ผู้จัดการรายวัน360- สามนิ้วดิ้นพล่าน หลังแกนนำถูกจับ ไม่ได้ประกันตัว "รุ้ง" เดินสายยื่นจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องปล่อยตัว 4 ผู้ต้องหา ม.112 ชี้ศาลไม่ให้ประกัน เป็นการละเมิดสิทธิตามรธน. เผยเตรียมใจตัวเองคงไม่รอดนอนคุกเหมือนกัน หลังอัยการนัดฟังคำสั่งฟ้องคดีชุมนุม 19 กันยา ชุดใหญ่ "ไมค์-ไผ่-รุ่ง" พ่วง ม.112 แต่เชื่อขบวนการต่อสู้ยังเดินหน้าได้ "อานนท์" ร่อนจดหมายจากแดน 2 ปั่นม็อบ ไม่ได้ประกันตัว ติดคุกอีกนาน ด้าน 255 คณาจารย์ ร่อนแถลงการณ์เรียกร้องคืนสิทธิประกันตัว 4 แกนนำราษฎร
หลังจากแกนนำคณะราษฎร 4 คน คือ นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน), นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข, และนายปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม (หมอลำแบงก์) ถูกดำเนินคดี มาตรา112 และศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว ด้วยเหตุผลว่าหากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จำเลยอาจไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาอีก ทำให้บรรดาแกนนำในส่วนที่เหลือพร้อมแนวร่วม ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว
โดยเมื่อวานนี้ (16ก.พ.) น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เปิดเผยว่า จะเดินทางไปที่ ศาลรัฐธรรมนูญ กระทรวงยุติธรรม ศาลอาญารัชดา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่ออ่านจดหมายเปิดผนึก โดยได้ไปยื่นจดหมายที่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่แรก ผ่าน น.ส. สิริยา หอมสุวรรณ ผอ.สำนักบริหารกลาง สำนักงานศาลรธน. และได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย ว่า การที่ศาลปฏิเสธสิทธิในการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า มีพฤติกรรมที่อาจกระทำความผิดซ้ำ เป็นการ "พิพากษาล่วงหน้า" ว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง และอาจทำซ้ำนั้น ขัดต่อหลักการสันนิษฐานว่า บุคคลทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นการละเมิดสิทธิตามรธน. ของจำเลยทั้ง 4 คนอย่างชัดเจน
“การปฏิเสธสิทธิในการประกันตัวของผู้ต้องหา หรือจำเลยตามมาตรา 112 ให้จองจำเอาไว้อย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่คดียังไม่ได้เริ่มการไต่สวน และผู้ต้องหาไม่มีพฤติกรรมที่จะหลบหนี แต่ให้สิทธิในการประกันผู้ต้องหาหรือจำเลยน์คดีอาญาอื่นๆ ที่มีอัตราโทษรุนแรง เช่น ต้องหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนา อาจนำไปสู่การสร้างมาตรฐานอันไม่ชอบธรรม คือผู้ต้องหาในความผิดหมิ่นประมาทกษัตริย์ มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัวมากกว่าคดีอาญาอื่นๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชน รวมถึงผู้ที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมในกรณีที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์แล้ว ยังทำลายเกียรติภูมิของศาล และกระบวนการยุติธรรมไทย ให้ย่อยยับลง จนอาจถูกติฉินจากนานาอารยประเทศ ว่า ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองภายในประเทศ จนละทิ้งศักดิ์ศรี และเกียรติภูมิเพื่อชำรงไว้ซึ่งเกียรติภูมิของศาล และความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนต่อหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม"
น.ส.ปนัสยา ยังกล่าวด้วยว่าตนเองเตรียมใจไว้แล้ว กับการที่วันนี้ (17ก.พ.) อัยการจะพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องตนเอง ในคดี มาตรา 112 หรือไม่ เพราะมันเป็นคดีเดียวกับทั้ง 4 แกนนำ เพราะธงมันออกมาชัดเจน เขาต้องการให้เราเข้าไปถูกขัง และไม่ได้รับการประกันตัว
น.ส.ปนัสยา ยังกล่าวถึงการชุมนุม เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่เกิดเหตุความรุนแรงว่า เป็นเหตุการณ์ที่เราไม่คาดคิด แต่ในวันนั้น ยอมรับว่าเราควบคุมไม่ได้ อันนี้เรายอมรับผิดจริงๆ แต่หลังจากนี้ทุกอย่างจะรัดกุมและครอบคลุมขึ้น เราจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก
เมื่อถามว่า หากในวันนี้ต้องเข้าเรือนจำ แล้วการชุมนุมวันที่ 20 ก.พ. ที่นัดหมายไว้ ว่าหากครบกำหนด7 วัน ไม่มีการปล่อยตัว4แกนนำ จะมีการชุมนุมอีกครั้ง จะมีแนวทางอย่างไร น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ยังคงต้องมีการชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่าหลังจากนั้น น.ส.ปนัสยา ก็ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อที่ กระทรวงยุติธรรม ศาลอาญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกรัฐมนตรี
"ไผ่-ทราย'นำ" เดินทะลุฟ้า'จากโคราช-กทม.
