ผู้จัดการรายวัน360-“อนุทิน”ประชุมเตรียมพร้อมฉีดวัคซีนโควิด-19 ดีเดย์เข็มแรก 14 ก.พ.นี้ หลังวัคซีนมาล็อตแรก 5 หมื่นโดส พร้อมเคาะผู้ได้รับวัคซีนระยะแรกรวม 19 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสี่ยง บุคลากรทางการแพทย์ ผู้มีโรคประจำตัว เปิดตัว “หมอพร้อม” ให้ลงทะเบียนออนไลน์ ศบค.รายงานติดเชื้อใหม่ 187 ราย เสียชีวิตอีก 2 ราย สมุทรสาครอาการหนัก ติดเชื้อพุ่ง 914 ราย หลังตรวจเข้ม ตลาดกุ้งเลื่อนเปิดไม่มีกำหนด แพทย์เจาะคอช่วยผู้ว่าฯ สมุทรสาคร “หมอธีระ”ย้ำ “ดีเจ มะตูม” ซูเปอร์สเปรดเดอร์ เตือนใช้ชีวิตอย่างระวัง “สยามไบโอไซเอนซ์” ปรับแผนหันผลิตวัคซีนเต็มสูบ
วานนี้ (25 ม.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. , นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. พร้อมด้วยผู้บริหาร สธ. ประชุมทางไกลร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน เกือบ 1,000 แห่ง เพื่อชี้แจงการบริหารจัดการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ระยะที่ 1 สำหรับบุคลากรการแพทย์ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์
นายอนุทินกล่าวว่า เป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อให้ทุกจังหวัดเตรียมแผนรองรับการฉีดวัคซีนประชาชนทุกคน ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ให้เป็นไปตามแผนและเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยฉีดคนละ 2 เข็ม ดำเนินการในช่วงแรกกำหนดสถานที่ฉีดในโรงพยาบาล เนื่องจากเป็นวัคซีนใหม่ จึงเฝ้าระวังสังเกตอาการ 30 นาที หากมีผลข้างเคียงจะช่วยเหลือได้ทันที
“ขณะนี้ระบบสุขภาพ ทั้งสถานพยาบาล บุคลากร และอุปกรณ์ต่างๆ มีการเตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีนจากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ที่จะเข้ามาล็อตแรกต้นเดือนก.พ.นี้ จำนวน 50,000 โดสแล้ว”
ทั้งนี้ จะมีการทำ Line Official Account ในชื่อว่า “หมอพร้อม” เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและหน่วยบริการ ในการลงทะเบียนผู้รับวัคซีน ติดตามอาการไม่พึงประสงค์ ติดตามประเมินผลการให้วัคซีนจากหน่วยบริการทั่วประเทศได้อย่างครอบคลุม และเป็นการเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับประชาชน โดยจะเปิดตัวระยะที่ 1 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ในวันที่ 12 ก.พ.2564 และสำหรับประชาชน จะเปิดใช้งานในช่วงเดือนเม.ย.2564
ดีเดย์ฉีดเข็มแรก 14 ก.พ.
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับคนไทย กำหนดไว้ 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ช่วงเดือนก.พ.-เม.ย.2564 วัคซีนยังมีปริมาณจำกัด จะดำเนินการในพื้นที่ที่มีการระบาด โดยจะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาชนกลุ่มเสี่ยง และเจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย โดยตั้งเป้าหมายจะเริ่มฉีดในวันที่ 14 ก.พ.2564 ระยะที่ 2 ช่วงเดือนพ.ค.-ธ.ค.2564 เมื่อจัดหาวัคซีนได้มากขึ้น จะขยายพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายจากระยะที่ 1 ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ และระยะที่ 3 ช่วงเดือนม.ค.2565 เป็นต้นไป เมื่อมีวัคซีนอย่างเพียงพอ จะฉีดให้กับประชาชนทั่วไปทุกคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากร และฟื้นฟูให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
วัคซีนล็อตแรกเน้นกลุ่มเสี่ยงก่อน
นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กล่าวว่า วัคซีนที่เข้ามาล็อตแรก 50,000 โดส จะต้องเลือกพื้นที่เสี่ยงที่สุดในการฉีด เช่น บุคลากรการแพทย์ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ทำงานหน้าด่านในพื้นที่เสี่ยง เช่น จ.สมุทรสาคร กรุงเทพฯ อ.แม่สอด จ.ตาก และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งคณะกรรมการฯ และคณะอนุกรรมการให้วัคซีนฯ จะต้องประชุมหาข้อสรุปภายในวันที่ 29 ม.ค.2564 นี้
