หลังการพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ในสนามเลือกตั้งองค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า หายหน้าไปพักหนึ่ง โดยอ้างว่า ต้องกักตัวเอง 14 วัน เพราะได้ลงพื้นที่หาเสียงที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีการระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่
ขึ้นปีใหม่ 2564 เขากลับมาในการไลฟ์สด หัวข้อ “ประเทศไทย 2021 ข้อเสนอจัดการโควิดและวิกฤตเศรษฐกิจ” เมื่อคืนวันที่ 4 มกราคม แต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจ ไม่เป็นกระแสในวงกว้างสักเท่าไร เพราะสิ่งที่พูดข้อเสนอของเขานั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลทำไปแล้ว และกำลังทำอยู่
การไลฟ์สดวันที่ 20 มกราคม หัวข้อ “วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย” ทำให้เกิดปฏิกิริยาในเชิงลบอย่างกว้างขวาง เพราะทั้งหัวข้อการพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ว่า ผูกขาดการนำวัคซีนต้านไวรัสโควิดของแอสตราเซเนกามาฉีดให้คนไทยเพียงรายเดียว โดยรัฐบาลให้เงินอุดหนุน เป็นข้อมูลเท็จที่ธนาธรยกขึ้นมาใส่ความข้างเดียว และมีเจตนาชัดเจนว่า ใช้เรื่องการจัดหาวัคซีนจากแอสตราเซเนกามาโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์
การไลฟ์สดเรื่องนี้ ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ กระทรวงดิจิทัล แจ้งความดำเนินคดีนายธนาธร ในความผิดต่อพระมหากษัตริย์ มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ทันที
หลังการไลฟ์สดของธนาธร กระทรวงสาธารณสุข โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการวัคซีน เช่น สถาบันวัคซีนแห่งชาติ รวมทั้งบุคลากรในวงการแพทย์ที่ให้ข้อมูลในเรื่อง การระบาดของไวรัสโควิดมาอย่างต่อเนื่อง อย่าง ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้องออกมาให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และบอกเป็นนัยๆ ว่า ธนาธรโกหกเรื่องวัคซีน
นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ บอกว่า ราคาวัคซีนแอสตราเซเนกาที่รัฐบาลไทยซื้อล่วงหน้า เป็นราคาที่ถูกที่สุดในตลาด และสะท้อนต้นทุน ข้อกล่าวหาอันเลื่อนลอยและคลาดเคลื่อนควรจะหมดไป และไม่ควรจะโยงกับเรื่องการทำงานของสถาบันที่พวกเราเคารพรัก
ศ.นพ.ยง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 21 มกราคมว่า “เนื่องจากมีคนออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับวัคซีน โดยมีความเข้าใจที่ผิดพลาดหลายประการ ในฐานะนักวิชาการด้านไวรัสวิทยา และวัคซีน ผมมีความจำเป็นต้องออกมาชี้แจงให้ประชาชนและสังคมเข้าใจให้ถูกต้อง ในประเด็นต่างๆ ก่อนที่จะเกิดความตื่นตระหนกความเข้าใจผิดต่างๆ ลามไปมากกว่านี้ จนเกิดความเสียหายต่อการแพทย์ การสาธารณสุขและระบาดวิทยา ในการควบคุมโรค”
แม้แต่คนทั่วๆ ไปที่ไม่สนใจการเมืองอย่างภรรยาซูโม่กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ ยังทนไม่ได้ต้องโพสต์เฟซบุ๊กบอกไปยังธนาธรว่า “อย่ามาเห่าและลากทุกอย่างไปเป็นเรื่องการเมืองหมด ประเทศนี้ไปได้ไม่ไกลกว่านี้หรอก ก็คนรุ่นใหม่คิดได้แค่นี้#หยุดเห่าเพื่อชาติสักครั้งเถอะ”
การใช้เรื่องการซื้อวัคซีนของแอสตราเซเนกามาเป็นเครื่องมือโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ของนายธนาธร เป็นความผิดพลาดในการเดินเกมการเมืองอีกครั้งหนึ่ง ข้อกล่าวหาที่บิดเบือนของเขา ทำให้ผู้ที่รู้เรื่องกระบวนการจัดหาวัคซีนครั้งนี้ และคนที่เคยมีประสบการณ์กับสยามไบโอไซเอนซ์ จำเป็นต้องดาหน้าออกมาให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่สังคม ทำให้คนไทย “ตาสว่าง” ในเรื่องการจัดหาวัคซีน เพราะก่อนหน้านี้ภาครัฐไม่ค่อยจะเปิดเผยว่า มีการเตรียมการจัดหาวัคซีนอย่างไร ทั้งๆ ที่มีการหารือกันมาตั้งแต่หลังการระบาดไม่นาน เมื่อกลางปีที่แล้ว
การใช้เรื่องวัคซีนโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้คนกลางๆ จำนวนไม่น้อย ซึ่งมองนายธนาธรในแง่บวกว่า เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่เป็นความหวังได้ สูญเสียความเชื่อมั่นศรัทธาไปไม่น้อย เพราะเขาได้เปลือยตัวตนให้เห็นว่า พร้อมจะทำทุกอย่าง เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง และได้แสดงอคติที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน
การแสดงความเห็นข้อเสนอของนายธนาธร ต่อปัญหาบ้านเมืองหลายๆ ครั้ง สะท้อนตัวตนของเขาว่า ไม่ได้มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องต่างๆ อย่างลึกซึ้ง สิ่งใดที่รัฐบาลทำ เขาต้องพูดในด้านตรงข้าม เช่น บอกว่า ถ้าเขาได้เป็นรัฐบาล จะรับผู้อพยพโรฮิงญาให้มาอยู่ในประเทศไทย หรือเมื่อครั้งหาเสียงกับธุรกิจประมงที่สมุทรสาคร เมื่อต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2562 เขาบอกว่า จะยกเลิกมาตรการป้องกันประมงผิดกฎหมาย หรือ IUU ของ คสช.จนนายบรรจง นะแส แกนนำกลุ่มประมงพื้นบ้าน ต้องแนะว่า อย่าฟังแต่ประมงพาณิชย์ ให้ทำการบ้านเพิ่ม และอย่าโยงทุกเรื่องกับการรัฐประหาร
แม้แต่เรื่องของตัวเอง เรื่องของพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร ก็ยังทำความผิดพลาดอย่างร้ายแรงจนถึงขั้นถูกถอดถอนจาก ส.ส.พรรคถูกยุบ เพราะไม่รอบคอบ ไม่ศึกษาข้อกฎหมายให้เข้าใจ ไม่มีที่ปรึกษาที่รู้จริง เชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป เมื่อพลาดไปแล้ว ก็บิดเบือน โกหกสาวกว่า ถูกกลั่นแกล้ง ทั้งๆ ที่ทำผิดเอง
กรณีโยงเรื่องวัคซีนเพื่อโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ นอกจากจะทำให้นายธนาธร ต้องถูกดำเนินคดีข้อหาตามมาตรา 112 แล้ว ยังเป็นการฉายภาพให้สังคมได้เห็นกันชัดอีกครั้งหนึ่งว่า ธนาธรนั้นมีแต่ความทะเยอทะยานที่จะมีอำนาจทางการเมือง เพื่อโค่นล้มสถาบัน ตัวเขาเองไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ชีวิตเลย มีแต่เงินทอง และความรู้จากโลกหนังสือ และการหมกมุ่นอยู่กับอุดมการณ์ วาทกรรมฝ่ายซ้ายเมื่อครึ่งศตวรรษ