ผู้จัดการรายวัน360-ตำรวจบุกรวบ “ลูแปงไต้หวัน” ค้ายาเสพติดรายใหญ่ คาคอนโดหรูกลางกรุง แฉประวัติโชกโชน หนีเข้ามาไทย แอบทำยาเสพติดขาย “บิ๊กปั๊ด”รุดสอบปากคำด้วยเอง พบเป็นต้นตำรับสูตรนรก “เคนมผง” สั่งขยายผลถึงเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) เข้าจับกุมนาย โช วาย เชิน (chou yi Shen) หรือ Mr.Liu chun chen สัญชาติไต้หวัน อายุ 38 ปี ฉายา “ลูแปงไต้หวัน” ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยจับกุมตัวได้ที่คอนโดมีเนียมแห่งหนึ่งบริเวณอโศก ถนนอโศกมนตรี แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ หลังสืบสวนทราบว่าลักลอบผสมเคนม เพื่อจำหน่ายให้ลูกค้า
จากการสอบปากคำผู้ต้องหา พบว่าใช้ชื่อปลอม มีสำเนาหนังสือเดินทางหลายสัญชาติ และหลบหนีหมายจับของประเทศไต้หวัน คดียาเสพติดหลายคดี หลบหนีอยู่ในไทยมาหลายปี
ของกลางที่ยึดได้ ประกอบด้วย 1.คีตามีน น้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัม (กก.) 2.ยาอี 376 เม็ด 3.ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 4 กก. 4.เฮโรอีน ประมาณ 8 กก. 5.โคเคน 11.6 กรัม 6.LSD หรือแสตมป์มรณะ 48 แผ่น 7.โดมิคุ่ม หรือยานอนหลับ 2 ขวด 8.ยานอนหลับชนิดเม็ด ไฟว์ไฟว์ 265 เม็ด 9.เครื่องซีลพลาสติก 2 เครื่อง 10.เครื่องปั่น 2 เครื่อง (มีคราบลักษณะยาเสพติด) 11.เครื่องชั่งดิจิทัล 2 เครื่อง 12.แก้วบีกเกอร์พลาสติก 2 ใบ มีคราบยาเสพติด 13.ถุงพลาสติกใส 1 แพก และอีก 30 ถุง 14.แพกเกจใส่สารเสพติด 15.อาวุธปืน 9 มม. ซิกซาวเออร์ P320 พร้อมแม็กกาซีน และกระสุน 9 มม. จำนวน 8 นัด
ต่อมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เดินทางเข้าสอบปากคำ นายโช วาย เชิน ด้วยตนเอง ทราบว่าขณะเข้าจับกุม ตำรวจพบผู้ต้องหากำลังผสมยาเคนมผง เตรียมจำหน่ายให้กับเอเย่นต์ค้ายาเสพติด ในพื้นที่กรุงเทพฯ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า กล่าวว่า หลังตำรวจสืบทราบว่ามีตัวการใหญ่จำหน่ายยาเคนมผง จึงสืบสวนกระทั่งนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา พร้อมยึดยาเสพติดประเภทต่างๆ และยังขยายผลตรวจค้นที่พักของผู้ต้องหารายนี้ 3 แห่ง ที่ จ.เชียงใหม่ ห้องพักย่านสุขุมวิท 50 และห้องพักย่านอโศก ส่วนผลการสอบสวน ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเข้ามาอยู่ในประเทศไทย เพื่อจำหน่ายยาเสพติด ซึ่งมีการผสมสูตรเป็นของตัวเอง ด้วยการนำยาเสพติดหลายประเภทมาผสมกัน พร้อมอ้างว่าผู้เสพนำไปเสพผิดวิธี จึงอาจส่งผลให้ถึงแก่ชีวิต
เบื้องต้น จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า ผู้ต้องหาเข้ามาประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2555 โดยเชื่อว่าเข้ามาอย่างไม่ถูกต้อง และอยู่เมืองไทยมาตลอด โดยผู้ต้องหาดำเนินการเพียงคนเดียว แต่ตำรวจจะประสานไปยังตำรวจไต้หวันเพื่อขยายผลถึงเครือข่าย พร้อมหาความเชื่อมโยงถึงกลุ่มผู้ค้ารายย่อยและลูกค้า หลังพบว่า ผู้ต้องหากระจายยาเสพติดส่วนหนึ่งผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และจำหน่ายตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ พร้อมเชื่อว่า มีบางส่วนถูกส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ โดยหลังจากนี้ ก็จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อไป
พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วยผบ.ตร. กล่าวว่า ข้อมูลของผู้ต้องหา พบเคยทำและเคยผลิตยาเสพติดส่งออกต่างประเทศมาก่อนหน้านี้ แล้วมีพฤติการณ์หลบหนีเจ้าหน้าที่อยู่เรื่อยมา กระทั่งมาอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งทางตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ติดตามแกะรอยมาตลอด ไม่ใช่เพราะมีประเด็นเรื่องยาเคนมผงเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยทราบอีกว่าผู้ต้องหามีการผสมยาเคนมผง หลายสูตร เพื่อส่งจำหน่ายขายทั่วไป
พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด กล่าวว่า จะขยายผลจากผู้ต้องหา 2 ส่วน คือ แหล่งที่มาของยาเสพติด โดยจะตรวจสอบว่ามาจากที่ไหน และสูตรยาเคนมผง ผู้ต้องหาได้ส่งให้ใครและเครือข่ายใดบ้าง โดยจะประสานกับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจเข้มข้นว่ามีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีการจับกุมผู้ต้องหาในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้นั้น ถือเป็นผู้ค้ารายย่อย หากสืบทราบมีความเชื่อมโยงก็จะเร่งดำเนินการทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) เข้าจับกุมนาย โช วาย เชิน (chou yi Shen) หรือ Mr.Liu chun chen สัญชาติไต้หวัน อายุ 38 ปี ฉายา “ลูแปงไต้หวัน” ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยจับกุมตัวได้ที่คอนโดมีเนียมแห่งหนึ่งบริเวณอโศก ถนนอโศกมนตรี แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ หลังสืบสวนทราบว่าลักลอบผสมเคนม เพื่อจำหน่ายให้ลูกค้า
จากการสอบปากคำผู้ต้องหา พบว่าใช้ชื่อปลอม มีสำเนาหนังสือเดินทางหลายสัญชาติ และหลบหนีหมายจับของประเทศไต้หวัน คดียาเสพติดหลายคดี หลบหนีอยู่ในไทยมาหลายปี
ของกลางที่ยึดได้ ประกอบด้วย 1.คีตามีน น้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัม (กก.) 2.ยาอี 376 เม็ด 3.ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 4 กก. 4.เฮโรอีน ประมาณ 8 กก. 5.โคเคน 11.6 กรัม 6.LSD หรือแสตมป์มรณะ 48 แผ่น 7.โดมิคุ่ม หรือยานอนหลับ 2 ขวด 8.ยานอนหลับชนิดเม็ด ไฟว์ไฟว์ 265 เม็ด 9.เครื่องซีลพลาสติก 2 เครื่อง 10.เครื่องปั่น 2 เครื่อง (มีคราบลักษณะยาเสพติด) 11.เครื่องชั่งดิจิทัล 2 เครื่อง 12.แก้วบีกเกอร์พลาสติก 2 ใบ มีคราบยาเสพติด 13.ถุงพลาสติกใส 1 แพก และอีก 30 ถุง 14.แพกเกจใส่สารเสพติด 15.อาวุธปืน 9 มม. ซิกซาวเออร์ P320 พร้อมแม็กกาซีน และกระสุน 9 มม. จำนวน 8 นัด
ต่อมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เดินทางเข้าสอบปากคำ นายโช วาย เชิน ด้วยตนเอง ทราบว่าขณะเข้าจับกุม ตำรวจพบผู้ต้องหากำลังผสมยาเคนมผง เตรียมจำหน่ายให้กับเอเย่นต์ค้ายาเสพติด ในพื้นที่กรุงเทพฯ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า กล่าวว่า หลังตำรวจสืบทราบว่ามีตัวการใหญ่จำหน่ายยาเคนมผง จึงสืบสวนกระทั่งนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา พร้อมยึดยาเสพติดประเภทต่างๆ และยังขยายผลตรวจค้นที่พักของผู้ต้องหารายนี้ 3 แห่ง ที่ จ.เชียงใหม่ ห้องพักย่านสุขุมวิท 50 และห้องพักย่านอโศก ส่วนผลการสอบสวน ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเข้ามาอยู่ในประเทศไทย เพื่อจำหน่ายยาเสพติด ซึ่งมีการผสมสูตรเป็นของตัวเอง ด้วยการนำยาเสพติดหลายประเภทมาผสมกัน พร้อมอ้างว่าผู้เสพนำไปเสพผิดวิธี จึงอาจส่งผลให้ถึงแก่ชีวิต
เบื้องต้น จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า ผู้ต้องหาเข้ามาประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2555 โดยเชื่อว่าเข้ามาอย่างไม่ถูกต้อง และอยู่เมืองไทยมาตลอด โดยผู้ต้องหาดำเนินการเพียงคนเดียว แต่ตำรวจจะประสานไปยังตำรวจไต้หวันเพื่อขยายผลถึงเครือข่าย พร้อมหาความเชื่อมโยงถึงกลุ่มผู้ค้ารายย่อยและลูกค้า หลังพบว่า ผู้ต้องหากระจายยาเสพติดส่วนหนึ่งผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และจำหน่ายตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ พร้อมเชื่อว่า มีบางส่วนถูกส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ โดยหลังจากนี้ ก็จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อไป
พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วยผบ.ตร. กล่าวว่า ข้อมูลของผู้ต้องหา พบเคยทำและเคยผลิตยาเสพติดส่งออกต่างประเทศมาก่อนหน้านี้ แล้วมีพฤติการณ์หลบหนีเจ้าหน้าที่อยู่เรื่อยมา กระทั่งมาอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งทางตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ติดตามแกะรอยมาตลอด ไม่ใช่เพราะมีประเด็นเรื่องยาเคนมผงเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยทราบอีกว่าผู้ต้องหามีการผสมยาเคนมผง หลายสูตร เพื่อส่งจำหน่ายขายทั่วไป
พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด กล่าวว่า จะขยายผลจากผู้ต้องหา 2 ส่วน คือ แหล่งที่มาของยาเสพติด โดยจะตรวจสอบว่ามาจากที่ไหน และสูตรยาเคนมผง ผู้ต้องหาได้ส่งให้ใครและเครือข่ายใดบ้าง โดยจะประสานกับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจเข้มข้นว่ามีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีการจับกุมผู้ต้องหาในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้นั้น ถือเป็นผู้ค้ารายย่อย หากสืบทราบมีความเชื่อมโยงก็จะเร่งดำเนินการทันที