“โฆษกกองทัพไทย” ระบุสั่งกักตัว-ตรวจเชื้อ 177 ทหารไทยเสี่ยงติดโควิด “ทหารเกาหลีใต้” แล้ว ทร.กักกลุ่มเสี่ยงสูง 51 นายที่อาคารรับรอง เสี่ยงต่ำให้กักตัวที่บ้าน “กรมควบคุมโรค” เผยพบผู้สัมผัสเพิ่ม 33 ราย ตรวจแล้ว 194 ราย ยังไม่พบเชื้อ
วานนี้ (12 พ.ย.) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งหมด ได้แก่ เยอรมนี 1 ราย, สวีเดน 1 ราย, อิหร่าน 1 ราย, เคนยา 1 ราย และสวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย โดยใน 5 ราย เป็นคนไทย 4 ราย และสัญชาติเยอรมัน 1 ราย ขณะนี้เข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศรวม 3,852 ราย ผู้ป่วยหายแล้ว 3,693 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย ขณะที่ทั่วโลกมียอดผู้ป่วยสะสมรวม 52,432,183 ราย
ส่วนกรณีผู้แทนจากกองทัพสาธารณรัฐเกาหลีที่เดินทางมาร่วมประชุมวางแผนขั้นสุดท้าย การฝึกร่วม/ผสม คอบร้าโกลด์ 2021 (Cobra Gold 2021) เมื่อระหว่างวันที่ 2-6 พ.ย.63 ณ โรงแรมสิรินพลา จังหวัดระยอง และตรวจพบเชื้อโควิด-19 ระหว่างการเดินทางกลับเข้าประเทศ ณ สนามบินอินชอน สาธารณรัฐเกาหลี นั้น พล.ท.เชาวลิตร สังฆฤทธิ์ โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า กำลังพลจากกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี ได้มีการตรวจคัดกรองโรคตามกระบวนการด้านสาธารณสุขของสาธารณรัฐเกาหลีและประเทศไทย ผลไม่พบเชื้อ และไม่มีอาการป่วยใดๆ ก่อนเข้าพักในสถานกักตัวทางเลือก (ASQ) ตามกำหนด 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค.-1 พ.ย.ระหว่างนั้นมีการตรวจหาสารพันธุกรรมฯ จำนวน 2 ครั้ง คือในวันที่ 22 และ 29 ต.ค.63 ก็ไม่พบเชื้อ เมื่อครบกำหนดกักตัวจึงได้เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจตามปกติ และเมื่อจบภารกิจได้เดินทางกลับเข้าสาธารณรัฐเกาหลีทันที
“หลังทราบเรื่อง กองบัญชาการกองทัพไทย ได้แจ้งให้หน่วยที่เข้าร่วมการประชุมการฝึกฯ ดำเนินการแจ้งกำลังพลที่เกี่ยวข้องทุกนาย เข้าสู่กระบวนการควบคุมโรคทันที โดยให้ดำเนินการตรวจพิสูจน์โรคและกักกันเป็นเวลา 14 วัน และดำเนินการตรวจโรคให้แก่กำลังพล จำนวน 177 นาย โดยใช้วิธีเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกและคอ (SWAB) ผลการตรวจไม่พบเชื้อ จำนวน 129 นาย และอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจ จำนวน 48 นาย” พล.ท.เชาวลิตร ระบุ
ด้าน พล.ร.ท.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ทันทีที่ทราบข่าว กองทัพเรือได้สั่งการให้หน่วยต่างๆ เพิ่มมาตรการป้องกัน และกำชับกำลังพลและครอบครัวให้เพิ่มการระมัดระวังและปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของ ศบค. และ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งเร่งตรวจสอบรายชื่อกำลังพลกองทัพเรือ ที่มีส่วนร่วมในการประชุมฯ และผู้ที่มีโอกาสใกล้ชิดกับผู้ตรวจพบเชื้อ พบว่ามีจำนวนรวมทั้งสิ้น 82 นาย จึงได้ประสานให้กำลังพลทั้งหมดเข้ารายงานตัว และทำการตรวจ SWAB ที่อาคารรับรองสัตหีบ เมื่อวันที่ 9 พ.ย.63 พร้อมทั้งให้เข้าพักสังเกตอาการ ณ อาคารรับรองสัตหีบ จำนวน 14 วัน ในทันที โดยมีกลุ่มผู้มีความเสี่ยงมาก 51 นายให้เข้าพักอาคารรับรอง กลุ่มนี้ทำการ SWAB ผลออกมาเป็นลบ ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำลงมา 29 นายให้ไปกักตัวที่บ้าน อีก 2 รายไม่เข้าข่าย
