“ปลัดยุติธรรม” สั่งเด้งด่วน "ผบ.คุกคลองเปรม" เข้ากรุนั่งผู้ตรวจฯ เซ่น “แอมมี่” วางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ฯหน้าคุก “เลขาฯ รมว.ยุติธรรม” รุดล้อมคอกมาตรการ รปภ. ตร.สอบปากคำ "แอมมี่" เพิ่มหลังโพสต์เฟซฯรับเป็น “มือเผา” ก่อนส่งฝากขัง
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้บุกเข้าจับกุมตัวนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ “แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์” ผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ฯ บริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ทั้งนี้ ภายหลังจับกุมตัว แอมมี่ได้ให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว และถูกควบคุมตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการพลัดตกจากโครงเหล็กในระหว่างวางเพลิงนั้น
วานนี้ (4 มี.ค.) นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ลงนามในคำสั่งมอบหมายให้ นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชฑัณฑ์ ไปปฏิบัติหน้าที่ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมอีกตำแหน่งหนึ่ง และให้ นายวิชัย โชติปฏิเวชกุล ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม ปฏิบัติราชการประจำกรมราชทัณฑ์ ในหน้าที่ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ โดยให้มีผลทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การโยกย้าย ผบ.เรือนจำคลองเปรมครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์เผาทำลายทรัพย์หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา
ต่อมา ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรมลงพื้นที่ตรวจตราการรักษาความปลอดภัยบริเวณรอบเรือนจำหลังมีการก่อเหตุวางเพลิงเผาทรัพย์ ตามนโยบายของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ที่กำชับให้กรมราชทัณฑ์ รวมถึงทุกกรมในกระทรวงดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นขึ้น โดยมาตรการของเรือนจำกลางคลองเปรมนั้นได้มีการเพิ่มกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุมทุกจุด และสำรวจว่ามีจุดอับตรงไหนบ้างหรือไม่ ซึ่งได้มีการแก้ไขแล้ว
ที่ รพ.ตำรวจ พ.ต.ต.หัสนัย เฟื่องสังข์ สว.(สอบสวน) สน.ประชาชื่น พร้อมทีมพนักงานสอบสวน เดินทางมาตรวจสอบอาการบาดเจ็บของนายไชยอมร โดย พ.ต.ต.หัสนัย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีประเด็นอื่นๆ ที่ต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมหลังจากที่เมื่อวันที่ 3 มี.ค. การสอบสวนไปหลายประเด็นแล้ว เบื้องต้นผู้ต้องหาให้ความร่วมมือดี แต่ยังมีอาการวิตกกังวลอยู่บ้าง ส่วนการเคลื่อนไหว สามารถขยับตัวได้แล้ว เพราะอาการบาดเจ็บไม่สาหัส และสามารถเคลื่อนย้ายออกจาก รพ.ได้แล้ว
มีรายงานว่าประเด็นที่พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณี แอมมี่ ได้โพสต์ข้อความลงบนโซเชียลฯ ในทำนองให้การรับสารภาพว่าเหตุการณ์วางเพลิง ตนเองเป็นผู้ลงมือแต่เพียงผู้เดียว โดยจะไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ซึ่งหลังการสอบปากคำเสร็จสิ้น ก็จะดำเนินการไปขอศาลออกหมายขังในช่วงบ่าย
ส่วนกรณีที่จะมีกระแสข่าวว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ควบคุมตัว น.ส.ญาณิศา (สงวนนามสกุล) คนสนิทของแอมมี่ ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเตรียมเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น จากการตรวจสอบปรากฏว่า น.ส.ญาณิศา ได้ทิ้งสัมภาระก่อนเดินทางออกจากสนามบินไป หลังพบว่าเจ้าหน้าที่มีการตรวจตราเข้มงวด ยืนยันว่ายังไม่มีการควบคุมตัว น.ส.ญาณิศา ไว้ตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด
ต่อมา มารดาของนายไชยอมร ได้เดินทางมาที่ รพ.ตำรวจ และให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้เเอมมี่ เกิดอาการบาดเจ็บจากแผลผ่าตัดช่องท้องครั้งก่อน จึงต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ พร้อมปฏิเสธด้วยว่าบุตรชายยังไม่มีแฟน จากกรณีกระแสข่าวว่าตำรวจควบคุมตัวสาวคนสนิทของนายไชยอมร
