ทำท่าจะไปกันใหญ่แล้วสำหรับการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสรอบ 2 หรือรอบใหม่ ก็สุดแล้วแต่จะเรียก แต่สภาวะที่เป็นอยู่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ศูนย์บริหารโควิด-19 ที่ท่านลุงผู้นำนั่งหัวโต๊ะยอมรับแล้วว่าดูหนักหนาสาหัสกว่ารอบแรก มีติดเชื้อมากทุกวัน
แต่ยังพูดให้ดูดีว่า “ยังดีที่เตรียมพร้อมกว่าครั้งก่อน มีประสบการณ์มาแล้ว” ถ้าจะพูดให้ถูกจริงก็ต้องบอกว่าตั้งแต่ระลอกแรกนั้น บุคลากรทางการแพทย์ไม่ได้พักผ่อนอย่างจริงจัง เพราะประเทศเปิดรับคนเข้าจากต่างประเทศโดยตลอด
ขนมาแต่ละครั้ง ก็พบคนติดเชื้ออยู่ในช่วงกักตัว ทำเหมือนกับว่าสถานการณ์ในประเทศไม่มีปัญหา ไม่มีการระบาด ต้องเอาคนที่คาดว่าจะมีเชื้อจากต่างประเทศมาให้บรรดาคุณหมอให้ซ้อมมือ ฝึกปรือให้พร้อมรับวิกฤตระบาดรอบใหม่
ฝ่ายผู้บริหารประเทศไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ไม่ต้องเหนื่อย เสี่ยงภัย รอเดินวางก้ามทำหน้าบานเท่ากระด้ง ยิ้มไม่ยอมหุบรับคำชมจากองค์การอนามัยโลกว่าประเทศไทยมีการจัดการโคโรนาไวรัสอย่างดี สมควรเป็นตัวอย่างสำหรับชาวโลก
วางใจ ดูเบากับสถานการณ์ ลืมไปว่าชายแดนมีขบวนการคอร์รัปชันหากินกับการคนแรงงานเถื่อนและกลุ่มอื่นๆ เข้าประเทศ อยู่อาศัยเป็นชุมชน จากชมพูทวีป และทวีปแอฟริกา มีทั้งปล่อยเงินกู้ และอาชีพนอกกฎหมาย ประเทศไทยเป็นม้าอารี
เมื่อ “ฝีแตก” “ดีแตก” ก็ต้องหาแพะ จะหาใครเหมาะสมเท่ากับผู้ว่าฯ สมุทรสาครคงไม่มีอีกแล้ว ประชุม ครม.เฉ่งผู้ว่าฯ เละ โดยไม่ยอมรับว่าความบกพร่องล้วนเป็นฝีมือของขบวนการเพื่อนพ้องน้องพี่ใน ครม.ทั้งนั้น
สิ้นปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ช่วงนี้จะเป็นความซบเซาของธุรกิจการท่องเที่ยว และกิจการที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายอาหารทะเล ผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ตหวังว่าจากความทุกข์ช่วง 1 ปี จะมีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากได้บ้าง สุดท้าย ก็เลวร้ายกว่าเดิม
ต้นปีที่ผ่านมา เริ่มต้นการระบาด 1 ปีผ่านไป ทั่วโลกนับวันจะควบคุมได้ยาก เพราะมีทั้งเชื้อโรคสายพันธุ์และสายพันธุ์ใหม่ ทำให้การติดเชื้อ ระบาดเร็วกว่าเดิมถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ถ้าจะหวังให้อาการทุเลา ต้องใช้เวลาอีก 1 ปี กว่าจะฉีดวัคซีนให้ทั่ว
ในบ้านเราถือว่าเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด จากเศรษฐกิจตายซาก ก่อนมีโควิด-19 พอจะผ่านมาได้แบบปางตาย แม้จะไม่มีการระบาด แต่ผู้กุมอำนาจประเทศไร้ฝีมือการบริหาร ห่วงแต่เก้าอี้ของตัวเองและพวกพ้อง เศรษฐกิจยังไม่มีโอกาสได้ฟื้น
พอจะดูดีเพราะโครงการท่านผู้นำอ้างว่าเป็นต้นคิด นั่นคือ “คนละครึ่ง” การท่องเที่ยวทำท่าจะดี ดันมีโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ ถ้าไม่ตายหยังเขียด ก็ให้รู้ไป
การระบาดสะท้อนให้เห็นความไม่เอาไหน โหล่ยโท่ย ห่วยแตก ในระบบการทำงานของเจ้าหน้าที่ ไล่ไปตั้งแต่ระดับชาติถึงท้องถิ่นปลายแถวโน่น การทุจริต คอร์รัปชันที่มีอยู่ในทุกระบบขององค์กรภาครัฐ ก็ถูกเปิดโปงให้เห็นคราวนี้
ไม่มีใครตอบได้ว่าแรงงานเถื่อน ไม่มีการลงทะเบียน รวมทั้งคนหลบหนีเข้าเมืองมีรวมกันมากกว่า 4 แสนราย เข้ามาอยู่ในประเทศได้อย่างไร โดยไม่มีใครรับรู้ ทั้งผู้นำระดับชาติ ต่างหาแพะรับบาป ไล่ลงไปเป็นลูกระนาด ตัวเองไม่รับผิดชอบ
เพียงไม่กี่วัน การระบาด หรือการค้นหาผู้ติดเชื้อก็ลามไปหลายจังหวัด ล้วนมีต้นตอจากตลาดกลางกุ้งในสมุทรสาครทั้งนั้น และมีความพิสดารซ้ำรอยเดิมคือมีติดเชื้อในบ่อนการพนันจังหวัดระยอง ลามไปแล้วกว่า 30 คน และน่าจะเพิ่มอีกมาก
เจ้าหน้าที่ในระยองปฏิเสธเสียงแข็งในช่วงแรก ทั้งๆ ที่บ่อนที่ว่านั้นตั้งอยู่กลางเมืองแท้ๆ ถ้านักพนันหาพบ แต่เจ้าหน้าที่หาไม่พบ แสดงว่าต้องมีอะไรบังตา ปิดปาก ผบ.ตร.ต้องคำรามให้ตำรวจในท้องที่หาให้พบ ไม่อย่างนั้นจะโดนย้ายเป็นชุดใหญ่
ไม่ใช่ระยองเท่านั้นมีบ่อน แทบทุกจังหวัดก็มี ในเมืองหลวง ย่านเยาวราชก็มีเสียงซุบซิบดังๆ ว่ามีบ่อนขนาดใหญ่ เล่นกันโดยไม่ต้องยำเกรงสีกากี เพราะดูแลแล้ว
แน่นอน ต้องมีเสียงปฏิเสธ ในประวัติศาสตร์ก็ไม่มีการยอมรับ ขนาดมีบ่อน มีคนยิงกันตาย 4 คนกลางเมือง ทุกวันนี้ยังเงียบ คดีก้าวไปไหน ไม่มีใครรับรู้
เอาเถอะ ที่ผ่านมาก็แก้ไขอะไรไม่ได้ การระบาดรอบใหม่ ก็มีเสียงยอมรับแล้วว่าจะเอาอยู่ยาก มีความซับซ้อน เครือข่ายแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็หาทางออกง่ายๆ ด้วยการรับจดทะเบียนแรงงานเถื่อนทั้งหมด
ทำเช่นนี้แล้ว เท่ากับว่าไม่มีแรงงานเถื่อนอีก ทุกฝ่ายสมประโยชน์ และพวกงาบหัวคิวในระดับต่างๆ ก็อิ่มหมีพีมัน ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง หน้าด้านซะอย่าง!
การระบาดรอบนี้ จะเอาอยู่อย่างไร เมื่อไหร่ ยังไม่มีคำตอบ แต่ดูแล้ว น่าจะต้องใช้เวลา และภาระหนักก็คือ ทำอย่างไรจะมีเงินบริหารประเทศและโครงการประชานิยมให้คนยากจน สิ้นไร้ไม้ตอก พอมีอาหารกิน ไม่ลุกฮือขับไล่รัฐบาล
หนี้ครัวเรือน หนี้ส่วนบุคคล หนี้สาธารณะ หนี้สารพัด กำลังคุกคามประเทศ ผู้นำประเทศ นักกู้สิบทิศ คงต้องหาหนทาง หาแหล่งเงินกู้อีกรอบ และภาระดอกเบี้ยคงไม่ถูกแน่ เพราะทุกประเทศต้องการใช้เงิน ใครไม่มีก็เสี่ยงต่อวิบัติทางการเมือง
ผู้กุมอำนาจบ้านเรา ห่วงอย่างเดียวคืออำนาจและความอยู่รอดให้ยาวนานที่สุด แม้ฝีมือการบริหารจะไม่เอาไหน ก็ยังมีเสียงท้วงบอกว่า “ไม่เอาลุงแล้วจะเอาใคร” ทำให้ท่านผู้นำกลายเป็นบุคคลซึ่งประเทศไทยจะขาดเสียมิได้ ต้องให้อยู่ต่อไปนานๆ
ไม่มีทางเลือกที่ไม่บอบช้ำกล้ำกลืนฝืนทน ยิ่งมีกฎหมายฉุกเฉินคุมชาวบ้านอย่างเต็มที่ คงไม่มีกลุ่มใดมาท้าทายอำนาจ แม้แต่ม็อบ 3 นิ้ว ก็ต้องฝ่อไปตามยถากรรม แถมยังต้องเผชิญคดีอาญาสารพัด โอกาสพ้นคุกไม่มีแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว
อยู่ที่ว่า “เมื่อพวกลุงอยู่ได้สบาย บ้านเมืองจะยังอยู่รอดได้หรือเปล่า?”