ผู้จัดการรายวัน360-“พลังงาน”เร่งพิจารณามอบของขวัญปีใหม่ให้คนไทยเพิ่มเติม หลังนำร่องลดค่าไฟฟ้าไปก่อนหน้านี้แล้ว รอลุ้น กบง. เคาะตรึงราคาแอลพีจีต่อหรือไม่ในการประชุมเดือนนี้ ส่วนการลดค่าการตลาดน้ำมันตามที่กลุ่มผีเสื้อเสนอ อยู่ระหว่างการหารือ เผยยังเตรียมพิจารณาทีโออาร์เปิดรับซื้อโรงไฟฟ้าชุมชน และหลักเกณฑ์การใช้เงินกองทุนอนุรักษ์พลังงาน
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้ขอให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงพลังงานช่วยเสนอแนวคิดของขวัญปีใหม่แก่ประชาชาชน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความสุขด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว การลดค่าครองชีพประชาชน หรืออื่นๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศลดค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) เดือนม.ค.-เม.ย.2564 ลดลง 2.89 สตางค์ต่อหน่วยไปแล้ว ถือเป็นของขวัญล่วงหน้า ส่วนจะมีการต่ออายุการลดราคาก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี ที่จะสิ้นอายุในเดือนธ.ค.2563 หรือไม่ ก็ต้องรอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในเดือนนี้พิจารณา
“ถ้าตรึงแอลพีจีต่อ จะใช้เม็ดเงินอุดหนุนที่สูงขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยปัจจุบันตรึงราคาแอลพีจีอยู่ที่ 14.37 บาทต่อกิโลกรัม หรือ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม เป็นการตรึงราคา เพื่อลดผลค่าครองชีพจากผลกระทบโควิด-19 ตั้งแต่ 24 มิ.ค.-31 ธ.ค.2563 ซึ่งต้องรอดูว่า กบง. จะมีมติอย่างไร ส่วนเรื่องค่าการตลาดน้ำมันจะมีการลดราคาตามข้อเสนอของกลุ่มผีเสื้อกระพือปีกหรือไม่นั้น ขณะนี้กำลังหารือกันอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการหารืออีกครั้งในเดือนนี้”นายกุลิศกล่าว
นอกจากนี้ กบง.ยังเตรียมพิจารณาเงื่อนไขทีโออาร์ เพื่อเปิดรับซื้อโรงไฟฟ้าชุมชน 15 เมกะวัตต์ และหลักเกณฑ์การเปิดส่งเสริมเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงาน ปี 2564 วงเงิน 6,500 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะเปิดประกาศให้สมัครได้ภายในเดือนม.ค.2564 ซึ่งในส่วนของกองทุนอนุรักษ์ฯ กำลังหารือกับกระทรวงมหาดไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดการอนุมัติเห็นชอบโครงการระดับท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ และอนุรักษ์พลังงานได้อย่างรวดเร็ว
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กล่าวว่า กบง. และคณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) กำหนดวงเงินดูแลราคาแอลพีจี ไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งฐานะล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2563 กองทุนน้ำมันฯ ดูแลราคาแอลพีจีติดลบไปแล้ว 8,701 ล้านบาท ส่งผลฐานกองทุนน้ำมันฯ สุทธิเหลืออยู่เพียง 28,474 ล้านบาท ในขณะที่บัญชีน้ำมันมีฐานะที่ 37,175 ล้านบาท โดยบัญชีรายเดือนขณะนี้ไหลออกราว 1,300 ล้านบาท จากการอุดหนุนแอลพีจีเดือนละเกือบ 500 ล้านบาท อุดหนุนน้ำมันเดือนละเกือบ 800 ล้านบาท ที่เป็นเช่นนี้จากราคาปิโตรเลียมตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น เพราะเป็นช่วงหน้าหนาว และตลาดตอบรับการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และโอเปกพลัสร่วมมือลดกำลังผลิตน้ำมันต่ออีกในไตรมาสแรกปี 2564 ที่ 7.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ขณะที่การบริโภคในประเทศเริ่มกลับมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลยอดใช้ทั้งแอลพีจี น้ำมันดีเซลพื้นฐาน บี 10 ก็เพิ่มขึ้น รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงพลังงานทดแทนอื่นๆ โดยหากไม่ปรับเปลี่ยนราคาจำหน่ายขายปลีก หรือ ไม่ปรับขึ้นเงินกองทุนฯ ในส่วนที่จะทำให้รายได้กองทุนฯ เพิ่ม ก็จะกระทบต่อฐานะกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งต้องรอ กบง.ว่าจะตัดสินใจอย่างไร
