ผู้จัดการรายวัน360-"ก้าวไกล"ดาหน้าโต้ข้อหายุบพรรค อ้างใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวผู้ชุมนุม เป็นการทำหน้าที่ผู้แทนฯที่ดี ชี้ยิ่งใช้ ม.112 ยิ่งขัดแย้ง ทำสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์-ประชาชนเสื่อม เตรียมยื่นร่างแก้ไข ม.112 สัปดาห์หน้า ขณะที่ "ไทยภักดี"เตรียมล่า1 แสนรายชื่อ ค้านก้าวไกล เสนอแก้ ม.112 ล้างผิดให้ธนาธรกับพวก
วานนี้ (3ก.พ.) ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อม ส.ส.ของพรรค ร่วมแถลงการณ์ กรณีนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ กกต.พิจารณาวินิจฉัย และเสนอเรื่องให้ศาลรธน.สั่งยุบพรรคก้าวไกลว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความเท็จทั้งสิ้น พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่เราเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รธน. ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของระบอบรัฐประหาร พรรคมิได้กระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวน หรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แต่เราต้องการปกป้องสิทธิ เสรีภาพ ขั้นพื้นฐานของประชาชน และคัดค้านนโยบายรัฐบาล ในการปราบปราม นักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่ลุกขึ้นมาทวงคืนอนาคตของพวกเขา
นายณฐพร ใส่ร้ายพรรคก้าวไกลว่ามีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะนายณฐพรรู้ดีอยู่แก่ใจ เนื่องจากเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลรธน.วินิจฉัยมาแล้วว่า พรรคอนาคตใหม่ใช้สิทธิ หรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือ "คดีอิลลูมินาติ" ซึ่งศาลรธน. วินิจฉัยว่าพรรคอนาคตใหม่มิได้มีการกระทำตามที่นายณฐพร กล่าวหา
"นายณฐพร ปัจจุบันยังเป็นจำเลยในศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบจากคดีฟอกเงินการขายที่ดินของอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จึงน่าสงสัยว่า การไล่ร้องยุบพรรคอนาคตใหม่ ต่อเนื่องมาถึงพรรคก้าวไกลนี้ เป็นการแสดงผลงานของ นายณฐพร ให้เข้าตาผู้มีอำนาจ เพื่อหวังจะพ้นผิดจากคดีฟอกเงิน ที่เป็นชนักปักหลังอยู่หรือไม่"
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล ยืนยันว่า พฤติการณ์ที่นายณฐพร นำมากล่าวหาว่าเป็นความผิดนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นการกล่าวหาเท็จทั้งสิ้น เช่น กล่าวหาว่า การที่พรรคก้าวไกลสนับสนุนร่างรธน.แก้ไขเพิ่มเติมฉบับประชาชน ซึ่งเปิดให้มีส.ส.ร.แก้รธน.หมวด 1 และ หมวด 2 ได้ และการแสดงความคิดเห็นต่อการบังคับใช้ ม.112 อย่างไม่เป็นธรรม กับการจะเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 นั้น ถือเป็นกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งที่การลงมติเห็นชอบร่าง รธน.แก้ไขเพิ่มเติม และการเสนอร่างกฎหมาย เป็นอำนาจของสมาชิกสภาฯ และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของส.ส.
แม้แต่การกล่าวหาว่า การที่ส.ส. พรรคก้าวไกล ไปสังเกตการณ์การชุมนุมของนักเรียน นักศึกษา และใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวนักเรียนนักศึกษา ประชาชน ที่ถูกดำเนินคดีนั้น ถือเป็นการส่งเสริม สนับสนุน ให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวน หรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งๆ ที่การไปสังเกตการณ์ของส.ส. นั้นก็เพื่อทำหน้าที่ของ ส.ส.ที่ดี ได้ไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และช่วยระงับความรุนแรง หากเกิดการปะทะกัน ส่วนการช่วยประกันตัวนักเรียน นักศึกษา ประชาชนนั้น ก็เป็นการประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในกระบวนการยุติธรรม ผู้ต้องหาทุกคนต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับ นายณฐพร ที่มีสิทธิได้รับการประกันตัวในคดีฟอกเงิน
ทั้งนี้ หากส.ส. ที่ไปประกันตัวนักเรียน นักศึกษา ประชาชนจะมีความผิด ก็คงเป็นความผิดที่ไม่สยบยอมให้รัฐบาลในระบอบประยุทธ์ ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือปราบปรามทางการเมืองตามอำเภอใจ โดยทำลายหลักนิติรัฐ และละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ซึ่งพรรคก้าวไกลได้กล่าวเตือนรัฐบาลไว้ในหลายโอกาสแล้วว่า การรับมือกับความเรียกร้องต้องการของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนใจ สำหรับคนรุ่นเก่า โดยเฉพาะแนวคิดเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นั้น ต้องมีกุศโลบายที่ละเอียดอ่อน และแทนที่จะเน้นมาตรการกด บังคับปราบปราม ควรเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้แต่ละฝ่ายได้พูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ แต่แนวทางที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กระทำมา รวมทั้งการบังคับใช้ ม.112 กลับยิ่งทำให้ความขัดแย้งทางการเมือง ตึงเครียดมากขึ้น และจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชน เสื่อมทรามลง
นายชัยธวัช กล่าวว่า ทางพรรคจะดำเนินคดีนายณฐพร ผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 101 เกี่ยวกับการให้ความเท็จพรรคการเมือง ถามถึงความคืบหน้าการยื่นร่างแก้ไข ม.112 นั้น นายชัยธวัช เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าพร้อมยื่น ส่วนการลงชื่อเป็นเรื่องเอกสิทธิ์ของแต่ละส.ส.
