ผู้จัดการรายวัน 360 - กลุ่มผู้ปกป้องสถาบันฯ จาก จ.กระบี่ และ จ.นครศรีธรรมราช ใส่เสื้อเหลือง รวมตัวหน้าโรงแรมราวดี ถือป้ายโห่ไล่ "ธนาธร" ที่ลงพื้นที่เพื่อช่วยผู้สมัครนายก อบจ.นครศรีธรรมราช หาเสียง "ธนกร" ชี้เวรกรรมตามทัน ขณะที่ "ธนาธร" โพสต์แจงไม่อยู่ในรถที่ถูกล้อม ย้อนตกหลุมพรางเดิมๆ ที่สร้างฝันร้ายให้กลัว ไม่กล้าลืมตาหาอนาคตใหม่ ด้าน "พี่ศรี" ร้อง มส.-พศ.จับสึกเหล่าอลัชชีร่วมม็อบการเมือง "วิษณุ" ชี้ห่มเหลืองชู 3 นิ้วร่วมม็อบผิดโลกวัชชะ ปชช.ตำหนิติเตียน-ไม่ผิดวินัย
วานนี้ (11 พ.ย.) มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “นันท์สกร นพรัตน์วิมล”เผยภาพเหตุการณ์หน้าโรงแรมราวดี หมู่ 5 ต.ปากพูน อำเภอเมืองฯ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีกลุ่มผู้ปกป้องสถาบันฯ สวมเสื้อเหลืองจาก จ.กระบี่ และจ.นครศรีธรรมราช รวมตัวถือธงชาติไทย พระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ ๑๐ และธงในหลวง ภปร. มายืนรวมตัวกันแสดงความจงรักภักดีและปกป้องสถาบันฯ โดยได้ส่งเสียงขับไล่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่เดินทางลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อช่วยผู้สมัครนายก อบจ.นครศรีธรรมราช หาเสียง โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า “#คอนยิกทอน มาด้วยใจ ขาสั้น รองเท้าแตะ กับใจที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ การเมืองไม่เกี่ยว”
นอกจากนี้ เพจ “ป้าจอยฝอยข่าว”ได้แพร่ภาพสด ขณะที่กลุ่มคนเสื้อเหลืองได้มีการปราศรัยจุดยืน และขับไล่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โดยมีกำลังตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เฝ้ารักษาความสงบเรียบร้อยอยู่บริเวณโรงแรมราวดี โดยผู้โพสต์ระบุว่า “บรรยากาศหน้าโรงแรมราวดี กลุ่มคนปกป้องสถาบันฯ ในภาคใต้กว่า 100 คน ใส่เสื้อเหลืองรวมตัวปิดล้อมนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เดินทางมาช่วยผู้สมัครนายกอบจ.นครฯ หาเสียง”
"ธนกร" ชี้เวรกรรมตามทัน "ธนาธร"
นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟสบุ๊ก ระบุ “ผมได้เตือนกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฏรหลายครั้ง ขอให้หยุดจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ หยุดปฏิรูปสถาบันตามแนวคิดของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า วันนี้กรรมตามทันนายธนาธรแล้ว เพราะนายธนาธรลงพื้นที่ไปหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นถูกพี่น้องประชาชนหลายพื้นที่ซึ่งมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ออกมาชูป้ายขับไล่ เพราะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของพรรคพวกนายธนาธร ที่ย่ำยีหัวใจพี่น้องคนไทย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ในสนามการเลือกตั้งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันสามารถหาเสียงได้ทุกพื้นที่ เพราะประชาชนเข้าใจระบอบประชาธิปไตยดี เข้าใจการเลือกตั้งดี ไม่เคยมีใครมาขับไล่ใคร
