ธรรมนิพนธ์ “เวลาแต่ละวัน อย่าให้ผ่านไปเปล่า” สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
ปีใหม่คือเวลาใหม่ที่สดใส ยังสะอาดบริสุทธิ์อยู่ จึงน่าชื่นชม น่าพึงพอใจ น่าทำจิตใจให้ร่าเริงเบิกบาน แต่การที่จะใหม่ จะสดใส ก็อยู่ที่เราทำมัน เพราะเวลานั้นเหมือนกันทุกวัน วันขึ้นปีใหม่หรือวันท้ายปีเก่า ก็คือเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก อย่างเดิม โลกหมุนไปเรื่อยๆ เราจึงต้องทำให้ใหม่ คือทำจิตใจของเราให้ใหม่ อย่างน้อยให้ร่าเริง สดใส บริสุทธิ์ แต่การร่าเริงนั้นก็ต้องระวัง อย่าร่าเริงแบบโมหะ อย่าสนุกสนานแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ให้คิดมองไปข้างหน้า ว่าปีใหม่ไม่ใช่วันเดียวนะ เหลืออีกตั้ง 364 วัน จะต้องร่าเริงทั้งปี เราจะต้องทำให้วันปีใหม่เป็นเพียงวันเริ่มต้นที่จะนำมาซึ่งความร่าเริงทั้ง 365 วัน
ร่าเริงแจ่มใส
ต้องมีจิตใจที่ประกอบด้วยความดีงาม
ทำอย่างไรให้วันปีใหม่เป็นวันเริ่มต้นแห่งความร่าเริงตลอด 365 วัน ก็คือต้องมีจิตใจที่ประกอบด้วยความดีงาม ไม่ใช่มุ่งแต่จะสนุกสนานแบบโมหะหลงมัวเมา เราจะต้องคิดดี ตั้งใจดี มีความเพียรพยายาม เราจะเดินหน้า เราจะสร้างสรรค์ ทำให้ชีวิตของเรามีความดีงาม ความสุขความเจริญ เราจะทำให้สังคมประเทศชาติของเรามีความดีงาม ความสุข ความเจริญ เมื่อตั้งจิตใจได้อย่างนี้ จิตใจก็ร่าเริงเบิกบาน เมื่อตั้งใจแล้ว ก็ใช้ปัญญาคิดหาทางปรับปรุงพัฒนาชีวิตให้เดินหน้า รู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์
วันขึ้นปีใหม่เปรียบได้กับเป็นจุดท้าทายเราว่าเราจะใช้เวลาเป็นไหม เราจะสร้างความเจริญงอกงามและความสุขได้สำเร็จหรือไม่ มงคลจะมีมาจริงหรือเปล่า
มองทุกข์ให้ถูก ใช้ทุกข์ให้เป็น
ทุกข์นั้นจะนำประโยชน์มาให้แก่ชีวิตของเรา
เมื่อมีความทุกข์ อย่าตื่นเต้น แต่ต้องมองสถานการณ์ให้ถูก พอดีๆ ไม่ร้ายเกินไปหรือดีเกินไป อย่ามองแคบๆ ให้มองไปข้างหน้าว่าเราสามารถผ่านสถานการณ์อันเลวร้ายครั้งนี้ไปด้วยดี เรื่องทุกข์สุขนั้นเป็นของธรรมดา คนเราก็อยากจะหนีทุกข์ประสบสุขเหมือนกันหมด แต่เมื่อเราอยู่ในโลก ก็ต้องเจอกับมันทั้งสองอย่างเป็นเรื่องธรรมดาหมุนเวียนเปลี่ยนไปเป็นอนิจจัง แต่เมื่อคิดได้เช่นนี้ก็ต้องไม่ปลงใจ หรือปล่อยตัวมัวนอนสบาย ต้องมองเหตุผลค้นเหตุปัจจัย และหาทางแก้ไข อย่างน้อยสุขทุกข์ก็มีทั้งแง่ดีแง่ร้าย ความทุกข์ใช้ไม่เป็นก็จะกลายเป็นการบีบคั้นตัวเอง ทุกอย่างรอบตัวแย่ไปหมดทั้งกายใจ แต่ถ้าใช้เป็น มองทุกข์ให้ถูก ทุกข์นั้นก็จะเป็นประโยชน์