ในวันเดียวกันนี้ ที่สวนสุรนารี ข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา คณะราษฎรประมาณ 30 คนรวมตัวกันจัดเตรียมทำกิจกรรม เดินทะลุฟ้า 247.5 กม. จากโคราช-กรุงเทพ โดยมี 3 แกนนำ คือ "ไผ่ ดาวดิน" นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และ "ทราย" น.ส.อินทิรา เจริญปุระ ในฐานะตัวแทนราษฎร และ นายนิมิตร์ เทียนอุดม ตัวแทน People GO Network นำเดิน
"การเดินครั้งนี้ ก็เพื่อให้ปล่อยเพื่อนของเรา เพราะการเดินครั้งนี้ มาจากเพื่อเราโดนจับ ซึ่งเขาบังคับให้เราสู้ ฉะนั้นการเดินก็คือการต่อสู้ เพื่อให้ปล่อยเพื่อนเรา และต้องไม่จับเพิ่ม" ไผ่ ดาวดิน กล่าว
อัยการสั่งฟ้อง'ม็อบราษฎร'ชุมนุม19 ก.ย.
นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 นัดสั่งฟ้องผู้ต้องหาแกนนำและแนวร่วม กลุ่มราษฎร คดีชุมนุมในวันที่ 17 ก.พ. เวลา 10.00 น.ว่า คดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 18 คน เป็นคดีจากกรณีการชุมนุม "19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร" เมื่อวันที่19 - 20 ก.ย.63
ในจำนวนนี้มี 3 คน ที่โดนแจ้งข้อหาตาม ป.อาญา ม.112 คือ นายภาณุพงศ์ นายจตุภัทร์ และน.ส.ปนัสยา ส่วนผู้ต้องหาจะมาครบหรือไม่นั้น ยังไม่มั่นใจ แต่ได้แจ้งผู้ต้องหาแล้ว
'อานนท์'ร่อนจดหมายจากแดน 2 ปลุกไฟม็อบ
เพจเฟซบุ๊กของ “นายอานนท์ นำภา” แกนนำม็อบ โพสต์ข้อความ โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า
พวกเราข้างในหวังว่าเพื่อนๆจะมีพลังใจในการต่อสู้และเราขอให้สัญญาว่าจะรักษาพลังใจให้เข้มแข็งเพื่อออกไปสู้ร่วมกันอีกครั้ง
“ให้มันจบที่รุ่นเรา”
พริษฐ์ ชิวารักษ์
อานนท์ นำภา
ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
16 กุมภาพันธ์ 2564
เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แดน 2 ห้อง 7
255 คณาจารย์ เรียกร้องคืนสิทธิประกันตัว 4 แกนนำราษฎร
ขณะที่คณาจารย์ 255 รายชื่อ 31 สถาบัน ในนามเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) ออกแถลงการณ์เรื่อง "ขอให้ศาลคืนสิทธิในการได้รับการประกันตัวระหว่างถูกดำเนินคดีแก่ผู้ถูกสั่งฟ้องจากการชุมนุม" โดยมีเนื้อความระบุดังนี้...