ขณะที่ น.พ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการสอบสวนโรคเพิ่มเติมในประเทศไทย พบผู้สัมผัสทหารเกาหลีใต้รายดังกล่าวเพิ่มอีก 33 ราย รวมเป็น 235 ราย แบ่งเป็นไทย 210 ราย ต่างชาติ 25 ราย ซึ่งการดำเนินการติดตามผู้สัมผัสภายในประเทศทั้ง 210 ราย ดังนี้ เก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อแล้ว 194 ราย ผลไม่พบเชื้อ 163 ราย รอผล 31 ราย และอยู่ระหว่างรอดำเนินการตรวจ 16 ราย ที่จะทำการตรวจภายในวันที่ 12 พ.ย. ส่วนชาวต่างชาติ 25 รายนั้น ได้มีการประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีและประเทศที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้เพื่อสอบสวนโรคเพิ่มเติมและติดตามผู้ที่เข้าร่วมประชุมในการตรวจหาเชื้อต่อไป
ส่วนกรณีชายชาวอินเดียติดเชื้อโควิด-19 และรักษาตัวอยู่ที่ จ.กระบี่ นั้น พ.ต.ท.ม.ล.กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าฯ กระบี่ เปิดเผยว่า ผู้ป่วยรายดังกล่าว กำลังรักษาตัวที่ รพ.กระบี่ อาการทั่วไปปกติ ไม่มีไข้ ไอเล็กน้อย สำหรับผู้ป่วยรายนี้พบเชื้อจากการตรวจสุขภาพ เพื่อขอใบอนุญาตทำงาน ผลการตรวจพบซากเชื้อไวรัสโควิด-19 ปริมาณน้อย และตรวจพบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งแปลผลได้ว่าเป็นการติดเชื้อมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว และมีโอกาสต่ำมากที่จะแพร่เชื้อให้ผู้อื่น
วานนี้ (12 พ.ย.) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งหมด ได้แก่ เยอรมนี 1 ราย, สวีเดน 1 ราย, อิหร่าน 1 ราย, เคนยา 1 ราย และสวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย โดยใน 5 ราย เป็นคนไทย 4 ราย และสัญชาติเยอรมัน 1 ราย ขณะนี้เข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศรวม 3,852 ราย ผู้ป่วยหายแล้ว 3,693 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย ขณะที่ทั่วโลกมียอดผู้ป่วยสะสมรวม 52,432,183 ราย
ส่วนกรณีผู้แทนจากกองทัพสาธารณรัฐเกาหลีที่เดินทางมาร่วมประชุมวางแผนขั้นสุดท้าย การฝึกร่วม/ผสม คอบร้าโกลด์ 2021 (Cobra Gold 2021) เมื่อระหว่างวันที่ 2-6 พ.ย.63 ณ โรงแรมสิรินพลา จังหวัดระยอง และตรวจพบเชื้อโควิด-19 ระหว่างการเดินทางกลับเข้าประเทศ ณ สนามบินอินชอน สาธารณรัฐเกาหลี นั้น พล.ท.เชาวลิตร สังฆฤทธิ์ โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า กำลังพลจากกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี ได้มีการตรวจคัดกรองโรคตามกระบวนการด้านสาธารณสุขของสาธารณรัฐเกาหลีและประเทศไทย ผลไม่พบเชื้อ และไม่มีอาการป่วยใดๆ ก่อนเข้าพักในสถานกักตัวทางเลือก (ASQ) ตามกำหนด 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค.-1 พ.ย.ระหว่างนั้นมีการตรวจหาสารพันธุกรรมฯ จำนวน 2 ครั้ง คือในวันที่ 22 และ 29 ต.ค.63 ก็ไม่พบเชื้อ เมื่อครบกำหนดกักตัวจึงได้เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจตามปกติ และเมื่อจบภารกิจได้เดินทางกลับเข้าสาธารณรัฐเกาหลีทันที
