ผู้จัดการรายวัน360-“บิ๊กตู่” เป็นประธานประชุม นบข. ไฟเขียวเพิ่มกรอบวงเงินประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 เพิ่มอีก 28,711 ล้านบาท เพื่อดูแลรายได้ให้กับชาวนา พร้อมสั่งการทุกหน่วยงานคุมเข้มปิดช่องการทุจริต
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้ปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 เพิ่มอีก 28,711 ล้านบาท จาก 18,096 ล้านบาท เป็น 46,807 ล้านบาท เพื่อดูแลรายได้ให้กับเกษตรกร ที่จะได้รับการชดเชยกรณีราคาข้าวต่ำกว่าราคาที่ประกันรายได้
สำหรับกรอบวงเงินที่เพิ่มขึ้นเป็น 46,807 ล้านบาท แยกเป็นค่าดำเนินการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง โดยใช้แหล่งเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 17,676 ล้านบาท ขอวงเงินเพิ่มเติมอีก จำนวน 28,078 ล้านบาท เป็น 45,754 ล้านบาท , ค่าใช้จ่ายในการชดเชยต้นทุนเงิน ธ.ก.ส. 397 ล้านบาท ขอวงเงินเพิ่มเติมอีก 631 ล้านบาท เป็น 1,029 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการ ธ.ก.ส. 21 ล้านบาท ขอวงเงินเพิ่มเติมอีก 1.09 ล้านบาท เป็น 22 ล้านบาท
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้มีข้อสั่งการในที่ประชุม โดยขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ รับผิดชอบในการจ่ายเงินให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ โดยกำชับว่าอย่าให้มีการทุจริตเกิดขึ้น พร้อมกับสั่งให้กระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่ตรวจสอบการรับมอบเงินส่วนต่างของเกษตรกรให้เป็นไปตามสิทธิที่ได้ ไม่ให้มีการทุจริต
ขณะเดียวกัน ขอให้มีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ข้าวในการประชุมครั้งหน้า และขอให้รายงานต่อไปทุกๆ 3 เดือน มอบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบว่าการเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้เกินกว่า 2 ปี จะทำให้เมล็ดพันธุ์เสื่อมคุณภาพ ทำให้มีข้าวเมล็ดแดงปนมากับข้าวหอมมะลิมาก และให้หาทางแก้ไขปัญหาการที่ชาวนานำเมล็ดพันธุ์ที่เก่าและเสื่อมไปปลูก และขอให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ดูแลตัวเลขประมาณการผลผลิตของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่คลาดเคลื่อนทุกปี
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้ปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 เพิ่มอีก 28,711 ล้านบาท จาก 18,096 ล้านบาท เป็น 46,807 ล้านบาท เพื่อดูแลรายได้ให้กับเกษตรกร ที่จะได้รับการชดเชยกรณีราคาข้าวต่ำกว่าราคาที่ประกันรายได้
สำหรับกรอบวงเงินที่เพิ่มขึ้นเป็น 46,807 ล้านบาท แยกเป็นค่าดำเนินการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง โดยใช้แหล่งเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 17,676 ล้านบาท ขอวงเงินเพิ่มเติมอีก จำนวน 28,078 ล้านบาท เป็น 45,754 ล้านบาท , ค่าใช้จ่ายในการชดเชยต้นทุนเงิน ธ.ก.ส. 397 ล้านบาท ขอวงเงินเพิ่มเติมอีก 631 ล้านบาท เป็น 1,029 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการ ธ.ก.ส. 21 ล้านบาท ขอวงเงินเพิ่มเติมอีก 1.09 ล้านบาท เป็น 22 ล้านบาท
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้มีข้อสั่งการในที่ประชุม โดยขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ รับผิดชอบในการจ่ายเงินให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ โดยกำชับว่าอย่าให้มีการทุจริตเกิดขึ้น พร้อมกับสั่งให้กระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่ตรวจสอบการรับมอบเงินส่วนต่างของเกษตรกรให้เป็นไปตามสิทธิที่ได้ ไม่ให้มีการทุจริต
ขณะเดียวกัน ขอให้มีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ข้าวในการประชุมครั้งหน้า และขอให้รายงานต่อไปทุกๆ 3 เดือน มอบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบว่าการเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้เกินกว่า 2 ปี จะทำให้เมล็ดพันธุ์เสื่อมคุณภาพ ทำให้มีข้าวเมล็ดแดงปนมากับข้าวหอมมะลิมาก และให้หาทางแก้ไขปัญหาการที่ชาวนานำเมล็ดพันธุ์ที่เก่าและเสื่อมไปปลูก และขอให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ดูแลตัวเลขประมาณการผลผลิตของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่คลาดเคลื่อนทุกปี