ผู้จัดการรายวัน 360 - วัคซีนโควิด-19ใกล้จะมาแล้ว! ครม.ไฟเขียวงบกลางฯ 6,449 ล้าน ให้กระทรวงสาธารณสุขสั่งจองวัคซีนโควิด-19 จากแอสตร้าเซนเนก้าจำนวน 26 ล้านโดส พร้อมเตรียมเสนอมาตรการ "คนละครึ่ง" เข้าศบศ. วันนี้ (18 พ.ย.) ก่อนให้ครม.อนุมัติ
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบงบประมาณ 6,449 ล้านบาทเศษ จากงบกลางรายการสำรองจ่ายในกรณีฉุกเฉินและจำเป็นปี 2564 เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขไปทำสัญญาในการจองวัคซีนโควิด-19 กับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า(AstraZeneca) ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของอังกฤษที่กำลังทดลองวัคซีนโควิด-19 จำนวน 26 ล้านโดส
โดยงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติจะแบ่งการจ่ายเงินเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะจัดสรรกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติวงเงิน 2,379 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนของบริษัทโดยเงินส่วนนี้จะทำให้ประเทศไทยได้วัคซีนจำนวนมากในราคาถูกที่ประมาณ 5 ดอลลาร์ต่อโดส ขณะที่หากไม่จ่ายในส่วนนี้จะได้วัคซีนในราคาแพงขึ้นเมื่อวัคซีนสำเร็จโดยต้องจ่ายในราคาประมาณ 20 ดอลลาร์ต่อโดส
ส่วนเงินงบประมาณอีกส่วนหนึ่งครม.จะจัดสรรให้กับกรมควบคุมโรค วงเงิน 3,590 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าจองวัคซีน 1586.20 ล้านบาท และวงเงินในการบริหารจัดการวัคซีน 2,084 ล้านบาท โดยงบประมาณในส่วนนี้จะอนุมัติให้เบิกจ่ายได้ก็ต่อเมื่อวัคซีนของบริษัทนี้มีความสำเร็จในการคิดค้นแล้ว
"ที่ ครม.อนุมัติให้จ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพื่อจองวัคซีนของบริษัทนี้เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขมีเอ็มโอยูกับบริษัทนี้ นอกจากนั้นยังมีการ เตรียมความพร้อมที่จะผลิตวัคซีนในประเทศในส่วนของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ไว้แล้ว"
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุมครม. ได้หารือถึงมาตรการ "คนละครึ่ง" ซึ่งกระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) พิจารณามาตรการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ในวันนี้ (18 พ.ย.) ก่อนจะเสนอให้ ครม. อนุมัติต่อไป
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ประจำวัน ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสม 3,878 ราย
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบงบประมาณ 6,449 ล้านบาทเศษ จากงบกลางรายการสำรองจ่ายในกรณีฉุกเฉินและจำเป็นปี 2564 เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขไปทำสัญญาในการจองวัคซีนโควิด-19 กับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า(AstraZeneca) ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของอังกฤษที่กำลังทดลองวัคซีนโควิด-19 จำนวน 26 ล้านโดส
โดยงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติจะแบ่งการจ่ายเงินเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะจัดสรรกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติวงเงิน 2,379 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนของบริษัทโดยเงินส่วนนี้จะทำให้ประเทศไทยได้วัคซีนจำนวนมากในราคาถูกที่ประมาณ 5 ดอลลาร์ต่อโดส ขณะที่หากไม่จ่ายในส่วนนี้จะได้วัคซีนในราคาแพงขึ้นเมื่อวัคซีนสำเร็จโดยต้องจ่ายในราคาประมาณ 20 ดอลลาร์ต่อโดส
ส่วนเงินงบประมาณอีกส่วนหนึ่งครม.จะจัดสรรให้กับกรมควบคุมโรค วงเงิน 3,590 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าจองวัคซีน 1586.20 ล้านบาท และวงเงินในการบริหารจัดการวัคซีน 2,084 ล้านบาท โดยงบประมาณในส่วนนี้จะอนุมัติให้เบิกจ่ายได้ก็ต่อเมื่อวัคซีนของบริษัทนี้มีความสำเร็จในการคิดค้นแล้ว
"ที่ ครม.อนุมัติให้จ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพื่อจองวัคซีนของบริษัทนี้เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขมีเอ็มโอยูกับบริษัทนี้ นอกจากนั้นยังมีการ เตรียมความพร้อมที่จะผลิตวัคซีนในประเทศในส่วนของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ไว้แล้ว"
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุมครม. ได้หารือถึงมาตรการ "คนละครึ่ง" ซึ่งกระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) พิจารณามาตรการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ในวันนี้ (18 พ.ย.) ก่อนจะเสนอให้ ครม. อนุมัติต่อไป
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ประจำวัน ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสม 3,878 ราย
