xs
xsm
sm
md
lg

ฟาด“จุรินทร์”โกงถุงมือยาง อคส. แฉ“นิพนธ์”เอื้อนายทุนนิคม“จะนะ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

“เลขาฯเพื่อไทย” เปิดโปงคนใกล้ชิด “บิ๊ก ปชป.” นำขบวนงาบงบซื้อถุงมือยางแสนล้าน ทำสัญญาลวง-แหกตาการซื้อขาย ฉะเอกชนมีทุน 2 ล้านได้เซ็นสัญญาระดับแสนล้าน ตอก “จุรินทร์” รู้เห็นทุกอย่าง จวก "บิ๊กตู่" เพิกเฉย-ไม่ตัดวงจรโกง

วานนี้ (18 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเป็นวันที่ 3 โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้อภิปราย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ว่าปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตทำสัญญาลวง ซื้อขายถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) มูลค่า 112,500 ล้านบาท สร้างความเสียหายแก่รัฐ 2,000 ล้านบาท ที่เบิกจ่ายเป็นค่ามัดจำล่วงหน้า พร้อมกันนี้ยังได้นำผังความเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งบุคคลและเตรียมมอบนโยบายเพื่อมาทำการทุจริต

โดยนายประเสริฐระบุว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ย.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกคำสั่งย้าย พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง อสค. ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่ได้ดำเนินการเพิ่มเติม สวนทางกับคำแถลงนโนบายต่อรัฐสภา แม้จะมีกระทู้ถามเรื่องทุจริตถุงมือยาง ก็ไม่มีการยับยั้งการถ่ายเทเงินทุจริต 400 ล้านบาทจาก บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด จนไม่มีเงินที่จะอายัด ถือเป็นเจ้าพนักงานที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ขณะเดียวกันพบว่า อสค.ไม่ได้เรียกเงินมัดจำแม้แต่บาทเดียว หรือมีข้อตกลงใดในสัญญา ทั้งที่ 2 บริษัทอยู่ต่างประเทศ แต่กลับไม่มีการตรวจสอบใดๆ จึงตั้งข้อสังเกตสัญญาลวงทุจริต รับเงินจาก อสค.และสัญญาที่ทำกับเอกชน 7 สัญญา พบบางแห่งมีเชื่อมโยงกันและมีเพียงการใช้ชื่อในการทำกลลวง

นายประเสริฐยังได้ปเปิดเผยแผนผังพบกลุ่มบุคคลใกล้ชิดกับพรรคประชาธิปัตย์หลายราย พร้อมเปิดคลิปเสียง ที่อ้างว่าเป็นบทสทนาระหว่าง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ และ นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานกรรมการ อคส. ที่เคยเป็นอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2561 ระหว่างการประชุม บอร์ด อคส. เมื่อ 26 ส.ค.63 ว่า ในบทสนทนา ได้ถามถึงสัญญาที่ควรนำมาแสดง เพราะมีมูลค่าสูง แต่มีการทักท้วงว่าเป็นเรื่องลับ และนายสุชาติ ระบุว่าให้รอง รมว.พาณิชย์เป็นผู้กดเดิน แสดงว่านายจุรินทร์มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ดีหลังจากประชุมพบบันทึกรายงานการประชุมที่ตัดวาระดังกล่าวออกจากบันทึก ซึ่งตนแปลกใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นประเด็นเพื่อไม่ให้มีผลต่อความรับผิดชอบ หรือถูกสอบว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่

นายประเสริฐ ยังได้ประกาศกลางสภาฯด้วยว่า จะยื่นดำเนินคดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายจุรินทร์ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และขอให้เตรียมไปชี้แจงหลังจากนี้