มีรายงานว่า พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้ยื่นคำร้อง ขอส่งตัว นายไชยอมรหรือแอมมี่ต่อศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ผ่านระบบการประชุมทางจอภาพ หรือวิดิโอคอนเฟอเรนซ์มายังศาล โดยผู้ต้องหามีอาการดีขึ้น จึงไม่ต้องรักษาตัวอยู่ที่ รพ.อีกต่อไป พนักงานสอบสวนจึงขอส่งตัวผู้ต้องหาคืนต่อศาล ซึ่งศาลได้ดำเนินการสอบนายไชยอมร และทำการไต่สวน พยานหลักฐาน ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเรนซ์จาก รพ.ตำรวจ ขณะเดียวกัน นางอรวรรณ มารดาของนายนายไชยอมร ได้เดินทางมายังศาลอาญา ถนนรัชดา เพื่อยื่นขอประกันตัวบุตรชาย เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 9 หมื่นบาท แต่ศาลปฏิเสธ ยกคำร้อง โดยวันนี้นางอรวรรณ ได้ยื่นหลักทรัพย์ เป็นเงินสด 5 แสนบาท ต่อศาล
ต่อมา นางอรวรรณ พร้อม น.ส.ไอลดา อรุณวงศ์ นายประกันกองทุนราษฎร เปิดเผยว่า ล่าสุดศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวนายไชยอมร โดยระบุว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลบหนี โดยศาลได้อธิบายกับทางมารดาว่า เรื่องหลักทรัพย์ไม่ได้เป็นปัญหา แต่เหตุผลว่าเกรงกลัวการหลบหนีสำคัญกว่า ก่อนมีคำสั่งให้นำตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษ ธนบุรี
ช่วงค่ำ นางอรวรรณ ได้เดินทางมายังเรือนจำพิเศษธนบุรี ถนนเอกชัย แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กทม. หวังว่าจะได้เข้าไปส่งบุตรชาย แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้า เนื่องจากเลยเวลาทำการแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่นายไชยอมรถูกนำตัวมาฝากขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรี เนื่องจากขณะนี้ผู้ต้องหามีอาการบาดเจ็บที่ดวงตา และจำเป็นจะต้องรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง โดยมีกำหนดฝากขัง 11 วันนับตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.นี้
ด้าน เพจเฟซบุ๊ก "ปล่อยเพื่อนเรา" โพสต์ข้อความระบุว่า เรามาอย่างสันติแต่เราจะสู้อย่างหมาจนตรอก เมื่อเกิดภัยคุกคาม วันที่ 6 มี.ค. นี้ขอเชิญพี่น้องคนเสื้อแดง หรือคณะราษฎรทุกหมู่เหล่า ร่วมเดินขบวนแรลลี่ขับไล่เผด็จการ จุดรวมพลโลตัสรังสิต ไปกรมทหารราบ 11 เวลา 13:00 น เป็นต้นไป ขอให้ทุกคนที่ร่วมขบวนติดร่ม ติดหมวก ติดอุปกรณ์พักแรมมาด้วยนะครับ แล้วเจอกัน
ขณะที่ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.นฐานะโฆษกบช.น. ได้ประชาสัมพันธ์กรณีการประกาศนัดชุมนุมทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ 1. กลุ่มแนวร่วมแดงก้าวหน้า 63 ที่โลตัสรังสิต และจะเคลื่อนขบวนมาที่กรมทหารราบที่ 11 ในวันที่ (6 มี.ค.) เวลา 13.00 น. และ 2. กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ (6 มี.ค.) เวลา 17.00 น. จึงขอแจ้งว่า การชุมนุมในวันและเวลาดังกล่าว อาจมีความผิดและได้รับโทษตามกฎหมาย ดังนี้ 1.การร่วมกันชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด เป็นความผิดตาม มาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, 2. ความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 34 (6),51 ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท, 3.ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโฆษณา โดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4 ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน 200 บาท
4.ผู้ใดมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, 5.เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไป แล้วผู้ใดไม่เลิก เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216 ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, 6.ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์สินให้เกิดความเสียหาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-140,000 บาท และ 7.การทำให้ทรัพย์สินสาธารณประโยชน์เสียหาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้มีรายงานว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้เดินทางประชุมนุมที่ บช.น. โดยสั่งการพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และ ผบก.น.1-9 ให้ดำเนินการวางแผนเผชิญเหตุ และป้องกันเหตุเหมือนกรณี เมื่อวันที่ 28 ก.