“ไทยภักดี”ล่าแสนรายชื่อค้านแก้ม.112
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี แถลงข่าวจัดแคมเปญชวนประชาชนร่วมลงชื่อคัดค้านการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา112 ว่า การที่พรรคก้าวไกล เตรียมเสนอแก้ไข มาตรา 112 โดยอ้างว่า เป็นการปฏิรูปสถาบันฯ ซึ่งจากความเคลื่อนไหวทั้งหมด พรรคไทยภักดี เห็นว่า พรรคก้าวไกลมีเจตนาล้มล้างสถาบันฯ โดยใช้การแก้ มาตรา 112 เป็นบันไดขั้นแรก และต้องการล้างความผิดให้แก่ผู้กระทำความผิดและถูกดำเนินคดี มาตรา 112 ทั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และพรรคพวกทั้งคนที่ถูกดำเนินคดีแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินคดี นอกจากนี้ยังไม่เห็นปัญหาจากบังคับใช้ของ มาตรา 112 มีแต่พบว่าปัญหามาจากนักการเมืองมากกว่าตัวกฎหมาย
พรรคไทยภักดี จึงขอคัดค้านการแก้ไข มาตรา 112 ให้ถึงที่สุด โดยเตรียมเปิดให้ประชาชนร่วมลงชื่อให้ครบ 100,000 ชื่อ เพื่อแสดงเจตนารมย์คัดค้านการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น ไลน์ ทวิตเตอร์ โดยใช้หมายเลขบัตรประชาชนเป็นหลักฐานยืนยันตัวตน จากนั้นจะนำรายชื่อทั้งหมด ยื่นต่อประธานสภาฯ และประธานวุฒิสภา เพื่อพิจารณาต่อไป และวันที่ 4 ก.พ.นี้ เวลา 10.30 น. ตนจะไปยื่นร้อง นายธนาธร ในความผิดตาม มาตรา 112 และ มาตรา 116 ที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ในประเด็นการไลฟ์เรื่องวัคซีน และการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ
วานนี้ (3ก.พ.) ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อม ส.ส.ของพรรค ร่วมแถลงการณ์ กรณีนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ กกต.พิจารณาวินิจฉัย และเสนอเรื่องให้ศาลรธน.สั่งยุบพรรคก้าวไกลว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความเท็จทั้งสิ้น พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่เราเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รธน. ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของระบอบรัฐประหาร พรรคมิได้กระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวน หรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แต่เราต้องการปกป้องสิทธิ เสรีภาพ ขั้นพื้นฐานของประชาชน และคัดค้านนโยบายรัฐบาล ในการปราบปราม นักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่ลุกขึ้นมาทวงคืนอนาคตของพวกเขา
นายณฐพร ใส่ร้ายพรรคก้าวไกลว่ามีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะนายณฐพรรู้ดีอยู่แก่ใจ เนื่องจากเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลรธน.วินิจฉัยมาแล้วว่า พรรคอนาคตใหม่ใช้สิทธิ หรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือ "คดีอิลลูมินาติ" ซึ่งศาลรธน. วินิจฉัยว่าพรรคอนาคตใหม่มิได้มีการกระทำตามที่นายณฐพร กล่าวหา
"นายณฐพร ปัจจุบันยังเป็นจำเลยในศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบจากคดีฟอกเงินการขายที่ดินของอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จึงน่าสงสัยว่า การไล่ร้องยุบพรรคอนาคตใหม่ ต่อเนื่องมาถึงพรรคก้าวไกลนี้ เป็นการแสดงผลงานของ นายณฐพร ให้เข้าตาผู้มีอำนาจ เพื่อหวังจะพ้นผิดจากคดีฟอกเงิน ที่เป็นชนักปักหลังอยู่หรือไม่"
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล ยืนยันว่า พฤติการณ์ที่นายณฐพร นำมากล่าวหาว่าเป็นความผิดนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นการกล่าวหาเท็จทั้งสิ้น เช่น กล่าวหาว่า การที่พรรคก้าวไกลสนับสนุนร่างรธน.แก้ไขเพิ่มเติมฉบับประชาชน ซึ่งเปิดให้มีส.ส.ร.แก้รธน.หมวด 1 และ หมวด 2 ได้ และการแสดงความคิดเห็นต่อการบังคับใช้ ม.112 อย่างไม่เป็นธรรม กับการจะเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 นั้น ถือเป็นกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งที่การลงมติเห็นชอบร่าง รธน.แก้ไขเพิ่มเติม และการเสนอร่างกฎหมาย เป็นอำนาจของสมาชิกสภาฯ และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของส.ส.
