ผู้จัดการรายวัน360 - ตำรวจกองปราบฯ เข้าชี้แจง กมธ.กฎหมาย เตรียมแจ้งข้อหา"น้องชาย - แม่ธนาธร" กรณีติดสินบน หวังฮุบที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
วานนี้ (27ม.ค.) คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ได้เชิญผู้แทนจากกองบังคับการปราบปราม เข้าชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินคดี นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด น้องชายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณีเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อต้องการเช่าที่ดินทรัพย์สินฯ โดยไม่ผ่านการการประมูลตามกระบวนการ จนนำมาสู่การดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินฯ ในฐานะผู้รับเงิน หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา กมธ.ได้เชิญอัยการเข้าชี้แจง และอัยการให้เหตุผลการไม่ฟ้อง นายสกุลธร เนื่องจากพนักงานสอบสวนแยกสำนวนออกมาดำเนินคดีเป็นอีกกรณี
การชี้แจงในครั้งนี้ กองบังคับการปราบปรามมี พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์ รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.สัณห์เพชร หนูทอง ผู้กำกับการสอบสวน และพ.ต.ท.หญิง บุญทิวา ลิ้มศิริลักษณ์ สารวัตรสอบสวน เข้าชี้แจง
พ.ต.อ.สัณห์เพชร ชี้แจงเหตุผลที่ต้องแยกสำนวนคดีนายสกุลธร ออกจากคดีของเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ที่กระทำความผิด ในฐานะผู้รับเงิน เนื่องจากกรณีของนายสกุลธร เป็นกรณีในฐานะผู้ให้ ที่เป็นคนละข้อกล่าวหา หากรวมสำนวนเดียวกันจะกลายเป็นการซัดทอดผู้ต้องหา ทำให้คดีไม่มีน้ำหนักจากคำซัดทอด จำเป็นต้องแยกระหว่างคดีผู้ให้ กับผู้รับ ตามเทคนิคของการทำสำนวน
ส่วนเหตุผลที่คดีล่าช้า เนื่องจากมีความไม่ชัดเจนว่า คดีนี้เป็นอำนาจของป.ป.ช. หรือของกองบังคับการปราบปราม แต่เมื่อป.ป.ช. วินิจฉัยแล้วว่า เป็นอำนาจของกองบังคับการปราบปราม ทางกองปราบฯ ก็ได้เรียกผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีนี้มาให้ปากคำ ยืนยันว่าทางกองปราบได้เตรียมออกหมายเรียกนายสกุลธร ให้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว อยู่ระหว่างพิจารณาตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ตามมาตรา144 ของประมวลกฎหมายอาญา ฐาน ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์ อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เนื่องจากเป็นคนเดียวที่เซ็นชื่อในเช็คจ่ายเงิน แต่ในการแจ้งข้อหาต้องแจ้งในฐานะนิติบุคคลด้วย ทำให้จะต้องแจ้งข้อหาเพิ่มกับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ
ด้านพ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ ย้ำว่าการแจ้งข้อกล่าวหาครั้งนี้ แม้นายสกุลธร จะอ้างว่าถูกหลอก แต่ในฐานะนักธุรกิจควรทราบขั้นตอนการขอเช่าที่ดิน
อย่างไรก็ตาม กมธ.ซักถามถึงประเด็นที่ นายสกุลธร อ้างว่าถูกหลอก และเป็นผู้เสียหายในคดีนี้พ.ต.อ.สัณห์เพชร ชี้แจงว่า กรณีนี้มีข้อเท็จจริงจากเงินก้อนสุดท้ายจำนวน 10 ล้านบาท ที่จะจ่ายกันหากมีการประชุมโครงการ แต่เมื่อการประชุมโครงการไม่เกิดขึ้นจริง นายสกุลธร จึงต้องการยกเลิกสัญญากับเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ให้คืนเงิน และเมื่อมีการคืนเงินแล้ว นายสกุลธร ก็ไม่ได้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงกับเจ้าหน้าที่รายดังกล่าว แต่อย่างใด