เฟสแรกได้ฉีดประมาณ 19 ล้านคน
วันเดียวกันนี้ นายอนุทิน ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงมติอนุคณะกรรมการอำนวยการการใช้วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยระบุว่า วัคซีนที่จะฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายในช่วงแรก จำนวน 19,014,154 คน มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการป่วยหนัก และป้องกันการเสียชีวิต แบ่งออก 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ทั้งภาครัฐ และเอก จำนวน 1,700,000 คน 2.บุคคลที่มีโรคประจำตัว 6,163,095 คน เช่น โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งทุกชนิด และโรคเบาหวาน 3.ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป 11,136,059 คน และ 4.เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 15,000 คน
ศบค.ถกคลายล็อกศุกร์นี้
นายอนุทินกล่าวว่า ก่อนประชุม ศบค.ชุดใหญ่ สธ. จะมีการประชุมคณะทำงานก่อน ส่วนจะผ่อนคลายอย่างไรบ้าง ต้องรอที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่พิจารณา โดยการคลายล็อกสถานศึกษาที่อาจจะคลายล็อกให้พื้นที่สีเขียวก่อนนั้น สธ. จะประชุมเพื่อเตรียมนำเสนอว่าพื้นที่ใดเป็นสีเขียว สีเหลือง สีส้ม สีแดง ก่อนที่จะมีมาตรการควบคุมออกมาโดยแบ่งเป็นหมวดๆ เพื่อเสนอ ศบค.ต่อไป
ทั้งนี้ จะมีการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ วันที่ 29 ม.ค.2564 คาดว่าจะมีการพิจารณาพื้นที่ควบคุมแต่ละโซนสี การผ่อนคลายมาตรการเวลาจำหน่ายอาหาร และการเปิดการเรียนการสอน
ติดโควิด-19 เพิ่มอีก 187 ราย
ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 187 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 177 ราย มาจากการตรวจในระบบเฝ้าระวังและบริการ 61 ราย จากการค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 116 ราย และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) 10 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย เป็นชายชาวอังกฤษ 1 ราย และหญิงไทย ชาวสมุทรสาคร 1 ราย ไม่ได้ไปพื้นที่เสี่ยง แต่สามีสัมผัสคนส่งปลาที่ตลาดทะเลไท วันที่ 21 ม.ค. แน่นหน้าอก หายใจเหนื่อยหอบ นำส่ง รพ. แพทย์ทำการกู้ชีพ แต่ไม่ตอบสนอง และเสียชีวิตในวันเดียวกัน นำตัวอย่างส่งตรวจ ผลออก 24 ม.ค. พบติดโควิด-19
สมุทรสาครหนักติดเชื้อใหม่ 914 ราย
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร รายงานว่า พบผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 914 ราย จากการค้นหาเชิงรุก 844 ราย เป็นคนไทยจำนวน 84 ราย แรงงานต่างด้าว 760 ราย ที่เหลือเป็นผู้ป่วยจากการตรวจในโรงพยาบาล 70 ราย เป็นคนไทย 35 ราย และแรงงานต่างด้าว 35 ราย ทำให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสมทั้งหมดมีจำนวน 6,555 ราย
แพทย์เจาะคอช่วยผู้ว่าฯ สมุทรสาคร
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงความคืบหน้าอาการของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ว่า ปอดมีการอักเสบ บางส่วนมีการบ่งชี้ว่าเยื่อพังผืดเกิดขึ้น เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อการอักเสบ ส่วนหลอดเลือดในปอดทุกอย่างเรียบร้อยดี สมองก็เรียบร้อยดี ไม่มีอะไรผิดปกติ ดังนั้น ที่ต้องติดตามอยู่คือการทำงานของปอด เพราะต้องใช้ยาเยอะ
“จะดูดน้ำออกจากหลอดลม เพื่อไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้ง ซึ่งปกติจะเจอน้อยมาก แต่ดูเพื่อความชัดเจน และจะดูเซลล์ที่หลอดลม ประกอบการตัดสินใจ เพื่อให้ยาบางอย่าง เพื่อลดการอักเสบของปอด ควบคู่กับการให้ยาลดการเป็นพังผืด และดูผลการตอบสนองใน 72 ชม.ว่าระบบทุกอย่างจะดีขึ้นหรือไม่ แต่ตอนนี้พยายามซื้อเวลาเพื่อควบคุมการติดเชื้อในปอด การเจาะคอ คือ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ ส่วนการปลูกถ่ายปอด ยังไม่ถึงเวลา เพราะไม่ง่าย”ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