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้ขอให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงพลังงานช่วยเสนอแนวคิดของขวัญปีใหม่แก่ประชาชาชน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความสุขด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว การลดค่าครองชีพประชาชน หรืออื่นๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศลดค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) เดือนม.ค.-เม.ย.2564 ลดลง 2.89 สตางค์ต่อหน่วยไปแล้ว ถือเป็นของขวัญล่วงหน้า ส่วนจะมีการต่ออายุการลดราคาก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี ที่จะสิ้นอายุในเดือนธ.ค.2563 หรือไม่ ก็ต้องรอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในเดือนนี้พิจารณา
“ถ้าตรึงแอลพีจีต่อ จะใช้เม็ดเงินอุดหนุนที่สูงขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยปัจจุบันตรึงราคาแอลพีจีอยู่ที่ 14.37 บาทต่อกิโลกรัม หรือ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม เป็นการตรึงราคา เพื่อลดผลค่าครองชีพจากผลกระทบโควิด-19 ตั้งแต่ 24 มิ.ค.-31 ธ.ค.2563 ซึ่งต้องรอดูว่า กบง. จะมีมติอย่างไร ส่วนเรื่องค่าการตลาดน้ำมันจะมีการลดราคาตามข้อเสนอของกลุ่มผีเสื้อกระพือปีกหรือไม่นั้น ขณะนี้กำลังหารือกันอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการหารืออีกครั้งในเดือนนี้”นายกุลิศกล่าว
นอกจากนี้ กบง.ยังเตรียมพิจารณาเงื่อนไขทีโออาร์ เพื่อเปิดรับซื้อโรงไฟฟ้าชุมชน 15 เมกะวัตต์ และหลักเกณฑ์การเปิดส่งเสริมเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงาน ปี 2564 วงเงิน 6,500 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะเปิดประกาศให้สมัครได้ภายในเดือนม.ค.2564 ซึ่งในส่วนของกองทุนอนุรักษ์ฯ กำลังหารือกับกระทรวงมหาดไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดการอนุมัติเห็นชอบโครงการระดับท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ และอนุรักษ์พลังงานได้อย่างรวดเร็ว
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กล่าวว่า กบง. และคณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) กำหนดวงเงินดูแลราคาแอลพีจี ไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งฐานะล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2563 กองทุนน้ำมันฯ ดูแลราคาแอลพีจีติดลบไปแล้ว 8,701 ล้านบาท ส่งผลฐานกองทุนน้ำมันฯ สุทธิเหลืออยู่เพียง 28,474 ล้านบาท ในขณะที่บัญชีน้ำมันมีฐานะที่ 37,175 ล้านบาท โดยบัญชีรายเดือนขณะนี้ไหลออกราว 1,300 ล้านบาท จากการอุดหนุนแอลพีจีเดือนละเกือบ 500 ล้านบาท อุดหนุนน้ำมันเดือนละเกือบ 800 ล้านบาท ที่เป็นเช่นนี้จากราคาปิโตรเลียมตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น เพราะเป็นช่วงหน้าหนาว และตลาดตอบรับการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และโอเปกพลัสร่วมมือลดกำลังผลิตน้ำมันต่ออีกในไตรมาสแรกปี 2564 ที่ 7.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ขณะที่การบริโภคในประเทศเริ่มกลับมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลยอดใช้ทั้งแอลพีจี น้ำมันดีเซลพื้นฐาน บี 10 ก็เพิ่มขึ้น รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงพลังงานทดแทนอื่นๆ โดยหากไม่ปรับเปลี่ยนราคาจำหน่ายขายปลีก หรือ ไม่ปรับขึ้นเงินกองทุนฯ ในส่วนที่จะทำให้รายได้กองทุนฯ เพิ่ม ก็จะกระทบต่อฐานะกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งต้องรอ กบง.ว่าจะตัดสินใจอย่างไร