วานนี้ (27ม.ค.) คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ได้เชิญผู้แทนจากกองบังคับการปราบปราม เข้าชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินคดี นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด น้องชายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณีเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อต้องการเช่าที่ดินทรัพย์สินฯ โดยไม่ผ่านการการประมูลตามกระบวนการ จนนำมาสู่การดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินฯ ในฐานะผู้รับเงิน หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา กมธ.ได้เชิญอัยการเข้าชี้แจง และอัยการให้เหตุผลการไม่ฟ้อง นายสกุลธร เนื่องจากพนักงานสอบสวนแยกสำนวนออกมาดำเนินคดีเป็นอีกกรณี
การชี้แจงในครั้งนี้ กองบังคับการปราบปรามมี พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์ รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.สัณห์เพชร หนูทอง ผู้กำกับการสอบสวน และพ.ต.ท.หญิง บุญทิวา ลิ้มศิริลักษณ์ สารวัตรสอบสวน เข้าชี้แจง
พ.ต.อ.สัณห์เพชร ชี้แจงเหตุผลที่ต้องแยกสำนวนคดีนายสกุลธร ออกจากคดีของเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ที่กระทำความผิด ในฐานะผู้รับเงิน เนื่องจากกรณีของนายสกุลธร เป็นกรณีในฐานะผู้ให้ ที่เป็นคนละข้อกล่าวหา หากรวมสำนวนเดียวกันจะกลายเป็นการซัดทอดผู้ต้องหา ทำให้คดีไม่มีน้ำหนักจากคำซัดทอด จำเป็นต้องแยกระหว่างคดีผู้ให้ กับผู้รับ ตามเทคนิคของการทำสำนวน
ส่วนเหตุผลที่คดีล่าช้า เนื่องจากมีความไม่ชัดเจนว่า คดีนี้เป็นอำนาจของป.ป.ช. หรือของกองบังคับการปราบปราม แต่เมื่อป.ป.ช. วินิจฉัยแล้วว่า เป็นอำนาจของกองบังคับการปราบปราม ทางกองปราบฯ ก็ได้เรียกผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีนี้มาให้ปากคำ ยืนยันว่าทางกองปราบได้เตรียมออกหมายเรียกนายสกุลธร ให้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว อยู่ระหว่างพิจารณาตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ตามมาตรา144 ของประมวลกฎหมายอาญา ฐาน ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์ อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เนื่องจากเป็นคนเดียวที่เซ็นชื่อในเช็คจ่ายเงิน แต่ในการแจ้งข้อหาต้องแจ้งในฐานะนิติบุคคลด้วย ทำให้จะต้องแจ้งข้อหาเพิ่มกับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ
ด้านพ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ ย้ำว่าการแจ้งข้อกล่าวหาครั้งนี้ แม้นายสกุลธร จะอ้างว่าถูกหลอก แต่ในฐานะนักธุรกิจควรทราบขั้นตอนการขอเช่าที่ดิน
อย่างไรก็ตาม กมธ.ซักถามถึงประเด็นที่ นายสกุลธร อ้างว่าถูกหลอก และเป็นผู้เสียหายในคดีนี้พ.ต.อ.สัณห์เพชร ชี้แจงว่า กรณีนี้มีข้อเท็จจริงจากเงินก้อนสุดท้ายจำนวน 10 ล้านบาท ที่จะจ่ายกันหากมีการประชุมโครงการ แต่เมื่อการประชุมโครงการไม่เกิดขึ้นจริง นายสกุลธร จึงต้องการยกเลิกสัญญากับเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ให้คืนเงิน และเมื่อมีการคืนเงินแล้ว นายสกุลธร ก็ไม่ได้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงกับเจ้าหน้าที่รายดังกล่าว แต่อย่างใด