"สุริยะ" เผยอุตสาหกรรม “อาหาร-ยา” ยังเป็นดาวรุ่งปี 64 หลังโควิด-19 ทำให้ความต้องการยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนอุตฯหลักอื่นๆเริ่มทยอยฟื้นตัว ขณะที่ดัชนีเชื่อมั่น SMEs เริ่มปรับตัวเพิ่ม หลังรัฐอัดมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ
วานนี้ (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ผลการศึกษาของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ประมาณการขยายตัวของอุตสาหกรรมพบว่า อุตฯ อาหาร ยา และเภสัชภัณฑ์ มีแนวโน้มเป็นดาวเด่น ที่จะยังคงขยายตัวต่อเนื่องในปี 64 ซึ่งมาจากปัจจัยด้านความต้องการในการรักษาโรค และความกังวลจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้ ประเมินว่า ทั้งปี 63 อุตฯเภสัชภัณฑ์จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 17.5% เมื่อเทียบจากปีก่อน เช่นเดียวกันกับอุตฯ ถุงมือยาง ที่คาดว่าในปี 63 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 23.2% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากความต้องการใช้ทางการแพทย์ ที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น ขณะที่อุตฯ อาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) คาดว่าทั้งปี63 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยได้รับอานิสงส์จากการสำรองสินค้าทั้งตลาดในประเทศ และส่งออก
นอกจากนี้ยังมีอุตฯ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน คาดว่าในปี 63 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากความต้องการใช้สินค้าประเภท ตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟ และกระติกน้ำร้อน เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความต้องการสำรองอาหารสดไว้ที่บ้าน ประกอบกับผู้ประกอบการ มีการลดราคาสินค้า ส่วนเครื่องซักผ้ามีการส่งออกไปตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้น ขณะที่อุตฯ หลัก เช่น ยานยนต์และยางล้อ ปิโตรเลียม เหล็กและเหล็กกล้า แนวโน้มจะเริ่มฟื้นตัว ตามปัจจัยการฟื้นตัวของการบริโภคและภาวะเศรษฐกิจโลก
ด้าน นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในยุควิถีใหม่ (New Normal)โดยควรให้ความสำคัญกับ 1.การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง, 2.ห่วงโซ่การผลิตที่ครบวงจร เพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติ, 3.สิ่งแวดล้อม ที่แนวโน้มกฎเกณฑ์หรือมาตรฐานโลกจะเข้มข้นขึ้น และ 4. แรงงาน จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรในอนาคตอีก 15-20 ปี ข้างหน้า ประเทศไทยกำลังเป็นประเทศที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย
นายวีระพงศ์ มาลัย ผอ.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SMEs เดือน ก.ย.63 ปรับเพิ่มขึ้นจาก ส.ค.63 ที่ระดับ 51.2 มาอยู่ที่ระดับ 52.9 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากลดลงเล็กน้อยในเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากมีมาตรการกระตุ้นศก.จากภาครัฐ ประกอบกับภาวะศก.ในประเทศกำลังฟื้นตัว จากการขยายตัวของกำลังซื้อในทุกภูมิภาค
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 57.9 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ที่ระดับ 56.9 แนวโน้มความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์เพิ่มขึ้น จากการขยายตัวของกำลังซื้อในปัจจุบัน และความคาดหวังในมาตรการกระตุ้นศก. จากภาครัฐเพิ่มเติม แม้จะยังมีความกังวลเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต และผลกระทบต่อการระบาดรอบใหม่ แต่ผลกระทบคาดว่าจะอยู่ในวงจำกัดและไม่รุนแรงเท่ากับช่วงวิกฤตก่อนหน้านี้
วานนี้ (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ผลการศึกษาของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ประมาณการขยายตัวของอุตสาหกรรมพบว่า อุตฯ อาหาร ยา และเภสัชภัณฑ์ มีแนวโน้มเป็นดาวเด่น ที่จะยังคงขยายตัวต่อเนื่องในปี 64 ซึ่งมาจากปัจจัยด้านความต้องการในการรักษาโรค และความกังวลจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้ ประเมินว่า ทั้งปี 63 อุตฯเภสัชภัณฑ์จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 17.5% เมื่อเทียบจากปีก่อน เช่นเดียวกันกับอุตฯ ถุงมือยาง ที่คาดว่าในปี 63 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 23.2% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากความต้องการใช้ทางการแพทย์ ที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น ขณะที่อุตฯ อาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) คาดว่าทั้งปี63 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยได้รับอานิสงส์จากการสำรองสินค้าทั้งตลาดในประเทศ และส่งออก
นอกจากนี้ยังมีอุตฯ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน คาดว่าในปี 63 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากความต้องการใช้สินค้าประเภท ตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟ และกระติกน้ำร้อน เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความต้องการสำรองอาหารสดไว้ที่บ้าน ประกอบกับผู้ประกอบการ มีการลดราคาสินค้า ส่วนเครื่องซักผ้ามีการส่งออกไปตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้น ขณะที่อุตฯ หลัก เช่น ยานยนต์และยางล้อ ปิโตรเลียม เหล็กและเหล็กกล้า แนวโน้มจะเริ่มฟื้นตัว ตามปัจจัยการฟื้นตัวของการบริโภคและภาวะเศรษฐกิจโลก
ด้าน นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในยุควิถีใหม่ (New Normal)โดยควรให้ความสำคัญกับ 1.การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง, 2.ห่วงโซ่การผลิตที่ครบวงจร เพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติ, 3.สิ่งแวดล้อม ที่แนวโน้มกฎเกณฑ์หรือมาตรฐานโลกจะเข้มข้นขึ้น และ 4. แรงงาน จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรในอนาคตอีก 15-20 ปี ข้างหน้า ประเทศไทยกำลังเป็นประเทศที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย
นายวีระพงศ์ มาลัย ผอ.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SMEs เดือน ก.ย.63 ปรับเพิ่มขึ้นจาก ส.ค.63 ที่ระดับ 51.2 มาอยู่ที่ระดับ 52.9 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากลดลงเล็กน้อยในเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากมีมาตรการกระตุ้นศก.จากภาครัฐ ประกอบกับภาวะศก.ในประเทศกำลังฟื้นตัว จากการขยายตัวของกำลังซื้อในทุกภูมิภาค
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 57.9 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ที่ระดับ 56.9 แนวโน้มความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์เพิ่มขึ้น จากการขยายตัวของกำลังซื้อในปัจจุบัน และความคาดหวังในมาตรการกระตุ้นศก. จากภาครัฐเพิ่มเติม แม้จะยังมีความกังวลเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต และผลกระทบต่อการระบาดรอบใหม่ แต่ผลกระทบคาดว่าจะอยู่ในวงจำกัดและไม่รุนแรงเท่ากับช่วงวิกฤตก่อนหน้านี้