ผมมองว่าปัญหาการเมืองควรแก้ด้วยการเมือง ไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวกับสถาบัน การชุมนุมของคณะราษฏรไม่ควรมีข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ต้น เพราะสถาบันอยู่เหนือการเมือง สร้างคุณูปการให้ประเทศตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ต้องปฏิรูปเพราะดีอยู่แล้ว แทนที่จะนำเสนอแนวทางการปฏิรูปประเทศ สร้างความเจริญให้กับประเทศ สร้างความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชน กลับมาเสนอในสิ่งที่ย่ำยีหัวใจพี่น้องคนไทย วันนี้คนไทยทั่วประเทศออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รัก ม็อบคณะราษฏรและเครือข่ายของนายธนาธรควรยุติเรื่องนี้ได้แล้ว
รัฐบาลพยายามประคับประคองเพื่อให้ประเทศเดินหน้า เราเป็นคนไทยด้วยกัน จะมาขัดแย้งกันทำไม ไม่อยากเห็นม็อบต้องมาปะทะกัน ใครทำผิดกฏหมายก็ต้องรับโทษ ที่สำคัญกฏแห่งกรรมตามมาทันแล้ว ใครคิดร้ายกับประเทศชาติมักมีจุดจบที่ไม่สวย หยุดเถอะคณะราษฏร หยุดเถอะธนาธรและพวก ที่ผ่านมาพวกคุณเคลื่อนไหวทางการเมืองจะขับไล่รัฐบาลหรือจะแก้รัฐธรรมนูญผมไม่เคยว่าอะไร แต่ผมทนไม่ได้จริงๆ กับการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมเชื่อว่าพี่น้องคนไทยก็คิดเหมือนผมและคงไม่ยอม ผมกราบขอบารมีพระสยามเทวาธิราชจงปกปักษ์รักษาประเทศชาติให้ผ่านวิกฤติในครั้งนี้ด้วยเทอญ”
"ธนาธร" โผล่คอมเม้นต์ไม่อยู่ในรถที่ถูกล้อมด้วย
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังถุกโห่ไล่ ที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยยกเอาป้ายข้อความที่กลุ่มปกป้องสถาบันฯ นำมาประท้วง อาทิ “ธนาธรล้มเจ้า อย่าไปเลือกมัน”,“ไสหัวไปอยู่ที่อื่นไป”,“ไอ้พวกหนักแผ่นดิน”,“พวกสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย”,“ไอ้คนเนรคุณแผ่นดิน”ฯลฯ
คนที่ชูป้ายไล่ล่าผม และคณะก้าวหน้าในตอนนี้ ลองถามตัวเองให้ดีว่า คุณกำลังตกหลุมพรางเดิมๆ อยู่หรือไม่? หลุมพรางที่ว่านั้นคืออะไร? ก็คือการสร้าง“ฝันร้าย”ขึ้นมา ให้พวกเรากลัว และไม่กล้าลืมตาตื่นขึ้นมามองหาอนาคตและความเป็นไปได้ใหม่ๆ
เรารู้ดีอยู่เต็มอกว่า ผู้บริหารท้องถิ่นจำนวนไม่น้อยมีพฤติกรรมกินหัวคิว เอื้อประโยชน์พวกพ้อง เรารู้ดีอยู่เต็มอกว่าการเมืองท้องถิ่น คือการเมืองมาเฟีย การเมืองบ้านใหญ่ การเมืองเรื่องการกอบโกยผลประโยชน์ โดยไม่สนใจประชาชนเลยว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เด็กจำนวนมากยังต้องฝากชีวิตไว้กับอาหารกลางวันที่ไม่มีคุณภาพของโรงเรียนไปแบบนี้อีกนานแค่ไหน เมื่อไหร่เราจะมีทางเท้าดีๆ ถนนไม่พัง เมื่อไหร่เราจะมีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีพอ เมื่อไหร่ท้องถิ่นเราจะมีงานที่มีคุณภาพ เมื่อไหร่เราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
แต่เรากลับยอมจมปลักอยู่กับความชั่วร้ายเหล่านี้ เพราะพวกเขาหลอกให้เราเชื่อว่า อนาคตข้างหน้าเป็นเรื่องน่ากลัว คนที่จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง ต้องเป็นพวกล้มเจ้า พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน
ในเมื่อไม่กล้าเปลี่ยน ก็เท่ากับเราต้องจำยอมอยู่กับความชั่วร้ายเดิมๆ
แล้วคุณลองคิดดูดีๆ ว่าใครยังได้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้อยู่? และเขาคือคนเดียวกับคนที่สร้าง “ฝันร้าย”มาหลอกหลอนพวกคุณหรือไม่?