แม้แต่การกล่าวหาว่า การที่ส.ส. พรรคก้าวไกล ไปสังเกตการณ์การชุมนุมของนักเรียน นักศึกษา และใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวนักเรียนนักศึกษา ประชาชน ที่ถูกดำเนินคดีนั้น ถือเป็นการส่งเสริม สนับสนุน ให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวน หรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งๆ ที่การไปสังเกตการณ์ของส.ส. นั้นก็เพื่อทำหน้าที่ของ ส.ส.ที่ดี ได้ไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และช่วยระงับความรุนแรง หากเกิดการปะทะกัน ส่วนการช่วยประกันตัวนักเรียน นักศึกษา ประชาชนนั้น ก็เป็นการประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในกระบวนการยุติธรรม ผู้ต้องหาทุกคนต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับ นายณฐพร ที่มีสิทธิได้รับการประกันตัวในคดีฟอกเงิน
ทั้งนี้ หากส.ส. ที่ไปประกันตัวนักเรียน นักศึกษา ประชาชนจะมีความผิด ก็คงเป็นความผิดที่ไม่สยบยอมให้รัฐบาลในระบอบประยุทธ์ ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือปราบปรามทางการเมืองตามอำเภอใจ โดยทำลายหลักนิติรัฐ และละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ซึ่งพรรคก้าวไกลได้กล่าวเตือนรัฐบาลไว้ในหลายโอกาสแล้วว่า การรับมือกับความเรียกร้องต้องการของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนใจ สำหรับคนรุ่นเก่า โดยเฉพาะแนวคิดเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นั้น ต้องมีกุศโลบายที่ละเอียดอ่อน และแทนที่จะเน้นมาตรการกด บังคับปราบปราม ควรเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้แต่ละฝ่ายได้พูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ แต่แนวทางที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กระทำมา รวมทั้งการบังคับใช้ ม.112 กลับยิ่งทำให้ความขัดแย้งทางการเมือง ตึงเครียดมากขึ้น และจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชน เสื่อมทรามลง
นายชัยธวัช กล่าวว่า ทางพรรคจะดำเนินคดีนายณฐพร ผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 101 เกี่ยวกับการให้ความเท็จพรรคการเมือง ถามถึงความคืบหน้าการยื่นร่างแก้ไข ม.112 นั้น นายชัยธวัช เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าพร้อมยื่น ส่วนการลงชื่อเป็นเรื่องเอกสิทธิ์ของแต่ละส.ส.
“ไทยภักดี”ล่าแสนรายชื่อค้านแก้ม.112
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี แถลงข่าวจัดแคมเปญชวนประชาชนร่วมลงชื่อคัดค้านการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา112 ว่า การที่พรรคก้าวไกล เตรียมเสนอแก้ไข มาตรา 112 โดยอ้างว่า เป็นการปฏิรูปสถาบันฯ ซึ่งจากความเคลื่อนไหวทั้งหมด พรรคไทยภักดี เห็นว่า พรรคก้าวไกลมีเจตนาล้มล้างสถาบันฯ โดยใช้การแก้ มาตรา 112 เป็นบันไดขั้นแรก และต้องการล้างความผิดให้แก่ผู้กระทำความผิดและถูกดำเนินคดี มาตรา 112 ทั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และพรรคพวกทั้งคนที่ถูกดำเนินคดีแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินคดี นอกจากนี้ยังไม่เห็นปัญหาจากบังคับใช้ของ มาตรา 112 มีแต่พบว่าปัญหามาจากนักการเมืองมากกว่าตัวกฎหมาย
พรรคไทยภักดี จึงขอคัดค้านการแก้ไข มาตรา 112 ให้ถึงที่สุด โดยเตรียมเปิดให้ประชาชนร่วมลงชื่อให้ครบ 100,000 ชื่อ เพื่อแสดงเจตนารมย์คัดค้านการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น ไลน์ ทวิตเตอร์ โดยใช้หมายเลขบัตรประชาชนเป็นหลักฐานยืนยันตัวตน จากนั้นจะนำรายชื่อทั้งหมด ยื่นต่อประธานสภาฯ และประธานวุฒิสภา เพื่อพิจารณาต่อไป และวันที่ 4 ก.พ.นี้ เวลา 10.30 น. ตนจะไปยื่นร้อง นายธนาธร ในความผิดตาม มาตรา 112 และ มาตรา 116 ที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ในประเด็นการไลฟ์เรื่องวัคซีน และการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