ผู้จัดการรายวัน360-ครม.มีมติต่อประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉิน ครั้งที่ 8 ยาวข้ามปี 45 วัน เพื่อควบคุมโรคในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่มีคนเดินทางเป็นจำนวนมาก ด้านกรมควบคุมโรคย้ำการพบผู้ป่วยในประเทศ ไม่ใช่การระบาดระลอก 2 เหตุไม่ได้เพิ่มขึ้นจำนวนมากเหมือนหลายประเทศ ขณะที่ ศบค.รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 7 ราย นำเข้ามาทั้งหมด
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรับมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้ (23 พ.ย.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้ความเห็นชอบการขยายการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ทั่วราชอาณาจักร เป็นคราวที่ 8 โดยครั้งนี้มีการต่ออายุออกไปมากกว่าทุกครั้ง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2563-15 ม.ค.2564 เพื่อให้ครอบคลุมช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่จะมีประชาชนเดินทางจำนวนมาก และให้เหตุผลเรื่องการควบคุมโรคเป็นสำคัญ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นชายสัญชาติเมียนมา ที่อยู่อาศัยอยู่ในที่พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านอุ้มเปี้ยม อ.พบพระ จ.ตาก ว่า น่าจะติดเชื้อในประเทศไทย โดยอาจสัมผัสกับชาวเมียนมาที่ติดเชื้อ หรืออาจติดเชื้อมานานแล้ว ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดจำนวนในเมียนมา ส่วนการติดเชื้อในประเทศจะติดจากที่ใดต้องรอผลตรวจสารพันธุกรรม ซึ่งได้ส่งผลไปตรวจที่แลปของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว และต้องสอบสวนโรคเพิ่มเติมต่อไป แต่ผลจากห้องปฏิบัติการในพื้นที่ พบว่ามีปริมาณเชื้อน้อย โอกาสที่จะแพร่เชื้อสู่คนอื่นจึงน้อยตามไปด้วย และศูนย์พักพิง ยังเป็นพื้นที่ปิด คนภายนอกไม่สามารถเข้าออกได้ หากไม่ได้รับอนุญาต จึงยากที่จะแพร่เชื้อ
ส่วนการพบผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ 1-2 คนในช่วงที่ผ่านมา ยังไม่ใช่การระบาดระลอก 2 เหมือนในหลายประเทศ เพราะตามหลักระบาดวิทยา การจะเรียกว่าระบาดระลอกใหม่ ต้องมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากติดต่อกันหลายวัน แต่เพื่อไม่ประมาท ได้มีการเตรียมความพร้อมในรักษา ทั้งยาและเวชภัณฑ์
วันเดียวกันนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 7 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ประกอบด้วย เยอรมนี 1 ราย เลบานอน 1 ราย เดนมาร์ก 1 ราย สหรัฐฯ 1 ราย สหราชอาณาจักร 1 ราย สาธารณรัฐคอซอวอ 1 ราย และกาตาร์ 1 ราย ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,920 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,453 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 1,466 ราย และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 959 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 5 ราย รวมเป็น 3,766 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 94 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 60 ราย
ส่วนสถานการณ์โรคติดโควิด-19 ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 58,980,059 ราย อาการรุนแรง 103,057 ราย รักษาหายแล้ว 40,763,950 ราย เสียชีวิต 1,393,537 ราย โดยอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ สหรัฐฯ จำนวน 12,588,661 ราย อินเดีย จำนวน 9,140,312 ราย บราซิล จำนวน 6,071,401 ราย ฝรั่งเศส จำนวน 2,140,208 ราย และรัสเซีย จำนวน 2,089,329 ราย ส่วนไทย อยู่ในอันดับที่ 151 จำนวน 3,920 ราย
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรับมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้ (23 พ.ย.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้ความเห็นชอบการขยายการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ทั่วราชอาณาจักร เป็นคราวที่ 8 โดยครั้งนี้มีการต่ออายุออกไปมากกว่าทุกครั้ง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2563-15 ม.ค.2564 เพื่อให้ครอบคลุมช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่จะมีประชาชนเดินทางจำนวนมาก และให้เหตุผลเรื่องการควบคุมโรคเป็นสำคัญ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นชายสัญชาติเมียนมา ที่อยู่อาศัยอยู่ในที่พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านอุ้มเปี้ยม อ.พบพระ จ.ตาก ว่า น่าจะติดเชื้อในประเทศไทย โดยอาจสัมผัสกับชาวเมียนมาที่ติดเชื้อ หรืออาจติดเชื้อมานานแล้ว ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดจำนวนในเมียนมา ส่วนการติดเชื้อในประเทศจะติดจากที่ใดต้องรอผลตรวจสารพันธุกรรม ซึ่งได้ส่งผลไปตรวจที่แลปของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว และต้องสอบสวนโรคเพิ่มเติมต่อไป แต่ผลจากห้องปฏิบัติการในพื้นที่ พบว่ามีปริมาณเชื้อน้อย โอกาสที่จะแพร่เชื้อสู่คนอื่นจึงน้อยตามไปด้วย และศูนย์พักพิง ยังเป็นพื้นที่ปิด คนภายนอกไม่สามารถเข้าออกได้ หากไม่ได้รับอนุญาต จึงยากที่จะแพร่เชื้อ
ส่วนการพบผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ 1-2 คนในช่วงที่ผ่านมา ยังไม่ใช่การระบาดระลอก 2 เหมือนในหลายประเทศ เพราะตามหลักระบาดวิทยา การจะเรียกว่าระบาดระลอกใหม่ ต้องมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากติดต่อกันหลายวัน แต่เพื่อไม่ประมาท ได้มีการเตรียมความพร้อมในรักษา ทั้งยาและเวชภัณฑ์
วันเดียวกันนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 7 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ประกอบด้วย เยอรมนี 1 ราย เลบานอน 1 ราย เดนมาร์ก 1 ราย สหรัฐฯ 1 ราย สหราชอาณาจักร 1 ราย สาธารณรัฐคอซอวอ 1 ราย และกาตาร์ 1 ราย ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,920 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,453 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 1,466 ราย และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 959 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 5 ราย รวมเป็น 3,766 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 94 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 60 ราย
ส่วนสถานการณ์โรคติดโควิด-19 ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 58,980,059 ราย อาการรุนแรง 103,057 ราย รักษาหายแล้ว 40,763,950 ราย เสียชีวิต 1,393,537 ราย โดยอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ สหรัฐฯ จำนวน 12,588,661 ราย อินเดีย จำนวน 9,140,312 ราย บราซิล จำนวน 6,071,401 ราย ฝรั่งเศส จำนวน 2,140,208 ราย และรัสเซีย จำนวน 2,089,329 ราย ส่วนไทย อยู่ในอันดับที่ 151 จำนวน 3,920 ราย