xs
xsm
sm
md
lg

ใกล้เป็นทรราชเต็มขั้นแล้ว...

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



คณะรัฐประหารพม่า นำโดยพล.อ.มิน อ่อง หล่าย น่าจะรู้สึกอึดอัดเต็มที่กับการเดินขบวนประท้วงของประชาชนโดยไม่รู้จักผ่อนเบา หลังจาก 10 วันของการชุมนุมในหลายเมือง สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ทำให้คณะรัฐประหารต้องยกระดับการควบคุม

นั่นทำให้มาตรการต่างๆ ที่เข้มข้น ได้ช่วยยกระดับคณะทหารพม่าเขยิบขึ้นเป็นทรราชเต็มขั้น ถ้าถึงระดับการใช้กำลังและอาวุธจัดการเมื่อไหร่ พม่าก็จะนองเลือด

การเดินขบวนประท้วงยามกลางวัน การเคาะถ้วยชามไห ภาชนะต่างๆ ยามค่ำคืน น่าจะสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ผู้นำกองทัพ ทำให้ห่วงหน้าพะวงหลัง ถ้าจะเล่นบทโหด ก็จะห่วงมาตรการกดดันจากประชาคมโลก ประเทศจะอยู่ลำบาก

ผู้นำกองทัพคงอยากปิดประเทศอีกรอบ แต่สถานการณ์ด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม โดยรวมแล้วคงให้ทำเช่นนั้นไม่ได้ ประชาชนคงต่อต้านหนักกว่าเดิม

ครั้งนี้ผู้นำกองทัพวางเดิมพันสูง นอกจากจะแก้ตัวเรื่องเสียหน้าจากการแพ้การเลือกตั้ง ยังห่วงผลประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างมหาศาล อาจโดนรุกไล่ ถ้าการเมืองระบอบประชาธิปไตยทำให้ภาคพลเรือนมีอำนาจต่อรองมากขึ้น

ทุกวันนี้เล่นบทแอบออกไล่จับกุมแกนนำประท้วง ตระเวนไปตามบ้าน ที่อยู่อาศัยผู้คนยามค่ำคืน ซึ่งมีมาตรการห้ามออกนอกบ้าน จากนั้นคอยเก็บตัวไปทีละคน แต่กลุ่มผู้ประท้วงรู้ทัน เมื่อเห็นรถทหาร ตำรวจปรากฏหน้าบ้านใคร ก็ออกไปชุมนุม

พร้อมกับตีหม้อเคาะกะลา ส่งเสียงดังว่าทหารจะเอาตัวคนไปขัง ปิดล้อมสกัดกั้นรถ ทำให้ทำอะไรไม่ได้ดังใจ แม้ขณะนี้คณะทหารยกระดับการใช้อำนาจ เข้าบ้านคนจับกุมไม่ต้องมีหมายค้น เอาตัวไปขังไว้ 24 ชั่วโมงได้โดยไม่ต้องมีหมายศาล

เขียนกฎหมาย ทำอะไรตามใจ กดหัวประชาชนไว้ใต้อำนาจปืนและท็อปบูต!

ข้อกล่าวหาช่วงนี้มีทั้ง “ก่อความเดือดร้อนรำคาญ” “ก่อความไม่สงบ” เพื่อหาเรื่องจับกุมแกนนำผู้ประท้วง เพื่อให้ลดเสียงการเคาะภาชนะยามค่ำคืน

ชาวบ้านพยายามขัดขวางทุกอย่าง ครั้งนี้ประชาชนมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ลุกฮือประท้วงหลายเมือง จะมีแต่ขบวนการติ่งของพวกนายพล และกลุ่มผู้ได้รับผลประโยชน์ที่ออกมาเชียร์คณะรัฐประหาร ใช้ม็อบยันม็อบ แต่ยังไม่มีเหตุร้าย

สิ่งที่น่ากังวลสำหรับประชาชนและกลุ่มผู้ต้านรัฐประหารก็คือเกมสกปรกที่ฝ่ายผู้นำกองทัพอาจทำ นั่นคือจะให้นักโทษที่ถูกปล่อยตัวในวันสหภาพออกมาป่วนหาเรื่องทำร้ายกลุ่มผู้ประท้วง เหมือนดังที่เคยเกิดขึ้นในปี 1988 และ 2007

การปราบปรามผู้เรียกร้องประชาธิปไตยยุคนั้น ทหารพม่าเล่นบทโหด ใช้กระสุนจริงสังหารผู้ประท้วง ฝ่ายค้าน ประชาชน นักศึกษา พระเณร ตายเป็นเบือ