พ. มีคนร้ายก่อเหตุเผาทรัพย์สินราชการ หน้าเรือนจำคลองเปรม เนื่องจากอาจมีกลุ่มบุคคลทำพฤติกรรมเลียนแบบ จึงแจ้งเตือนให้แต่ละหน่วย แต่ละโรงพัก เฝ้าระวังดูแลอย่าให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น หากพบให้รีบจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้บุกเข้าจับกุมตัวนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ “แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์” ผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ฯ บริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ทั้งนี้ ภายหลังจับกุมตัว แอมมี่ได้ให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว และถูกควบคุมตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการพลัดตกจากโครงเหล็กในระหว่างวางเพลิงนั้น
วานนี้ (4 มี.ค.) นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ลงนามในคำสั่งมอบหมายให้ นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชฑัณฑ์ ไปปฏิบัติหน้าที่ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมอีกตำแหน่งหนึ่ง และให้ นายวิชัย โชติปฏิเวชกุล ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม ปฏิบัติราชการประจำกรมราชทัณฑ์ ในหน้าที่ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ โดยให้มีผลทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การโยกย้าย ผบ.เรือนจำคลองเปรมครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์เผาทำลายทรัพย์หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา
ต่อมา ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรมลงพื้นที่ตรวจตราการรักษาความปลอดภัยบริเวณรอบเรือนจำหลังมีการก่อเหตุวางเพลิงเผาทรัพย์ ตามนโยบายของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ที่กำชับให้กรมราชทัณฑ์ รวมถึงทุกกรมในกระทรวงดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นขึ้น โดยมาตรการของเรือนจำกลางคลองเปรมนั้นได้มีการเพิ่มกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุมทุกจุด และสำรวจว่ามีจุดอับตรงไหนบ้างหรือไม่ ซึ่งได้มีการแก้ไขแล้ว
ที่ รพ.ตำรวจ พ.ต.ต.หัสนัย เฟื่องสังข์ สว.(สอบสวน) สน.ประชาชื่น พร้อมทีมพนักงานสอบสวน เดินทางมาตรวจสอบอาการบาดเจ็บของนายไชยอมร โดย พ.ต.ต.หัสนัย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีประเด็นอื่นๆ ที่ต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมหลังจากที่เมื่อวันที่ 3 มี.ค. การสอบสวนไปหลายประเด็นแล้ว เบื้องต้นผู้ต้องหาให้ความร่วมมือดี แต่ยังมีอาการวิตกกังวลอยู่บ้าง ส่วนการเคลื่อนไหว สามารถขยับตัวได้แล้ว เพราะอาการบาดเจ็บไม่สาหัส และสามารถเคลื่อนย้ายออกจาก รพ.ได้แล้ว
มีรายงานว่าประเด็นที่พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณี แอมมี่ ได้โพสต์ข้อความลงบนโซเชียลฯ ในทำนองให้การรับสารภาพว่าเหตุการณ์วางเพลิง ตนเองเป็นผู้ลงมือแต่เพียงผู้เดียว โดยจะไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ซึ่งหลังการสอบปากคำเสร็จสิ้น ก็จะดำเนินการไปขอศาลออกหมายขังในช่วงบ่าย
ส่วนกรณีที่จะมีกระแสข่าวว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ควบคุมตัว น.ส.ญาณิศา (สงวนนามสกุล) คนสนิทของแอมมี่ ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเตรียมเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น จากการตรวจสอบปรากฏว่า น.ส.ญาณิศา ได้ทิ้งสัมภาระก่อนเดินทางออกจากสนามบินไป หลังพบว่าเจ้าหน้าที่มีการตรวจตราเข้มงวด ยืนยันว่ายังไม่มีการควบคุมตัว น.ส.ญาณิศา ไว้ตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด
ต่อมา มารดาของนายไชยอมร ได้เดินทางมาที่ รพ.ตำรวจ และให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้เเอมมี่ เกิดอาการบาดเจ็บจากแผลผ่าตัดช่องท้องครั้งก่อน จึงต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ พร้อมปฏิเสธด้วยว่าบุตรชายยังไม่มีแฟน จากกรณีกระแสข่าวว่าตำรวจควบคุมตัวสาวคนสนิทของนายไชยอมร
