางหมู ก็ไม่ต้องมีใครรับผิดชอบอะไร ดูแล้วผู้บริหารแต่ละยุคก็ไม่มีใครอดอยากยากจน

คนในคณะรัฐมนตรีล้วนมีฐานะดี มิเงินหลายสิบ หลายร้อยล้าน เป็นพันล้านก็มี ทั้งรวยแบบน่าสงสัยว่าแต่ละปีเสียภาษีเงินได้มากน้อยเท่าไหร่ ไม่เปิดเผย

การรอปรับ ครม. ที่กำลังวิ่งกันอยู่ฝุ่นตลบขณะนี้ไม่มีวี่แววว่าปรับแล้วบ้านเมืองจะดีขึ้น ชาวบ้านมั่นใจว่ารูปแบบนี้เป็นคณะที่คนดีไม่อยากเข้าร่วม เพราะกลัวเสื่อมเสียเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล ไม่อยากนั่งเรือโจร อะไรทำนองนั้น

ไม่ต้องบอกว่าห้ามคนนอกเข้ามา ต้องคนใน ภายใต้โควตาเท่านั้น ก็เป็นการยืนยันว่าไม่มีคนดีเข้าร่วมแน่ พวกที่จะเข้ามาคงคัดกรองบนพื้นฐานของโควตา สัดส่วน ผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ก็ช่างมัน

อ๋อ! ก็เป็นเพราะไม่ได้คัดกรองบนพื้นฐานความรู้ ความสามารถ คุณธรรม หรือความถูกต้อง แต่เป็นบนพื้นฐานของการสานผลประโยชน์ให้ลงตัวเท่านั้น

ดังนั้น ชาวบ้านไม่ต้องหวังว่าจากนี้ไปอะไรจะดีขึ้น ชีวิตชาวบ้านทั่วไปคงอยู่แบบไร้ทิศทาง อนาคต เพราะไม่มีใครกำหนดนโยบายฟื้นฟูประเทศว่าควรเป็นอย่างไร หัวหน้ารัฐมนตรีเศรษฐกิจก็ยอมรับว่าไม่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจ

ถ้าไม่ใช่หายนะรออยู่ข้างหน้า แล้วจะเป็นอะไร ท่ามกลางหนี้ครัวเรือนแตะ 90 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี หนี้ประเทศจากการกู้ยืมเพิ่มยุค 3 ลุงอีก 4.3 ล้านล้านบาท นอกเหนือจากการใช้เงินงบประมาณไป 20 ล้านล้านบาท สุดยอดแห่งนักใช้เงิน

ผลที่ได้รับ ประเมินกันว่าประมาณ 6 แสนกว่าล้าน จริงหรือไม่ทำไมดูน้อย!

เอาเหอะ! จากนี้ไปก็จะยังกู้ต่อ โอกาสที่จะทำให้งบประมาณสมดุลยังมองไม่เห็นวี่แวว ยิ่งสัญญาณชัดว่าคณะ 3 ลุงยังเสพอำนาจไม่อิ่ม ชะตากรรมบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรคงเดาไม่ยาก ชาวบ้านคงอยู่ในสภาพเลือดตาแบบกระเด็น

แต่นักการเมืองยังเริงร่า พวกมาใหม่ย่อมดีใจ ตาเป็นมันจ้องหาโอกาสผ่านโครงการใช้เงินต่างๆ มีการระบาดของโควิด-19 มากหรือน้อย ทุกจังหวะคือโอกาส

ย้ำอีกครั้ง อย่าหวังว่าอะไรจะดีขึ้นภายไต้ ครม. ปรับใหม่ คนจะตกงานมากกว่าเดิม ธุรกิจจะล้มละลายเมื่อสายป่านยาวไม่พอ กลุ่มธุรกิจใหญ่ก็จะได้โอกาสฮุบ พร้อมกระจายสภาพของการกินรวบทางเศรษฐกิจ

มั่นใจได้ว่า ตราบใดที่ 3 ลุงยังอยู่ ขาดคนมือสะอาดบริหาร บ้านเมืองไม่มีวันสงบ อนาคตประเทศไทยไม่มีวันดีขึ้น ถ้าเป็นมะเร็ง ก็อยู่ขั้นสุดท้าย กินถึงกระดูก

ที่แน่ๆ คือการโกงบ้านกินเมือง ต้องมากกว่าเดิม!


กำลังโหลดความคิดเห็น