เลื่อนเปิดตลาดกุ้งไม่มีกำหนด
นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ผลการตรวจแรงงานรอบสุดท้าย 1,217 คน ผลตรวจออกมาพบติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 113 คน โดยได้แยกไปพักและกักตัว รักษาตามอาการ ที่ศูนย์ห่วงใยคนสาคร (รพ.สนาม) แล้ว ส่วนแผนการเปิดตลาดกลางกุ้ง ถ้าถามตอนนี้ การเปิดทำการค้าขายตลาดกลางกุ้ง ตามกำหนดการเดิม คือ 27 ม.ค.2564 คงเป็นไปได้ยาก เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อเยอะมาก และการเปิด มาตรการจะต้องรัดกุมมากพอ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง
ยัน “ดีเจ มะตูม” คือ ซูเปอร์สเปรดเดอร์
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ยืนยันว่า กรณี “ดีเจมะตูม” ป่วยโควิด-19 ซึ่งดีเจมะตูมบอกความจริงไม่หมด เพราะได้มีการจัดงานเลี้ยงวันเกิด และมีการแพร่เชื้อตามมาจากกรณีดังกล่าว โดยพบผู้ป่วยเพิ่ม 19 ราย คือ ซูเปอร์สเปรดเดอร์แน่นอน จึงขอเตือนประชาชนเพิ่มความระวังในการใช้ชีวิต เพราะอาจมีผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการอีกมาก
ปรับแผนผลิตวัคซีนเต็มสูบ
นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด กล่าวว่า สยามไบโอไซเอนซ์มีความภาคภูมิใจที่ได้รับเลือกจากแอสตราเซเนกาให้เป็นฐานการผลิตวัคซีน ป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ที่ตรงตามมาตรฐานระดับโลก ในขณะนี้เจ้าหน้าที่ของสยามไบโอไซเอนซ์ทุกคนเร่งทำงานแข่งกับเวลา โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ตัดสินใจปรับแผนการผลิตยาชีววัตถุเดิม โดยทุ่มสรรพกำลังในการผลิตวัคซีนที่ได้ตรงตามมาตรฐานของแอสตราเซเนกาในเวลารวดเร็วที่สุดเพื่อที่ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชาติ เศรษฐกิจไทย รวมถึงประชาชนและเศรษฐกิจระดับภูมิภาค จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง ดังปณิธานของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ที่มุ่งมั่นที่จะทำให้คนไทยและทั่วโลกมีวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า
วานนี้ (25 ม.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. , นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. พร้อมด้วยผู้บริหาร สธ. ประชุมทางไกลร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน เกือบ 1,000 แห่ง เพื่อชี้แจงการบริหารจัดการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ระยะที่ 1 สำหรับบุคลากรการแพทย์ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์
นายอนุทินกล่าวว่า เป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อให้ทุกจังหวัดเตรียมแผนรองรับการฉีดวัคซีนประชาชนทุกคน ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ให้เป็นไปตามแผนและเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยฉีดคนละ 2 เข็ม ดำเนินการในช่วงแรกกำหนดสถานที่ฉีดในโรงพยาบาล เนื่องจากเป็นวัคซีนใหม่ จึงเฝ้าระวังสังเกตอาการ 30 นาที หากมีผลข้างเคียงจะช่วยเหลือได้ทันที
“ขณะนี้ระบบสุขภาพ ทั้งสถานพยาบาล บุคลากร และอุปกรณ์ต่างๆ มีการเตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีนจากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ที่จะเข้ามาล็อตแรกต้นเดือนก.พ.นี้ จำนวน 50,000 โดสแล้ว”
ทั้งนี้ จะมีการทำ Line Official Account ในชื่อว่า “หมอพร้อม” เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและหน่วยบริการ ในการลงทะเบียนผู้รับวัคซีน ติดตามอาการไม่พึงประสงค์ ติดตามประเมินผลการให้วัคซีนจากหน่วยบริการทั่วประเทศได้อย่างครอบคลุม และเป็นการเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับประชาชน โดยจะเปิดตัวระยะที่ 1 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ในวันที่ 12 ก.พ.2564 และสำหรับประชาชน จะเปิดใช้งานในช่วงเดือนเม.ย.2564
ดีเดย์ฉีดเข็มแรก 14 ก.พ.
