"โสภณ องค์การณ์"
เรื่องทุจริต ประพฤติมิชอบ หรือว่ากันง่ายๆ ว่า “โกง” นั้น เป็นธรรมเนียมปฏิบัติในแผ่นดินนี้จนแทบจะเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว อย่างที่ว่า “การพนันอยู่ในสายเลือดของคนไทย” ซึ่งถ้าจะเปลี่ยนเป็น “การโกงอยู่ในสายเลือดของคนไทย(บางจำพวก)” ก็น่าจะได้
แต่การว่าเช่นนั้นไม่แฟร์ จะอ้างว่าคนไทยโกงเก่งก็ไม่ถูก ต้องบอกว่าคนบนแผ่นดินประเทศไทย ซึ่งมีหลากหลายเชื้อชาติและสัญชาตินี้ “โกงเก่ง” น่าจะถูกกว่า
เพราะคำว่า “เก๊าเจี๊ยะ” หรือ “ค่าน้ำร้อนน้ำชา” ไม่ใช่ศัพท์บรรยายสรรพคุณของนักติดสินบนเชื้อสายไทยแท้แน่นอน คนรับสินบนก็มีทั้งไทยแท้และสัญชาติไทย เป็นมาอย่างนี้ และวัฒนธรรมการโกงเป็นมาตั้งแต่มนุษย์เกิดมาบนโลกนี้
การโกงคือการเอารัดเอาเปรียบกันอย่างหนึ่ง โกงเพื่อให้ผู้กระทำมีความสำเร็จในกิจการเพื่อหวังผลสำหรับตัวเอง ทั้งด้วยพฤติกรรมและการให้สินบน หรือสินน้ำใจ แล้วแต่ว่าจะเรียกให้ดูดีอย่างไร เอาเป็นว่ารากฐานของสังคมบ้านเรา มีการโกงเยอะ
การโกงเป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากโอกาส จะเป็นวิกฤตหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ เป็นความตั้งใจ การกระทำโดยเจตนา ไม่มีการโกงโดยประมาท ไม่ตั้งใจ หรือการโกงรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งเป็นคำแก้ตัวยอดนิยมสำหรับคนทำผิดแล้วโดนจับได้
การโกงในบ้านเรามีแทบทุกระดับ ตั้งแต่ระดับ 100 บาทข้างถนนจนถึงระดับชาติว่ากันเป็นหลายร้อยล้าน พันล้าน ขึ้นอยู่กับขนาดโครงการ การโกงบ้านเราน่าจะติดอันดับโลกระดับต้นๆ ฉาวโฉ่ ประกาศว่าจะจัดการ แต่ไม่เคยได้ตัวใหญ่
การโกงกระทำโดยผู้มีอำนาจ มีโอกาสเท่านั้น ชาวบ้านทั่วไปไม่มีศักยภาพและวิธีการจะไปโกงระดับหลายสิบล้านบาทได้ แต่ระดับปลายแถวถูกยัดเยียดให้เป็นแพะรับบาปแทนตัวการใหญ่ ทำให้คนสงสัยว่าถ้าตัวใหญ่ไม่โอเค จะทำได้หรือ
และเรามีองค์กรปราบโกงน่าจะมากกว่ากว่าประเทศอื่นๆ เช่น ป.ป.ช. ป.ป.ป. ป.ป.ท. นอกจากองค์กรอื่นๆ เช่น ป.ป.ง. องค์กรตรวจสอบสารพัด ตำรวจธรรมดาและตำรวจหน่วยพิเศษเฉพาะกิจ ปราบปรามอาชญากรรมเฉพาะประเภท
ต่างจากต่างประเทศซึ่งมีตำรวจ หรือมีหน่วยพิเศษ เพราะหน้าที่ตำรวจคือจับผู้กระทำความผิด ที่บ้านเรามีองค์กรปราบโกงเยอะ ยังหาคำอธิบายไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร มีคนโกงเยอะ หรือว่าตำรวจทั่วไปไม่ทำงาน หรือสู้พวกมีอิทธิพลไม่ได้
ล่าสุด มีพฤติกรรม “โกง” จากโครงการ “เที่ยวด้วยกัน” มีผู้ประกอบการกิจการโรงแรมที่พัก รีสอร์ท หรือสถานที่พักอย่างอื่นเล่นกล แหกตาเจ้าหน้าที่ สร้างตัวเลขผู้เข้าพักเทียม หวังเอาเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่โดนจับได้ไล่ทันเพราะโกงมากเกิน
อย่างในรีสอร์ทแห่งหนึ่งในชัยภูมิ มีห้องพักแค่ 10 ห้อง แต่อ้างว่ามีคนเข้าพักหลายพันคนในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือน ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นจังหวัดยอดนิยม ทำแบบนี้ไม่ยากที่จะทำให้เจ้าหน้าที่คนตรวจสอบสงสัย ก็ต้องรับเคราะห์ทางกฎหมายต่อไป