วันสหภาพครั้งนี้ผู้นำทหารปล่อยนักโทษ 23,000 คน มีคนต่างชาติรวมด้วย 55 ราย ความประจวบเหมาะทำให้ประชาชนสงสัยว่าเป็นการลดจำนวนนักโทษเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับผู้ประท้วงที่จะถูกจับกุมคุมขังจากนี้ไป ถ้ามีประท้วงยืดเยื้อ

อีกประเด็นคืออยากยืมมือนักโทษให้มาป่วน เล่นงานผู้ประท้วงโดยไม่สามารถกล่าวหาทหารได้ อ้างว่าประชาชนเกิดความขัดแย้งกันเอง มาตรการนี้ทำให้ชาวบ้านกลัวเจ็บตัว เพราะเมื่อถูกทำร้ายแล้วจับมือใครดมไม่ได้ เจ้าหน้าที่ทำเฉย

เกมสกปรกจึงเป็นมาตรการที่คณะรัฐประหารหน้ามืด นำเอามาใช้ ทั้งยังอ้อนวอนให้ประชาชนอยู่ในความสงบ เคารพกฎหมาย ทั้งๆ ที่ตัวเองละเมิดกฎหมายด้วยการทำรัฐประหาร ยึดอำนาจจากคณะรัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้งตามประชาธิปไตย

แรงกดดัน มาตรการคว่ำบาตรโดยสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศตะวันตก ซึ่งรวมทั้งการอายัดเงิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ส่งผลโดยทันที เพราะพม่ามีทรัพยากร สามารถดูแลตัวเองได้ และคุ้นกับสภาพแร้นแค้นมานาน

ผู้นำรัฐประหารยังอุ่นใจที่มีจีนและรัสเซียเป็นเพื่อน แต่จะหวังพึ่งมากไม่ได้ เพราะจีนมีผลประโยชน์ในระยะยาวด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง สำหรับการขนถ่ายสินค้าจากจีนไปลงท่าเรือในอ่าวเบงกอล

ถ้าจีนทำอะไรในเชิงเข้าข้างทหารมากเกินไป สักวันหนึ่งการเมืองหวนคืนสู่ระบบพลเรือน ผลประโยชน์ด้านธุรกิจจีนอาจถูกกระทบ ถ้าประชาชนพม่าต่อต้าน ดังนั้น จำเป็นต้องพยายามไม่ยุ่งเกี่ยว ถือหางผู้นำทหารอย่างออกหน้าออกตา

อีกประการหนึ่ง ผู้นำกองทัพก็หวั่นเช่นกันว่า ถ้าสถานการณ์รุนแรงวุ่นวายทั่วประเทศ ชนกลุ่มน้อยเป็นกองกำลังติดอาวุธอาจฉวยจังหวะหาเรื่องประกาศแยกตัวเป็นอิสระ พม่าจะแตกเป็นเสี่ยงเหมือนยูโกสลาเวีย ซึ่งแตกตัวเป็นหลายประเทศ

รัฐฉานซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่ มีประชากรประมาณ 6 ล้านคนเริ่มมีการสู้รบกับทหารพม่า ขณะที่ยังมีชนเผ่าอื่นๆ เช่น คะฉิ่น ว้า ฉิ่น กะเหรี่ยง มอญ คะยาห์ อาระกัน โรฮิงญา และโกกั้ง ซึ่งล้วนมีกองกำลังติดอาวุธ และอยู่ในช่วงการเจรจาสันติภาพ

กองทัพพม่ามีกำลังมากกว่า 5 แสนคน เฉพาะกองทัพบกมีถึง 3 แสนคน ทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์กับชนกลุ่มน้อยได้ ถ้าเกิดเหตุวุ่นวาย เป็นสงครามกลางเมือง อาจทำให้ไม่สามารถควบคุมได้ จะเหลือพื้นที่ส่วนกลางให้เฉพาะพม่า

ประชากร 54 ล้านคน มีคนพม่ามากกว่าครึ่ง พร้อมกองกำลังติดอาวุธเป็นทหารประจำการ แต่ไม่สามารถกุมอำนาจได้เด็ดขาดเพราะความหลากหลายของชนเผ่า พื้นที่ภูมิประเทศเป็นป่าเขา และกองกำลังชนเผ่ามีอาวุธจากการขายยาเสพติด

ดังนั้น ถ้าประชาชนไม่ถอดใจ ศึกชิงอำนาจครั้งนี้น่าจะยืดเยื้ออีกนาน


กำลังโหลดความคิดเห็น