ทั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวแกนนำของการชุมนุมวันที่ 19-20 กันยายน 2563 รวม 4 คน ได้แก่ นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน), นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข, และนายปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม (หมอลำแบงค์) โดยให้เหตุผลว่า “หากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยอาจไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาอีก” คณาจารย์ผู้มีรายชื่อแนบท้ายจำนวน 255 รายชื่อ 31 สถาบัน ขอให้ศาลได้พึงพิจารณาทบทวนคำสั่งไม่ให้ประกันตัว
หลังจากแกนนำคณะราษฎร 4 คน คือ นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน), นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข, และนายปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม (หมอลำแบงก์) ถูกดำเนินคดี มาตรา112 และศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว ด้วยเหตุผลว่าหากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จำเลยอาจไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาอีก ทำให้บรรดาแกนนำในส่วนที่เหลือพร้อมแนวร่วม ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว
โดยเมื่อวานนี้ (16ก.พ.) น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เปิดเผยว่า จะเดินทางไปที่ ศาลรัฐธรรมนูญ กระทรวงยุติธรรม ศาลอาญารัชดา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่ออ่านจดหมายเปิดผนึก โดยได้ไปยื่นจดหมายที่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่แรก ผ่าน น.ส. สิริยา หอมสุวรรณ ผอ.สำนักบริหารกลาง สำนักงานศาลรธน. และได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย ว่า การที่ศาลปฏิเสธสิทธิในการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า มีพฤติกรรมที่อาจกระทำความผิดซ้ำ เป็นการ "พิพากษาล่วงหน้า" ว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง และอาจทำซ้ำนั้น ขัดต่อหลักการสันนิษฐานว่า บุคคลทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นการละเมิดสิทธิตามรธน. ของจำเลยทั้ง 4 คนอย่างชัดเจน
“การปฏิเสธสิทธิในการประกันตัวของผู้ต้องหา หรือจำเลยตามมาตรา 112 ให้จองจำเอาไว้อย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่คดียังไม่ได้เริ่มการไต่สวน และผู้ต้องหาไม่มีพฤติกรรมที่จะหลบหนี แต่ให้สิทธิในการประกันผู้ต้องหาหรือจำเลยน์คดีอาญาอื่นๆ ที่มีอัตราโทษรุนแรง เช่น ต้องหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนา อาจนำไปสู่การสร้างมาตรฐานอันไม่ชอบธรรม คือผู้ต้องหาในความผิดหมิ่นประมาทกษัตริย์ มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัวมากกว่าคดีอาญาอื่นๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชน รวมถึงผู้ที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมในกรณีที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์แล้ว ยังทำลายเกียรติภูมิของศาล และกระบวนการยุติธรรมไทย ให้ย่อยยับลง จนอาจถูกติฉินจากนานาอารยประเทศ ว่า ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองภายในประเทศ จนละทิ้งศักดิ์ศรี และเกียรติภูมิเพื่อชำรงไว้ซึ่งเกียรติภูมิของศาล และความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนต่อหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม"
น.ส.ปนัสยา ยังกล่าวด้วยว่าตนเองเตรียมใจไว้แล้ว กับการที่วันนี้ (17ก.พ.) อัยการจะพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องตนเอง ในคดี มาตรา 112 หรือไม่ เพราะมันเป็นคดีเดียวกับทั้ง 4 แกนนำ เพราะธงมันออกมาชัดเจน เขาต้องการให้เราเข้าไปถูกขัง และไม่ได้รับการประกันตัว
น.ส.ปนัสยา ยังกล่าวถึงการชุมนุม เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่เกิดเหตุความรุนแรงว่า เป็นเหตุการณ์ที่เราไม่คาดคิด แต่ในวันนั้น ยอมรับว่าเราควบคุมไม่ได้ อันนี้เรายอมรับผิดจริงๆ แต่หลังจากนี้ทุกอย่างจะรัดกุมและครอบคลุมขึ้น เราจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก
เมื่อถามว่า หากในวันนี้ต้องเข้าเรือนจำ แล้วการชุมนุมวันที่ 20 ก.พ. ที่นัดหมายไว้ ว่าหากครบกำหนด7 วัน ไม่มีการปล่อยตัว4แกนนำ จะมีการชุมนุมอีกครั้ง จะมีแนวทางอย่างไร น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ยังคงต้องมีการชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่าหลังจากนั้น น.ส.ปนัสยา ก็ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อที่ กระทรวงยุติธรรม ศาลอาญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกรัฐมนตรี
"ไผ่-ทราย'นำ" เดินทะลุฟ้า'จากโคราช-กทม.