การแก้ปัญหาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดก็คือแก้ปัญหาที่ตัวเอง
ปุถุชนเมื่อถูกทุกข์บีบคั้นหรือภัยคุกคาม ก็จะลุกขึ้นดิ้นรนขวนขวาย ทำให้มีแรงขึ้นแล้วเพียรพยายามหาทางออก เราก็จะมีความเข้มแข็ง แต่ทั้งนี้ต้องมีสติมั่น ไม่วู่วามหวั่นไหว จากนั้นก็ใช้ปัญญาไตร่ตรองพิจารณา เมื่อเจอกับทุกข์อย่าไปหมดหวัง หรือเศร้าเสียใจเกินไป จงใช้ทุกข์เป็นพลังผลักดันในการเดินหน้า คนประสบความสำเร็จโดยมากก็เคยทุกข์มาก่อนทั้งนั้น ปัญหาที่เราประสบในปัจจุบันที่จะต้องแก้ไขก็คือ ปัญหาจากการดำเนินชีวิตที่ผิดพลาด เมื่อทราบว่าผิดพลาดก็แก้ไขด้วยการดำเนินชีวิตใหม่ให้ถูกต้อง แล้วชีวิตก็จะดีงาม การแก้ปัญหาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดก็คือ แก้ปัญหาที่ตัวเอง ด้วยการปรับการดำเนินชีวิตเสียใหม่ โดยต้องเป็นนักผลิต นักสร้างสรรค์ ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่เห็นแก่จะบริโภคอย่างเดียว รู้จักใช้สิ่งที่น้อยที่สุดให้เป็นประโยชน์มากที่สุด
เปลี่ยนทุกข์ที่เผชิญเป็นเวทีพัฒนาตัวเองให้ได้บทเรียน และบททดสอบ
เพื่อใช้เป็นเวทีฝึกฝนปัญญาพัฒนาชีวิต
จงใช้ปัญญามองปัญหา ที่ผ่านมาเหตุการณ์กรุงแตก สงครามโลก ยังแย่กว่านี้ตั้งมากมาย อย่าไปหมดหวัง เมื่อมีคนตกทุกข์อยู่สังคมเดียวกันก็ต้องช่วยเหลือกัน คนที่มีความทุกข์เองก็อย่าไปโดดเดี่ยวตัวเอง ต้องหาที่ปรึกษา หาแนวความคิดจากที่อื่นๆ ด้วย ให้มองทุกข์เป็นที่ทดสอบตัวเองว่า เราสบายมานาน พอเจอทุกข์แล้วจะไปรอดไหม หากผ่านได้ก็แสดงว่าเราเก่งพอสมควร จงใช้ทุกข์เป็นบททดสอบ เป็นบทเรียน และเป็นเวทีพัฒนาตนเอง เวลานี้ เวทีพัฒนาตนเองมาถึงแล้ว ให้ใช้เวทีนี้ในการสู้ปัญหา พัฒนาปัญญาความสามารถ แล้วเราก็จะเกิดความภาคภูมิใจเมื่อประสบความสำเร็จ
เวลาแต่ละวันอย่าให้ผ่านไปเปล่า
ไม่มากก็น้อยต้องให้ได้อะไรบ้าง
ขอฝากคติที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า เวลาแต่ละวันอย่าให้ผ่านไปเปล่า ไม่มากก็น้อยต้องให้ได้อะไรบ้าง คำว่า ได้ นั้นมีหลายแบบ บางคนก็นึกถึงการได้ทรัพย์สินเงินทอง ผลประโยชน์ บางคนก็หมายถึงได้งานได้การ บางคนก็ได้คุณธรรมพัฒนาจิตใจ บางคนก็หมายถึงได้ศึกษาเล่าเรียน พัฒนาสติปัญญาให้เจริญก้าวหน้า และถึงแม้บางคนจะไม่ได้อะไรทั้งวัน เวลาจะนอนก็ขอให้ได้จิตใจที่ผ่องใส นาทีสุดท้ายก่อนจะหลับขอให้หลับไปด้วยจิตใจสบาย เบิกบาน ผ่องใส ปีใหม่ก็จะเป็นปีใหม่ที่ดีงามแน่นอน