ต่อมา นายจุรินทร์ ได้ชี้แจงว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ และเคยตอบกระทู้นี้ในสภาฯมาแล้ว โดยขอยืนยันว่าตนเองไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับโครงการนี้และการดำเนินการนี้แต่อย่างใด ไม่ว่าจะทั้งเป็นทางการ ไม่เป็นทางการ หรือการแอบสั่งการในที่ลับและที่แจ้ง ส่วนประเด็นที่ผู้อภิปรายระบุว่าไม่มีการตั้งกรรมการสอบ ไม่อายัดเงิน ยืนยันว่า มีการตั้งกรรมการตรวจสอบและดำเนินคดี ส่วนข้อกล่าวหาว่า นายกฯไม่ดำเนินการอะไร ยืนยันว่าหลังจากที่ตนเองทราบเรื่องนี้ได้รายงานนายกฯ และติดตามความคืบหน้ามาตลอด ส่วนกรณีประธานบอร์ด อสค.ใกล้ชิดคนนั้นคนนี้ ไม่ว่าจะรู้จักผู้ใหญ่ รู้จักนายกฯ ไม่ได้หมายความว่าจะมีอำนาจล้นฟ้าทำอะไรก็ได้ หากทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี ยืนยันว่าตนเองจะไม่ยอมและจะจัดการทั้งวินัย ทางแพ่ง อาญา ตราบเท่าที่ยังอยู่ในหน้าที่

“สัญญาที่ทำกับการ์เดียนโกลฟส์ เป็นโมฆะ หลังจากพบข้อพิรุธใน 7 สัญญา และสอดคล้องกับรายงานของ ผอ.อสค.คนใหม่ รายงานเมื่อ 4 ก.พ. ว่า ผลสอบข้อเท็จจริงมีผลสอบเอกสาร 2,268 แผ่น พบผู้ทุจริตเพิ่ม 2 คน รวมเป็น 3 คน และได้รายงานผลสอบข้อเท็จจริงต่อบอร์ด อสค.แล้ว และส่งสำเนารายงานตรวจสอบไปให้กับ ป.ป.ช.แล้ว และให้ดำเนินการทางแพ่ง อาญา กับคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด” นายจุรินทร์ ระบุ

ต่อมา นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปราย นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย โดยกล่าวหาว่า ไม่มีความซื่อสัตย์เอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้องจาก โครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา หรือเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ซึ่งนายนิพนธ์ ในขณะเป็นนายกอบจ. สงขลาได้เป็นคนวิ่งเต้นเอาโครงการจะนะไปสอดไส้โครงการเดิม เพราะโครงการเดิมตามมติ ครม. 2559 มีแค่ 3 พื้นที่คือ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี , อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และอ.เบตง จ.ยะลา แต่ไม่ได้มี อ.จะนะ รวมอยู่ด้วย และมองว่า นายนิพนธ์ พยายามเร่งรัดผลักดันโครงการนี้ โดยเบื้องหลังโครงการจะนะคือกลุ่มทุนใหญ่ที่จะมาสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ น่าสงสัยที่ไม่ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นฝ่ายทำ แต่กลุ่มทุนนี้มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับนายนิพนธ์ และกลุ่มทุนนี้ก็เป็นกลุ่มทุนที่มอบเงินบริจาคโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐด้วย