สิ่งที่เป็นภัยต่อพวกเรามากที่สุดไม่ใช่สิ่งที่เราจะเจอเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา แต่คือ “ฝันร้าย”ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกหลอนเราไม่จบไม่สิ้น
"พี่ศรี"ร้องจับสึกเหล่าอลัชชีร่วมม็อบ
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องถึงมหาเถรสมาคม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้กำกับ ดูแล สำนักงานพระพุทธฯ เนื่องจากเห็นว่ามีพระภิกษุ-สามเณร ออกมาร่วมชุมนุมสาธารณะหรือประท้วงทางการเมือง และมีการนำมาเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย ทำให้เป็นที่ครหา ข้อตำหนิติเตียนของพุทธมามกะเป็นอย่างมาก จึงเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งเอาผิด ลงโทษ และหรือจับภิกษุ-สามเณรที่ทำตนเป็นอลัชชีเหล่านี้ให้สึกออกไปจากเพศบรรพชิตเสียให้หมด และจัดส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตามกฎหมาย เพื่อมิให้มากระทำตนแปดเปื้อนต่อบวรพุทธศาสนาต่อไป
"วิษณุ"ชี้พระร่วมม็อบผิดโลกวัชชะ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีพระสงฆ์ไปร่วมชุมนุมทางการเมือง ว่า เป็นเรื่องของมหาเถรสมาคม (มส.) ที่วางไว้อยู่แล้วว่าพระไม่เข้าไปปราศรัยในทางการเมือง ฉะนั้น หากมีอะไรผิดให้พระสังฆาธิการ คือ ผู้ปกครอง ผู้บังคับบัญชา เป็นผู้ตักเตือนหรือดูแลความรับผิดชอบ หากพบว่าผิดก็อาจจะให้สละสมณเพศได้ ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ที่ปฏิบัติมานานแล้ว และที่ผ่านมาก็นำไปใช้ในการเลือกตั้ง ซึ่งมาคราวนี้ ก็นำมาใช้เป็นหลักปฏิบัติเดียวกัน ตามข้อบังคับของ มส. มีอำนาจในฐานะผู้ปกครอง บังคับบัญชา เช่นเดียวกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ข้าราชการทั้งหลาย ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และปฏิบัติตามมติครม. ซึ่งมติครม.ไม่ใช่กฎหมาย แต่ก็ต้องปฏิบัติตาม ฉะนั้นพระสงฆ์ ก็มีลักษณะเดียวกันที่ต้องปฏิบัติตามมติมส.
เมื่อถามต่อว่า แต่ที่ผ่านมาในอดีตก็มีพระสงฆ์ สามเณร เคยเข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองมาแล้ว แต่ไม่ถูกลงโทษ นายวิษณุ กล่าวว่า หลังจากเคลื่อนไหวในอดีต จึงเป็นที่มาของมติ มส. ที่ใช้ในปัจจุบันนี้
เมื่อถามอีกว่าการที่พระชูสามนิ้วถือว่าผิดวินัยสงฆ์หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า จะบอกว่าผิดพระธรรมวินัยก็ไม่ใช่ หรือ จะบอกว่า ผิดมติ มส.ก็ไม่ใช่ และ มส.ก็ไม่เคยนึกเรื่องนี้ แต่อาจเป็นโลกวัชชะ ที่ประชาชนรู้สึกติเตียน ซึ่งไม่ได้ถือเป็นวินัยสงฆ์ เช่น กรณีที่นำเสนอภาพข่าวพระสะพายกระเป๋า แทนการสะพายย่าม ก็ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดวินัยสงฆ์ แต่เป็นโลกวัชชะ ซึ่งแปลว่า ชาวบ้านจะตำหนิติเตียน ดังนั้นไม่ควรจะทำ แต่ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย หรือวินัย
เมื่อถามถึงกรณีที่แกนนำราษฎร วิพากษ์วิจารณ์ การทำกิจกรรมทางศาสนาอิสลามในการ เชิดชูสถาบันของจุฬาราชมนตรี นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นสิทธิที่ชาวมุสลิมจะดำเนินกิจกรรม และไม่มีอะไรจะวิพากษ์วิจารณ์ ทางจุฬาราชมนตรีท่านได้อธิบายแล้วว่าเรื่องนี้ เกี่ยวกับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งกิจกรรมนั้นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น
แจ้งจับเสื้อเหลือง-ยุยงปฏิวัติ