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับคนไทย กำหนดไว้ 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ช่วงเดือนก.พ.-เม.ย.2564 วัคซีนยังมีปริมาณจำกัด จะดำเนินการในพื้นที่ที่มีการระบาด โดยจะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาชนกลุ่มเสี่ยง และเจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย โดยตั้งเป้าหมายจะเริ่มฉีดในวันที่ 14 ก.พ.2564 ระยะที่ 2 ช่วงเดือนพ.ค.-ธ.ค.2564 เมื่อจัดหาวัคซีนได้มากขึ้น จะขยายพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายจากระยะที่ 1 ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ และระยะที่ 3 ช่วงเดือนม.ค.2565 เป็นต้นไป เมื่อมีวัคซีนอย่างเพียงพอ จะฉีดให้กับประชาชนทั่วไปทุกคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากร และฟื้นฟูให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
วัคซีนล็อตแรกเน้นกลุ่มเสี่ยงก่อน
นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กล่าวว่า วัคซีนที่เข้ามาล็อตแรก 50,000 โดส จะต้องเลือกพื้นที่เสี่ยงที่สุดในการฉีด เช่น บุคลากรการแพทย์ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ทำงานหน้าด่านในพื้นที่เสี่ยง เช่น จ.สมุทรสาคร กรุงเทพฯ อ.แม่สอด จ.ตาก และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งคณะกรรมการฯ และคณะอนุกรรมการให้วัคซีนฯ จะต้องประชุมหาข้อสรุปภายในวันที่ 29 ม.ค.2564 นี้
เฟสแรกได้ฉีดประมาณ 19 ล้านคน
วันเดียวกันนี้ นายอนุทิน ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงมติอนุคณะกรรมการอำนวยการการใช้วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยระบุว่า วัคซีนที่จะฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายในช่วงแรก จำนวน 19,014,154 คน มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการป่วยหนัก และป้องกันการเสียชีวิต แบ่งออก 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ทั้งภาครัฐ และเอก จำนวน 1,700,000 คน 2.บุคคลที่มีโรคประจำตัว 6,163,095 คน เช่น โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งทุกชนิด และโรคเบาหวาน 3.ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป 11,136,059 คน และ 4.เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 15,000 คน
ศบค.ถกคลายล็อกศุกร์นี้
นายอนุทินกล่าวว่า ก่อนประชุม ศบค.ชุดใหญ่ สธ. จะมีการประชุมคณะทำงานก่อน ส่วนจะผ่อนคลายอย่างไรบ้าง ต้องรอที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่พิจารณา โดยการคลายล็อกสถานศึกษาที่อาจจะคลายล็อกให้พื้นที่สีเขียวก่อนนั้น สธ. จะประชุมเพื่อเตรียมนำเสนอว่าพื้นที่ใดเป็นสีเขียว สีเหลือง สีส้ม สีแดง ก่อนที่จะมีมาตรการควบคุมออกมาโดยแบ่งเป็นหมวดๆ เพื่อเสนอ ศบค.ต่อไป
ทั้งนี้ จะมีการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ วันที่ 29 ม.ค.2564 คาดว่าจะมีการพิจารณาพื้นที่ควบคุมแต่ละโซนสี การผ่อนคลายมาตรการเวลาจำหน่ายอาหาร และการเปิดการเรียนการสอน
ติดโควิด-19 เพิ่มอีก 187 ราย
ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 187 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 177 ราย มาจากการตรวจในระบบเฝ้าระวังและบริการ 61 ราย จากการค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 116 ราย และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) 10 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย เป็นชายชาวอังกฤษ 1 ราย และหญิงไทย ชาวสมุทรสาคร 1 ราย ไม่ได้ไปพื้นที่เสี่ยง แต่สามีสัมผัสคนส่งปลาที่ตลาดทะเลไท วันที่ 21 ม.ค. แน่นหน้าอก หายใจเหนื่อยหอบ นำส่ง รพ. แพทย์ทำการกู้ชีพ แต่ไม่ตอบสนอง และเสียชีวิตในวันเดียวกัน นำตัวอย่างส่งตรวจ ผลออก 24 ม.ค. พบติดโควิด-19