“หลังทราบเรื่อง กองบัญชาการกองทัพไทย ได้แจ้งให้หน่วยที่เข้าร่วมการประชุมการฝึกฯ ดำเนินการแจ้งกำลังพลที่เกี่ยวข้องทุกนาย เข้าสู่กระบวนการควบคุมโรคทันที โดยให้ดำเนินการตรวจพิสูจน์โรคและกักกันเป็นเวลา 14 วัน และดำเนินการตรวจโรคให้แก่กำลังพล จำนวน 177 นาย โดยใช้วิธีเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกและคอ (SWAB) ผลการตรวจไม่พบเชื้อ จำนวน 129 นาย และอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจ จำนวน 48 นาย” พล.ท.เชาวลิตร ระบุ
ด้าน พล.ร.ท.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ทันทีที่ทราบข่าว กองทัพเรือได้สั่งการให้หน่วยต่างๆ เพิ่มมาตรการป้องกัน และกำชับกำลังพลและครอบครัวให้เพิ่มการระมัดระวังและปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของ ศบค. และ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งเร่งตรวจสอบรายชื่อกำลังพลกองทัพเรือ ที่มีส่วนร่วมในการประชุมฯ และผู้ที่มีโอกาสใกล้ชิดกับผู้ตรวจพบเชื้อ พบว่ามีจำนวนรวมทั้งสิ้น 82 นาย จึงได้ประสานให้กำลังพลทั้งหมดเข้ารายงานตัว และทำการตรวจ SWAB ที่อาคารรับรองสัตหีบ เมื่อวันที่ 9 พ.ย.63 พร้อมทั้งให้เข้าพักสังเกตอาการ ณ อาคารรับรองสัตหีบ จำนวน 14 วัน ในทันที โดยมีกลุ่มผู้มีความเสี่ยงมาก 51 นายให้เข้าพักอาคารรับรอง กลุ่มนี้ทำการ SWAB ผลออกมาเป็นลบ ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำลงมา 29 นายให้ไปกักตัวที่บ้าน อีก 2 รายไม่เข้าข่าย
ขณะที่ น.พ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการสอบสวนโรคเพิ่มเติมในประเทศไทย พบผู้สัมผัสทหารเกาหลีใต้รายดังกล่าวเพิ่มอีก 33 ราย รวมเป็น 235 ราย แบ่งเป็นไทย 210 ราย ต่างชาติ 25 ราย ซึ่งการดำเนินการติดตามผู้สัมผัสภายในประเทศทั้ง 210 ราย ดังนี้ เก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อแล้ว 194 ราย ผลไม่พบเชื้อ 163 ราย รอผล 31 ราย และอยู่ระหว่างรอดำเนินการตรวจ 16 ราย ที่จะทำการตรวจภายในวันที่ 12 พ.ย. ส่วนชาวต่างชาติ 25 รายนั้น ได้มีการประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีและประเทศที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้เพื่อสอบสวนโรคเพิ่มเติมและติดตามผู้ที่เข้าร่วมประชุมในการตรวจหาเชื้อต่อไป
ส่วนกรณีชายชาวอินเดียติดเชื้อโควิด-19 และรักษาตัวอยู่ที่ จ.กระบี่ นั้น พ.ต.ท.ม.ล.กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าฯ กระบี่ เปิดเผยว่า ผู้ป่วยรายดังกล่าว กำลังรักษาตัวที่ รพ.กระบี่ อาการทั่วไปปกติ ไม่มีไข้ ไอเล็กน้อย สำหรับผู้ป่วยรายนี้พบเชื้อจากการตรวจสุขภาพ เพื่อขอใบอนุญาตทำงาน ผลการตรวจพบซากเชื้อไวรัสโควิด-19 ปริมาณน้อย และตรวจพบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งแปลผลได้ว่าเป็นการติดเชื้อมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว และมีโอกาสต่ำมากที่จะแพร่เชื้อให้ผู้อื่น