วานนี้(11พ.ย.) นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความตัวแทนของภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ได้ไปที่ สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความกล่าวโทษ นายกฤตย์ เยี่ยมเมธากร เลขาธิการเครือข่ายประชาชนปกป้องสถาบันฯ จากกรณีแสดงออกต่อสาธารณะ เรียกร้องให้ทำรัฐประหาร และให้ใช้วิธีการพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาการชุมนุมทางการเมือง อันเป็นการกระทำที่มีเจตนาพิเศษ ที่มิใช่ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ โดยเป็นการกล่าวโทษ 4 ข้อหา ได้แก่
1. ก่อให้ผู้อื่นด้วยการยุยงส่งเสริมให้เป็นกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ประกอบ มาตรา 84
2. ยุยงทหารหรือตำรวจให้ละเลยไม่กระทำการตามหน้าที่ หรือให้ก่อการกำเริบ ตาม มาตรา 115
3. ทำให้ปรากฏต่อประชาชน ด้วยวาจา อันมิใช่ในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล มาตรา 116 (1)
4. ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3)
วานนี้ (11 พ.ย.) มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “นันท์สกร นพรัตน์วิมล”เผยภาพเหตุการณ์หน้าโรงแรมราวดี หมู่ 5 ต.ปากพูน อำเภอเมืองฯ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีกลุ่มผู้ปกป้องสถาบันฯ สวมเสื้อเหลืองจาก จ.กระบี่ และจ.นครศรีธรรมราช รวมตัวถือธงชาติไทย พระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ ๑๐ และธงในหลวง ภปร. มายืนรวมตัวกันแสดงความจงรักภักดีและปกป้องสถาบันฯ โดยได้ส่งเสียงขับไล่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่เดินทางลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อช่วยผู้สมัครนายก อบจ.นครศรีธรรมราช หาเสียง โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า “#คอนยิกทอน มาด้วยใจ ขาสั้น รองเท้าแตะ กับใจที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ การเมืองไม่เกี่ยว”
นอกจากนี้ เพจ “ป้าจอยฝอยข่าว”ได้แพร่ภาพสด ขณะที่กลุ่มคนเสื้อเหลืองได้มีการปราศรัยจุดยืน และขับไล่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โดยมีกำลังตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เฝ้ารักษาความสงบเรียบร้อยอยู่บริเวณโรงแรมราวดี โดยผู้โพสต์ระบุว่า “บรรยากาศหน้าโรงแรมราวดี กลุ่มคนปกป้องสถาบันฯ ในภาคใต้กว่า 100 คน ใส่เสื้อเหลืองรวมตัวปิดล้อมนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เดินทางมาช่วยผู้สมัครนายกอบจ.นครฯ หาเสียง”
"ธนกร" ชี้เวรกรรมตามทัน "ธนาธร"
นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟสบุ๊ก ระบุ “ผมได้เตือนกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฏรหลายครั้ง ขอให้หยุดจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ หยุดปฏิรูปสถาบันตามแนวคิดของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า วันนี้กรรมตามทันนายธนาธรแล้ว เพราะนายธนาธรลงพื้นที่ไปหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นถูกพี่น้องประชาชนหลายพื้นที่ซึ่งมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ออกมาชูป้ายขับไล่ เพราะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของพรรคพวกนายธนาธร ที่ย่ำยีหัวใจพี่น้องคนไทย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ในสนามการเลือกตั้งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันสามารถหาเสียงได้ทุกพื้นที่ เพราะประชาชนเข้าใจระบอบประชาธิปไตยดี เข้าใจการเลือกตั้งดี ไม่เคยมีใครมาขับไล่ใคร