ที่โดนจับได้เพราะยอดเงินที่รัฐต้องจ่ายเยอะ เทียบกับจำนวนห้อง ยอดจอง ผู้เข้าพัก เช็คอิน เช็กเอาท์ ไม่สัมพันธ์กัน มีพิรุธ มีทั้งผู้รวบรวมสิทธิ์ ผู้สวมสิทธิ์ ผู้ซื้อสิทธิ์ คนรับจ้างเปิดบัญชี ทำกันอย่างโฉ่งฉ่าง คงนึกว่าจะไม่มีการตรวจสอบ
ยังมีอีกหลายแห่งซึ่งมีพฤติกรรมเช่นนี้ แสดงว่าผู้หาทางโกงรัฐโดยวิธีเช่นนี้รู้จักใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส เป็นการโกงประชาชน และโกงตัวเอง เพราะเงินที่รัฐบาลจ่ายไปเพื่อการนี้ก็มาจากเงินภาษีของประชาชน หรือเงินกู้ ซึ่งประชาชนเป็นผู้ใช้หนี้
คนได้ประโยชน์อย่างแท้จริง คือคนไม่เสียภาษีอะไรเลย แต่คงหายาก เพราะทุกคนต้องเสียภาษีทางอ้อม มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกำลังซื้อ และประเภทของร้าน
การโกงแบบนี้คุ้มหรือไม่ ถ้าโดนจับได้ไล่ทัน เพราะไม่มีเพียงโทษปรับ มีจำคุกและเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย แต่คนตั้งใจโกงคงคิดว่าเสี่ยงแล้วคุ้ม เห็นใครๆ ก็ทำกัน
ก่อนหน้านี้มีคนพยายามจะใช้สวัสดิการแลกกับเงินสดแทนการซื้อของ เสนอส่วนลดให้เจ้าของกิจการ เป็นการสมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ไม่มีใครโวยวาย แต่ไม่ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของโครงการ ซึ่งต้องการให้ชาวบ้านมีของกินของใช้แทนเงิน
ระบบ “เป๋าตังค์” ก็มี เพียงแต่ยอดเงินแต่ละครั้งไม่มาก แต่ถ้าหลายรอบก็เป็นกอบเป็นกำ ถือว่าเป็นการร่วมมือกันโกงทั้งผู้ทำตัวเป็นผู้ซื้อ กับผู้ขายสินค้า
ยังไม่มีการสรุปยอดว่าการโกงจากสวัสดิการและโครงการช่วยเหลือประชาชนมีเท่าไหร่ และรอดจากการโดนจับได้ไล่ทันมีมากน้อยแค่ไหน แต่ต้องรีบอุดช่องโหว่ เพราะโครงการอย่างนี้เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้านมาก คงมีอีกหลายรอบ ถ้ายังมีงบ
รอบแรกจากการไล่ตรวจจับของตำรวจ มีโรงแรมและร้านค้าร่วมโครงการในชัยภูมิและภูเก็ต 55 จุด มีผู้ต้องหา 50 ราย ทำรัฐเสียหายกว่า 100 ล้านบาทแล้ว และยังมีที่จะต้องไล่ตรวจดูอีกกว่า 9 พันราย นับว่าเป็นจำนวนไม่น้อย
ถือว่าเป็นแผน “โกงด้วยกัน” ในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพและคนร่วมขบวนการ นี่ยังต้องไปดูจังหวัดยอดฮิตสำหรับการท่องเที่ยวอีก ไม่แปลกใจ ถ้าเจออีกเยอะ เพียงแต่คงมีคนอยากตะโกนถาม “ประเทศนี้ทำไมมีคนขี้โกงเยอะ” แทบทุกวงการ
ต่างประเทศก็มี เช่นใช้แสตมป์สำหรับซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็นไปแลกเป็นเงินสด มีส่วนลดให้เจ้าของร้าน ส่วนใหญ่ต้องการเงินสดไปใช้เพื่อกิจกรรมอื่น หรือซื้อสินค้าบาป เช่นเครื่องดื่มของมึนเมา บุหรี่ เป็นต้น โดนจับก็โดนกฎหมายเล่นงาน
เรามีองค์กรปราบโกงเยอะ แต่ส่วนใหญ่ใช้กับภาครัฐและข้าราชการ มีเอกชนด้วยถ้าทำการทุจริตร่วมกับเจ้าหน้าที่ ถ้ามองอีกมุม การมีหน่วยงานปราบโกงเยอะถือว่าเป็นการประจานตัวเองให้ประเทศอื่นๆ รู้ว่าคนบ้านเราไว้ใจไม่ได้ ใช่หรือไม่
แต่นักลงทุน พ่อค้าทั่วไปก็รู้ไม่ใช่หรือว่าต้องทำอย่างไร ถ้าให้งานสำเร็จ มาทำธุรกิจในประเทศนี้ต้องตัวแบบ “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” ไม่อย่างนั้นสู้ใครไม่ได้ บางกรณีต้องหลิ่วตามากกว่าคนอื่น หรือแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอีกด้วย
เชื่อเถอะ มีโครงการอะไรอีก ต้องมีข่าวโกงตามมา มันห้ามใจไม่ได้จริงๆ!