"ธนาธร" เปิดปากปม เรือยอร์ช ซื้อมือสอง ไม่ได้ไปจดทะเบียนเอง โวยถูกอำนาจมืดดิสเครดิต วางเพลิงซัดรัฐบาลตามบี้คดีน้องชาย จงใจกลั่นแกล้ง อ้างไม่ใช่คนทำสังคมแตกแยก-ไม่คิดเป็นนายกฯ แต่ถ้าต้องเป็นเพื่อผลักดันสังคมให้ไปสู่ประชาธิปไตย
วานนี้ (21 ม.ค.) ที่อาคารไทยซัมมิท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่ถูกร้องเรียนเรื่องการครอบครองเรือยอชต์ที่จดทะเบียนที่หมู่เกาะคุก ซึ่งถูกมองเป็นแอหล่งฟอกเงินและการเลี่ยงภาษีว่า มีความต้องการทำลายความน่าเชื่อถือทางการเมืองของตนผ่านเรือยอชต์ และที่ตนไม่ออกมาตอบโต้ก่อนหน้านี้ เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องเล็กมาก ถ้าออกมาตอบโต้ ก็จะเข้าทางเขา กลายเป็นประเด็นขึ้นมาอีก ทั้งนี้ ขอชี้แจงว่าเรือลำดังกล่าวตนและเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนกันไปซื้อมาจาก บริษัท โบ๊ทลากูน ยอชต์ติ้ง เอเชีย ลิมิเต็ด ที่ตั้งอยู่ที่ฮ่องกง โดยเป็นเรือมือสอง ซื้อขายกันตามราคาตลาด ซึ่งบริษัทที่เป็นเจ้าของเรือลำนี้เขาไปจดทะเบียนเรือมือสอง ที่จดทะเบียนที่หมู่เกาะคุกเท่านั้น
"ที่สำคัญผมเป็นผู้ถูกกระทำ ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเรือไฟไหม้ เรือไม่ได้ไฟไหม้เอง แต่เป็นการวางเพลิง ผมรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผม ต้องการตรวจสอบผม ต้องการทำลายความน่าเชื่อถือทางการเมืองของผม จึงไม่อยากแจ้งความให้เป็นคดี ผมยังไม่ได้แจ้งความแต่ตำรวจรู้ และสำนักข่าวเจ้าหนึ่งเอาไปลงข่าว พวกเรารู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องการเมือง จึงตั้งใจที่จะไม่พูดเรื่องนี้" นายธนาธร กล่าว
ส่วนกรณี นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริษัท เรียล แอสเสท ดิเวลอปเม้นท์ จำกัด น้องชายของนายธนาธร เข้าไปชื่อพัวพันเป็นผู้จ่ายสินบน 20 ล้านบาทให้กับผู้ต้องหาที่ถูกพิพากษาจำคุก เพื่อให้บริษัทฯได้สิทธิพัฒนาที่ดิน 2 แปลงใจกลาง กทม.ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์นั้น นายธนาธร กล่าวเพียงว่า เรื่องนี้น้องชายตนได้ชี้แจงเป็นเอกสารแล้ว สามารถติดตามได้ แต่ตนเชื่อว่าเป็นความจงใจของรัฐบาลที่พยายามกดดันตนให้หยุดการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่พวกเราไม่ยอมแพ้ ขวัญกำลังใจพวกเรายังดี ตนและเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทั้งหมด ยืนยันว่า จะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลต่อไป
"ตั้งแต่ตัดสินใจมาทำงานการเมือง ไม่เคยมีเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่เคยคิดถึงเชื่อเสียงตัวเอง ไม่เคยคิดที่จะเอาภาษีประชาชนมาเป็นสมบัติของตัวเอง ไม่เคยคิดถึงตำแหน่ง ไม่เคยอยากเป็น ส.ส. ไม่เคยอยากมีตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าต้องเป็นเพื่อผลักดันสังคมให้ไปสู่จุดนั้น ก็พร้อมที่จะเป็น" นายธนาธร กล่าว
วานนี้ (21 ม.ค.) ที่อาคารไทยซัมมิท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่ถูกร้องเรียนเรื่องการครอบครองเรือยอชต์ที่จดทะเบียนที่หมู่เกาะคุก ซึ่งถูกมองเป็นแอหล่งฟอกเงินและการเลี่ยงภาษีว่า มีความต้องการทำลายความน่าเชื่อถือทางการเมืองของตนผ่านเรือยอชต์ และที่ตนไม่ออกมาตอบโต้ก่อนหน้านี้ เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องเล็กมาก ถ้าออกมาตอบโต้ ก็จะเข้าทางเขา กลายเป็นประเด็นขึ้นมาอีก ทั้งนี้ ขอชี้แจงว่าเรือลำดังกล่าวตนและเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนกันไปซื้อมาจาก บริษัท โบ๊ทลากูน ยอชต์ติ้ง เอเชีย ลิมิเต็ด ที่ตั้งอยู่ที่ฮ่องกง โดยเป็นเรือมือสอง ซื้อขายกันตามราคาตลาด ซึ่งบริษัทที่เป็นเจ้าของเรือลำนี้เขาไปจดทะเบียนเรือมือสอง ที่จดทะเบียนที่หมู่เกาะคุกเท่านั้น
"ที่สำคัญผมเป็นผู้ถูกกระทำ ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเรือไฟไหม้ เรือไม่ได้ไฟไหม้เอง แต่เป็นการวางเพลิง ผมรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผม ต้องการตรวจสอบผม ต้องการทำลายความน่าเชื่อถือทางการเมืองของผม จึงไม่อยากแจ้งความให้เป็นคดี ผมยังไม่ได้แจ้งความแต่ตำรวจรู้ และสำนักข่าวเจ้าหนึ่งเอาไปลงข่าว พวกเรารู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องการเมือง จึงตั้งใจที่จะไม่พูดเรื่องนี้" นายธนาธร กล่าว
ส่วนกรณี นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริษัท เรียล แอสเสท ดิเวลอปเม้นท์ จำกัด น้องชายของนายธนาธร เข้าไปชื่อพัวพันเป็นผู้จ่ายสินบน 20 ล้านบาทให้กับผู้ต้องหาที่ถูกพิพากษาจำคุก เพื่อให้บริษัทฯได้สิทธิพัฒนาที่ดิน 2 แปลงใจกลาง กทม.ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์นั้น นายธนาธร กล่าวเพียงว่า เรื่องนี้น้องชายตนได้ชี้แจงเป็นเอกสารแล้ว สามารถติดตามได้ แต่ตนเชื่อว่าเป็นความจงใจของรัฐบาลที่พยายามกดดันตนให้หยุดการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่พวกเราไม่ยอมแพ้ ขวัญกำลังใจพวกเรายังดี ตนและเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทั้งหมด ยืนยันว่า จะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลต่อไป
"ตั้งแต่ตัดสินใจมาทำงานการเมือง ไม่เคยมีเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่เคยคิดถึงเชื่อเสียงตัวเอง ไม่เคยคิดที่จะเอาภาษีประชาชนมาเป็นสมบัติของตัวเอง ไม่เคยคิดถึงตำแหน่ง ไม่เคยอยากเป็น ส.ส. ไม่เคยอยากมีตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าต้องเป็นเพื่อผลักดันสังคมให้ไปสู่จุดนั้น ก็พร้อมที่จะเป็น" นายธนาธร กล่าว