ผมมองว่าปัญหาการเมืองควรแก้ด้วยการเมือง ไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวกับสถาบัน การชุมนุมของคณะราษฏรไม่ควรมีข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ต้น เพราะสถาบันอยู่เหนือการเมือง สร้างคุณูปการให้ประเทศตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ต้องปฏิรูปเพราะดีอยู่แล้ว แทนที่จะนำเสนอแนวทางการปฏิรูปประเทศ สร้างความเจริญให้กับประเทศ สร้างความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชน กลับมาเสนอในสิ่งที่ย่ำยีหัวใจพี่น้องคนไทย วันนี้คนไทยทั่วประเทศออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รัก ม็อบคณะราษฏรและเครือข่ายของนายธนาธรควรยุติเรื่องนี้ได้แล้ว
รัฐบาลพยายามประคับประคองเพื่อให้ประเทศเดินหน้า เราเป็นคนไทยด้วยกัน จะมาขัดแย้งกันทำไม ไม่อยากเห็นม็อบต้องมาปะทะกัน ใครทำผิดกฏหมายก็ต้องรับโทษ ที่สำคัญกฏแห่งกรรมตามมาทันแล้ว ใครคิดร้ายกับประเทศชาติมักมีจุดจบที่ไม่สวย หยุดเถอะคณะราษฏร หยุดเถอะธนาธรและพวก ที่ผ่านมาพวกคุณเคลื่อนไหวทางการเมืองจะขับไล่รัฐบาลหรือจะแก้รัฐธรรมนูญผมไม่เคยว่าอะไร แต่ผมทนไม่ได้จริงๆ กับการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมเชื่อว่าพี่น้องคนไทยก็คิดเหมือนผมและคงไม่ยอม ผมกราบขอบารมีพระสยามเทวาธิราชจงปกปักษ์รักษาประเทศชาติให้ผ่านวิกฤติในครั้งนี้ด้วยเทอญ”
"ธนาธร" โผล่คอมเม้นต์ไม่อยู่ในรถที่ถูกล้อมด้วย
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังถุกโห่ไล่ ที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยยกเอาป้ายข้อความที่กลุ่มปกป้องสถาบันฯ นำมาประท้วง อาทิ “ธนาธรล้มเจ้า อย่าไปเลือกมัน”,“ไสหัวไปอยู่ที่อื่นไป”,“ไอ้พวกหนักแผ่นดิน”,“พวกสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย”,“ไอ้คนเนรคุณแผ่นดิน”ฯลฯ
คนที่ชูป้ายไล่ล่าผม และคณะก้าวหน้าในตอนนี้ ลองถามตัวเองให้ดีว่า คุณกำลังตกหลุมพรางเดิมๆ อยู่หรือไม่? หลุมพรางที่ว่านั้นคืออะไร? ก็คือการสร้าง“ฝันร้าย”ขึ้นมา ให้พวกเรากลัว และไม่กล้าลืมตาตื่นขึ้นมามองหาอนาคตและความเป็นไปได้ใหม่ๆ
เรารู้ดีอยู่เต็มอกว่า ผู้บริหารท้องถิ่นจำนวนไม่น้อยมีพฤติกรรมกินหัวคิว เอื้อประโยชน์พวกพ้อง เรารู้ดีอยู่เต็มอกว่าการเมืองท้องถิ่น คือการเมืองมาเฟีย การเมืองบ้านใหญ่ การเมืองเรื่องการกอบโกยผลประโยชน์ โดยไม่สนใจประชาชนเลยว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เด็กจำนวนมากยังต้องฝากชีวิตไว้กับอาหารกลางวันที่ไม่มีคุณภาพของโรงเรียนไปแบบนี้อีกนานแค่ไหน เมื่อไหร่เราจะมีทางเท้าดีๆ ถนนไม่พัง เมื่อไหร่เราจะมีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีพอ เมื่อไหร่ท้องถิ่นเราจะมีงานที่มีคุณภาพ เมื่อไหร่เราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
แต่เรากลับยอมจมปลักอยู่กับความชั่วร้ายเหล่านี้ เพราะพวกเขาหลอกให้เราเชื่อว่า อนาคตข้างหน้าเป็นเรื่องน่ากลัว คนที่จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง ต้องเป็นพวกล้มเจ้า พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน
ในเมื่อไม่กล้าเปลี่ยน ก็เท่ากับเราต้องจำยอมอยู่กับความชั่วร้ายเดิมๆ
แล้วคุณลองคิดดูดีๆ ว่าใครยังได้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้อยู่? และเขาคือคนเดียวกับคนที่สร้าง “ฝันร้าย”มาหลอกหลอนพวกคุณหรือไม่?