มีรายงานว่า พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้ยื่นคำร้อง ขอส่งตัว นายไชยอมรหรือแอมมี่ต่อศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ผ่านระบบการประชุมทางจอภาพ หรือวิดิโอคอนเฟอเรนซ์มายังศาล โดยผู้ต้องหามีอาการดีขึ้น จึงไม่ต้องรักษาตัวอยู่ที่ รพ.อีกต่อไป พนักงานสอบสวนจึงขอส่งตัวผู้ต้องหาคืนต่อศาล ซึ่งศาลได้ดำเนินการสอบนายไชยอมร และทำการไต่สวน พยานหลักฐาน ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเรนซ์จาก รพ.ตำรวจ ขณะเดียวกัน นางอรวรรณ มารดาของนายนายไชยอมร ได้เดินทางมายังศาลอาญา ถนนรัชดา เพื่อยื่นขอประกันตัวบุตรชาย เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 9 หมื่นบาท แต่ศาลปฏิเสธ ยกคำร้อง โดยวันนี้นางอรวรรณ ได้ยื่นหลักทรัพย์ เป็นเงินสด 5 แสนบาท ต่อศาล
ต่อมา นางอรวรรณ พร้อม น.ส.ไอลดา อรุณวงศ์ นายประกันกองทุนราษฎร เปิดเผยว่า ล่าสุดศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวนายไชยอมร โดยระบุว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลบหนี โดยศาลได้อธิบายกับทางมารดาว่า เรื่องหลักทรัพย์ไม่ได้เป็นปัญหา แต่เหตุผลว่าเกรงกลัวการหลบหนีสำคัญกว่า ก่อนมีคำสั่งให้นำตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษ ธนบุรี
ช่วงค่ำ นางอรวรรณ ได้เดินทางมายังเรือนจำพิเศษธนบุรี ถนนเอกชัย แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กทม. หวังว่าจะได้เข้าไปส่งบุตรชาย แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้า เนื่องจากเลยเวลาทำการแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่นายไชยอมรถูกนำตัวมาฝากขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรี เนื่องจากขณะนี้ผู้ต้องหามีอาการบาดเจ็บที่ดวงตา และจำเป็นจะต้องรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง โดยมีกำหนดฝากขัง 11 วันนับตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.นี้
ด้าน เพจเฟซบุ๊ก "ปล่อยเพื่อนเรา" โพสต์ข้อความระบุว่า เรามาอย่างสันติแต่เราจะสู้อย่างหมาจนตรอก เมื่อเกิดภัยคุกคาม วันที่ 6 มี.ค. นี้ขอเชิญพี่น้องคนเสื้อแดง หรือคณะราษฎรทุกหมู่เหล่า ร่วมเดินขบวนแรลลี่ขับไล่เผด็จการ จุดรวมพลโลตัสรังสิต ไปกรมทหารราบ 11 เวลา 13:00 น เป็นต้นไป ขอให้ทุกคนที่ร่วมขบวนติดร่ม ติดหมวก ติดอุปกรณ์พักแรมมาด้วยนะครับ แล้วเจอกัน
ขณะที่ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.นฐานะโฆษกบช.น. ได้ประชาสัมพันธ์กรณีการประกาศนัดชุมนุมทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ 1. กลุ่มแนวร่วมแดงก้าวหน้า 63 ที่โลตัสรังสิต และจะเคลื่อนขบวนมาที่กรมทหารราบที่ 11 ในวันที่ (6 มี.ค.) เวลา 13.00 น. และ 2. กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ (6 มี.ค.) เวลา 17.00 น. จึงขอแจ้งว่า การชุมนุมในวันและเวลาดังกล่าว อาจมีความผิดและได้รับโทษตามกฎหมาย ดังนี้ 1.การร่วมกันชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด เป็นความผิดตาม มาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, 2. ความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 34 (6),51 ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท, 3.ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโฆษณา โดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4 ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน 200 บาท
4.ผู้ใดมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, 5.เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไป แล้วผู้ใดไม่เลิก เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216 ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, 6.ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์สินให้เกิดความเสียหาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-140,000 บาท และ 7.การทำให้ทรัพย์สินสาธารณประโยชน์เสียหาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้มีรายงานว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้เดินทางประชุมนุมที่ บช.น. โดยสั่งการพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และ ผบก.น.1-9 ให้ดำเนินการวางแผนเผชิญเหตุ และป้องกันเหตุเหมือนกรณี เมื่อวันที่ 28 ก.พ. มีคนร้ายก่อเหตุเผาทรัพย์สินราชการ หน้าเรือนจำคลองเปรม เนื่องจากอาจมีกลุ่มบุคคลทำพฤติกรรมเลียนแบบ จึงแจ้งเตือนให้แต่ละหน่วย แต่ละโรงพัก เฝ้าระวังดูแลอย่าให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น หากพบให้รีบจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี