“รมว.คลัง” ขอประเมิน “โควิด-19” ระลอกใหม่อีก 1 สัปดาห์ ก่อนเคาะมาตรการช่วยเหลือ ปชช. เผยตอนนี้ยังไม่มีการพิจารณาปัดฝุ่น “เราไม่ทิ้งกัน” อีกรอบ แม้บางพื้นที่ถูกสั่งล็อกดาวน์แล้ว "ปลัดคลัง” ระบุฐานะการเงินยังปึ้ก กู้เพิ่มได้อีก 7แสน
วานนี้ (24 ธ.ค.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยถึงการพิจารณามาตรการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ว่า กระทรวงการคลังขอติดตามการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 อีก 1 สัปดาห์ว่า สถานการณ์จะมีทิศทางอย่างไร จะควบคุมได้ดีหรือไม่ ก่อนพิจารณาความจำเป็นในการออกมาตรการดูแลประชาชนเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณามาตรการแจกเงิน หรือ เราไม่ทิ้งกันอีกรอบ แม้จะมีบางพื้นที่ถูกสั่งล็อกดาวน์ เช่น จ.สมุทรสาคร แต่ผู้ประกอบการโรงงานส่วนใหญ่ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ
ด้าน นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงถึงความห่วงใยว่าหากมีการล็อกดาวน์ประเทศรอบ 2 อาจจะไม่มีงบประมาณเพียงพอในการช่วยเหลือประชาชนว่า ยอมรับว่าเป็นคำถามที่ยากมาก แต่เชื่อว่าไม่มีปัญหา โดยงบประมาณรายจ่ายปี 2564 อยู่ที่ 3.29 ล้านล้านบาท เป็นงบลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท รวมกับวงเงินที่เหลือจากการออก พ.ร.ก.กู้เงินจากโควิด-19 ที่ยังเหลืออีกประมาณ 6 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ การจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2564 ถ้าหารายได้ไม่พอ ก็ไม่น่าเป็นห่วง สามารถบริหารจัดการได้
“ตอนนี้ไม่มีปัญหาฐานะการคลัง เพราะยังมีช่องว่างที่กระทรวงการคลังสามารถกู้ได้อีก 7 แสนล้านบาท ถึงจะชนเพดานที่ 60% ของจีดีพี รวมทั้งยังมีเงินคงคลังพร้อมใช้อีก 5.7 แสนล้านบาท ส่วนเสถียรภาพแข็งแกร่งมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงกว่า 2.55 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ไม่เคยมีครั้งไหนมาก่อน” นายกฤษฎา กล่าว
นายกฤษฎา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่น่าวิตก จากตัวเลขบ่งชี้ว่าการบริโภคในประเทศกลับมาเกือบเหมือนเดิม การเก็บภาษีมูลค่า (แวต) ยังดีอยู่ ช่วงนี้ต้องประเมินนสถานการณ์การแพร่ระบาดก่อน ถ้าควบคุมได้เร็ว ความมั่นใจของนักลงทุนก็กลับมา นักท่องเที่ยวก็กลับมาเร็ว
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง รายงานฐานะการเงินประจําสัปดาห์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทุนสํารองเงินตรา และกิจการธนบัตร โดย รมว.คลัง ได้ประกาศรายงาน รวมจํานวน 4 สัปดาห์ ได้แก่ งวดประจําสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 13 ส.ค.63, งวดวันที่ 20 ส.ค.63, งวดวันที่ 27 ส.ค.63 และงวดวันที่ 3 ก.ย.63 แนบท้าย โดยประกาศงวดวันที่ 3 ก.ย.63 ระบุรายการขาดทุนสะสมที่ 1,069,366,246,596 บาท
วานนี้ (24 ธ.ค.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยถึงการพิจารณามาตรการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ว่า กระทรวงการคลังขอติดตามการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 อีก 1 สัปดาห์ว่า สถานการณ์จะมีทิศทางอย่างไร จะควบคุมได้ดีหรือไม่ ก่อนพิจารณาความจำเป็นในการออกมาตรการดูแลประชาชนเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณามาตรการแจกเงิน หรือ เราไม่ทิ้งกันอีกรอบ แม้จะมีบางพื้นที่ถูกสั่งล็อกดาวน์ เช่น จ.สมุทรสาคร แต่ผู้ประกอบการโรงงานส่วนใหญ่ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ
ด้าน นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงถึงความห่วงใยว่าหากมีการล็อกดาวน์ประเทศรอบ 2 อาจจะไม่มีงบประมาณเพียงพอในการช่วยเหลือประชาชนว่า ยอมรับว่าเป็นคำถามที่ยากมาก แต่เชื่อว่าไม่มีปัญหา โดยงบประมาณรายจ่ายปี 2564 อยู่ที่ 3.29 ล้านล้านบาท เป็นงบลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท รวมกับวงเงินที่เหลือจากการออก พ.ร.ก.กู้เงินจากโควิด-19 ที่ยังเหลืออีกประมาณ 6 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ การจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2564 ถ้าหารายได้ไม่พอ ก็ไม่น่าเป็นห่วง สามารถบริหารจัดการได้
“ตอนนี้ไม่มีปัญหาฐานะการคลัง เพราะยังมีช่องว่างที่กระทรวงการคลังสามารถกู้ได้อีก 7 แสนล้านบาท ถึงจะชนเพดานที่ 60% ของจีดีพี รวมทั้งยังมีเงินคงคลังพร้อมใช้อีก 5.7 แสนล้านบาท ส่วนเสถียรภาพแข็งแกร่งมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงกว่า 2.55 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ไม่เคยมีครั้งไหนมาก่อน” นายกฤษฎา กล่าว
นายกฤษฎา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่น่าวิตก จากตัวเลขบ่งชี้ว่าการบริโภคในประเทศกลับมาเกือบเหมือนเดิม การเก็บภาษีมูลค่า (แวต) ยังดีอยู่ ช่วงนี้ต้องประเมินนสถานการณ์การแพร่ระบาดก่อน ถ้าควบคุมได้เร็ว ความมั่นใจของนักลงทุนก็กลับมา นักท่องเที่ยวก็กลับมาเร็ว
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง รายงานฐานะการเงินประจําสัปดาห์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทุนสํารองเงินตรา และกิจการธนบัตร โดย รมว.คลัง ได้ประกาศรายงาน รวมจํานวน 4 สัปดาห์ ได้แก่ งวดประจําสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 13 ส.ค.63, งวดวันที่ 20 ส.ค.63, งวดวันที่ 27 ส.ค.63 และงวดวันที่ 3 ก.ย.63 แนบท้าย โดยประกาศงวดวันที่ 3 ก.ย.63 ระบุรายการขาดทุนสะสมที่ 1,069,366,246,596 บาท