ในวันเดียวกันนี้ ที่สวนสุรนารี ข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา คณะราษฎรประมาณ 30 คนรวมตัวกันจัดเตรียมทำกิจกรรม เดินทะลุฟ้า 247.5 กม. จากโคราช-กรุงเทพ โดยมี 3 แกนนำ คือ "ไผ่ ดาวดิน" นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และ "ทราย" น.ส.อินทิรา เจริญปุระ ในฐานะตัวแทนราษฎร และ นายนิมิตร์ เทียนอุดม ตัวแทน People GO Network นำเดิน
"การเดินครั้งนี้ ก็เพื่อให้ปล่อยเพื่อนของเรา เพราะการเดินครั้งนี้ มาจากเพื่อเราโดนจับ ซึ่งเขาบังคับให้เราสู้ ฉะนั้นการเดินก็คือการต่อสู้ เพื่อให้ปล่อยเพื่อนเรา และต้องไม่จับเพิ่ม" ไผ่ ดาวดิน กล่าว
อัยการสั่งฟ้อง'ม็อบราษฎร'ชุมนุม19 ก.ย.
นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 นัดสั่งฟ้องผู้ต้องหาแกนนำและแนวร่วม กลุ่มราษฎร คดีชุมนุมในวันที่ 17 ก.พ. เวลา 10.00 น.ว่า คดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 18 คน เป็นคดีจากกรณีการชุมนุม "19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร" เมื่อวันที่19 - 20 ก.ย.63
ในจำนวนนี้มี 3 คน ที่โดนแจ้งข้อหาตาม ป.อาญา ม.112 คือ นายภาณุพงศ์ นายจตุภัทร์ และน.ส.ปนัสยา ส่วนผู้ต้องหาจะมาครบหรือไม่นั้น ยังไม่มั่นใจ แต่ได้แจ้งผู้ต้องหาแล้ว
'อานนท์'ร่อนจดหมายจากแดน 2 ปลุกไฟม็อบ
เพจเฟซบุ๊กของ “นายอานนท์ นำภา” แกนนำม็อบ โพสต์ข้อความ โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า
พวกเราข้างในหวังว่าเพื่อนๆจะมีพลังใจในการต่อสู้และเราขอให้สัญญาว่าจะรักษาพลังใจให้เข้มแข็งเพื่อออกไปสู้ร่วมกันอีกครั้ง
“ให้มันจบที่รุ่นเรา”
พริษฐ์ ชิวารักษ์
อานนท์ นำภา
ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
16 กุมภาพันธ์ 2564
เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แดน 2 ห้อง 7
255 คณาจารย์ เรียกร้องคืนสิทธิประกันตัว 4 แกนนำราษฎร
ขณะที่คณาจารย์ 255 รายชื่อ 31 สถาบัน ในนามเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) ออกแถลงการณ์เรื่อง "ขอให้ศาลคืนสิทธิในการได้รับการประกันตัวระหว่างถูกดำเนินคดีแก่ผู้ถูกสั่งฟ้องจากการชุมนุม" โดยมีเนื้อความระบุดังนี้...
ทั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวแกนนำของการชุมนุมวันที่ 19-20 กันยายน 2563 รวม 4 คน ได้แก่ นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน), นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข, และนายปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม (หมอลำแบงค์) โดยให้เหตุผลว่า “หากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยอาจไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาอีก” คณาจารย์ผู้มีรายชื่อแนบท้ายจำนวน 255 รายชื่อ 31 สถาบัน ขอให้ศาลได้พึงพิจารณาทบทวนคำสั่งไม่ให้ประกันตัว