สมุทรสาครหนักติดเชื้อใหม่ 914 ราย
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร รายงานว่า พบผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 914 ราย จากการค้นหาเชิงรุก 844 ราย เป็นคนไทยจำนวน 84 ราย แรงงานต่างด้าว 760 ราย ที่เหลือเป็นผู้ป่วยจากการตรวจในโรงพยาบาล 70 ราย เป็นคนไทย 35 ราย และแรงงานต่างด้าว 35 ราย ทำให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสมทั้งหมดมีจำนวน 6,555 ราย
แพทย์เจาะคอช่วยผู้ว่าฯ สมุทรสาคร
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงความคืบหน้าอาการของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ว่า ปอดมีการอักเสบ บางส่วนมีการบ่งชี้ว่าเยื่อพังผืดเกิดขึ้น เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อการอักเสบ ส่วนหลอดเลือดในปอดทุกอย่างเรียบร้อยดี สมองก็เรียบร้อยดี ไม่มีอะไรผิดปกติ ดังนั้น ที่ต้องติดตามอยู่คือการทำงานของปอด เพราะต้องใช้ยาเยอะ
“จะดูดน้ำออกจากหลอดลม เพื่อไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้ง ซึ่งปกติจะเจอน้อยมาก แต่ดูเพื่อความชัดเจน และจะดูเซลล์ที่หลอดลม ประกอบการตัดสินใจ เพื่อให้ยาบางอย่าง เพื่อลดการอักเสบของปอด ควบคู่กับการให้ยาลดการเป็นพังผืด และดูผลการตอบสนองใน 72 ชม.ว่าระบบทุกอย่างจะดีขึ้นหรือไม่ แต่ตอนนี้พยายามซื้อเวลาเพื่อควบคุมการติดเชื้อในปอด การเจาะคอ คือ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ ส่วนการปลูกถ่ายปอด ยังไม่ถึงเวลา เพราะไม่ง่าย”ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
เลื่อนเปิดตลาดกุ้งไม่มีกำหนด
นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ผลการตรวจแรงงานรอบสุดท้าย 1,217 คน ผลตรวจออกมาพบติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 113 คน โดยได้แยกไปพักและกักตัว รักษาตามอาการ ที่ศูนย์ห่วงใยคนสาคร (รพ.สนาม) แล้ว ส่วนแผนการเปิดตลาดกลางกุ้ง ถ้าถามตอนนี้ การเปิดทำการค้าขายตลาดกลางกุ้ง ตามกำหนดการเดิม คือ 27 ม.ค.2564 คงเป็นไปได้ยาก เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อเยอะมาก และการเปิด มาตรการจะต้องรัดกุมมากพอ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง
ยัน “ดีเจ มะตูม” คือ ซูเปอร์สเปรดเดอร์
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ยืนยันว่า กรณี “ดีเจมะตูม” ป่วยโควิด-19 ซึ่งดีเจมะตูมบอกความจริงไม่หมด เพราะได้มีการจัดงานเลี้ยงวันเกิด และมีการแพร่เชื้อตามมาจากกรณีดังกล่าว โดยพบผู้ป่วยเพิ่ม 19 ราย คือ ซูเปอร์สเปรดเดอร์แน่นอน จึงขอเตือนประชาชนเพิ่มความระวังในการใช้ชีวิต เพราะอาจมีผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการอีกมาก
ปรับแผนผลิตวัคซีนเต็มสูบ
นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด กล่าวว่า สยามไบโอไซเอนซ์มีความภาคภูมิใจที่ได้รับเลือกจากแอสตราเซเนกาให้เป็นฐานการผลิตวัคซีน ป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ที่ตรงตามมาตรฐานระดับโลก ในขณะนี้เจ้าหน้าที่ของสยามไบโอไซเอนซ์ทุกคนเร่งทำงานแข่งกับเวลา โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ตัดสินใจปรับแผนการผลิตยาชีววัตถุเดิม โดยทุ่มสรรพกำลังในการผลิตวัคซีนที่ได้ตรงตามมาตรฐานของแอสตราเซเนกาในเวลารวดเร็วที่สุดเพื่อที่ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชาติ เศรษฐกิจไทย รวมถึงประชาชนและเศรษฐกิจระดับภูมิภาค จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง ดังปณิธานของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ที่มุ่งมั่นที่จะทำให้คนไทยและทั่วโลกมีวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า