“วันที่ 18 ส.ค.63 ครม.มีมติให้กรมโยธาธิการและผังเมืองแก้ไขผังเมือง เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ใน 3 ตำบลใน อ.จะนะ จากพื้นที่สีเขียวที่เป็นพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรม และสีเขียวคาดขาวที่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ป่าไม้ ซึ่งเดิมห้ามไม่ให้เอกชนตั้งโรงงงานที่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมก็ไปเปลี่ยนให้เป็นสีม่วงเข้ม หรือพื้นที่อุตสาหกรรมหนัก โดยการเปิดโปงของนักข่าว ตั้งคำถามเกี่ยวกับการกว้านซื้อที่ดิน โดยมีนักการเมืองระดับชาติ ที่คนในพื้นที่รู้กันดีเกี่ยวข้อง โดยดำเนินการในนามลูกชาย ทนายคนหนึ่ง และเครือญาติ ซึ่งนี่ทำให้ผมกล่าวหานายนิพนธ์ รมช.มหาดไทย ที่กำกับดูแลกรมที่ดิน” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวต่อว่า นายนิพนธ์มีข้อมูลภายในให้เครือญาติให้กว้านซื้อที่ดินอย่างชัดเจน ราคาขายและราคารับซื้อที่ดินโดยกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมจะนะ มูลค่าที่เพิ่มจากการพัฒนาของที่ดินส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของนายหน้าและนายทุน ถ้าคิดทั้งเมือง จะมีเม็ดเงิน 3 หมื่นล้านบาทตกอยู่ในมือของกลุ่มทุนใหญ่ที่ซื้อที่ดินนั้น ส่วนต่างที่ได้ ไม่ตกถึงมือชาวบ้านเลย นอกจากนี้ยังมีการซื้อขายที่ดินอำพรางระหว่างบริษัทลูกของนายนิพนธ์กับบริษัทกลุ่มทุนใหญ่นั้น โดยบริษัทเครือญาติของนายนิพนธ์ การที่ซื้อที่ดินกับกลุ่มทุนนั้นเหมาะสมหรือไม่

ขณะที่ นายนิพนธ์ กล่าวปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด พร้อมระบุว่า เรื่องที่นำมากล่าวหาตนใช้อำนาจหน้าที่และมีการกล่าวหาว่าเอาที่ดินของประชาชนไปใช้ประโยชน์ถือเป็นการกล่าวหาเท็จทั้งสิ้น เพราะเป็นการพิพาทกันระหว่างสิทธิครอบครองที่ดิน ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว และเจ้าหน้าที่ที่ดิน ก็ต้องให้คนที่มี นส.3 ก มากกว่าคนที่ไม่มีเอกสารอะไรเลยว่าที่ดินแปลงนั้นเป็นของเขา คนที่ไม่เห็นด้วยก็เอาเรื่องไปฟ้องศาล ซึ่งเป็นเรื่องปกติทางแพ่ง แต่ผู้อภิปรายกับปะติดปะต่อ จับแพะชนแกะ แล้วแปะเอกสารมาว่าตน ถือว่านายประเสริฐพงษ์โกหกกลางสภา ใช้เอกสารไม่จริงจงใจให้ประชาชนเข้าใจผิด ดังนั้นต้องหัดดูเอกสารให้รอบคอบกว่านี้

จากนั้นเป็นการอภิปราย นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ โดยมี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล, นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย, นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย และนายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย เป็นผู้อภิปราย โดยกล่าวหานายณัฏฐพลว่า เลือกปฏิบัติ ไม่ยึดถือหลักธรรมาภิบาล ในกรณีการแต่งตั้งรองเลขาธิการ สกสค. , เลขาธิการ สกสค., เลขาธิการคุรุสภา และข้าราชการระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการหลายราย ซึ่งถือเป็นการกระทำโดยไม่ชอบของนายณัฏฐพล

ขณะที่ นายณัฏฐพล ชี้แจงว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหาสามารถเข้าสรรหาและทำหน้าที่ต่างๆตามกระบวนการ สำหรับเรื่องผลประโยชน์ ประเด็นทุจริตในการบริหาร ไม่ว่าจะมีการยื่นเรื่องไปที่ศาล หรือช่องทางกระบวนการยุติธรรม ก็ยินดี มั่นใจว่า กระบวนการสรรหาทำตามกฎหมาย ที่บอกว่า มีวันนี้ได้เพราะตนให้ ในเอกสารที่ผู้อภิปราย นำมาอภิปรายบอกเอง เพราะพ่อแม่นายธนพร เป็นครู ทั้งหมด อีกทั้งเราต้องการบริหารจัดการให้สกสค. นำเงินกลับมาอยู่ในมือของครู อย่างไรก็ตาม ปัญหาการทุจริตต่างๆในสกสค. ของบางบริษัทนั้น ล้วนเกิดก่อนในปี 2557


กำลังโหลดความคิดเห็น