สิ่งที่เป็นภัยต่อพวกเรามากที่สุดไม่ใช่สิ่งที่เราจะเจอเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา แต่คือ “ฝันร้าย”ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกหลอนเราไม่จบไม่สิ้น
"พี่ศรี"ร้องจับสึกเหล่าอลัชชีร่วมม็อบ
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องถึงมหาเถรสมาคม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้กำกับ ดูแล สำนักงานพระพุทธฯ เนื่องจากเห็นว่ามีพระภิกษุ-สามเณร ออกมาร่วมชุมนุมสาธารณะหรือประท้วงทางการเมือง และมีการนำมาเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย ทำให้เป็นที่ครหา ข้อตำหนิติเตียนของพุทธมามกะเป็นอย่างมาก จึงเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งเอาผิด ลงโทษ และหรือจับภิกษุ-สามเณรที่ทำตนเป็นอลัชชีเหล่านี้ให้สึกออกไปจากเพศบรรพชิตเสียให้หมด และจัดส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตามกฎหมาย เพื่อมิให้มากระทำตนแปดเปื้อนต่อบวรพุทธศาสนาต่อไป
"วิษณุ"ชี้พระร่วมม็อบผิดโลกวัชชะ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีพระสงฆ์ไปร่วมชุมนุมทางการเมือง ว่า เป็นเรื่องของมหาเถรสมาคม (มส.) ที่วางไว้อยู่แล้วว่าพระไม่เข้าไปปราศรัยในทางการเมือง ฉะนั้น หากมีอะไรผิดให้พระสังฆาธิการ คือ ผู้ปกครอง ผู้บังคับบัญชา เป็นผู้ตักเตือนหรือดูแลความรับผิดชอบ หากพบว่าผิดก็อาจจะให้สละสมณเพศได้ ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ที่ปฏิบัติมานานแล้ว และที่ผ่านมาก็นำไปใช้ในการเลือกตั้ง ซึ่งมาคราวนี้ ก็นำมาใช้เป็นหลักปฏิบัติเดียวกัน ตามข้อบังคับของ มส. มีอำนาจในฐานะผู้ปกครอง บังคับบัญชา เช่นเดียวกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ข้าราชการทั้งหลาย ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และปฏิบัติตามมติครม. ซึ่งมติครม.ไม่ใช่กฎหมาย แต่ก็ต้องปฏิบัติตาม ฉะนั้นพระสงฆ์ ก็มีลักษณะเดียวกันที่ต้องปฏิบัติตามมติมส.
เมื่อถามต่อว่า แต่ที่ผ่านมาในอดีตก็มีพระสงฆ์ สามเณร เคยเข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองมาแล้ว แต่ไม่ถูกลงโทษ นายวิษณุ กล่าวว่า หลังจากเคลื่อนไหวในอดีต จึงเป็นที่มาของมติ มส. ที่ใช้ในปัจจุบันนี้
เมื่อถามอีกว่าการที่พระชูสามนิ้วถือว่าผิดวินัยสงฆ์หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า จะบอกว่าผิดพระธรรมวินัยก็ไม่ใช่ หรือ จะบอกว่า ผิดมติ มส.ก็ไม่ใช่ และ มส.ก็ไม่เคยนึกเรื่องนี้ แต่อาจเป็นโลกวัชชะ ที่ประชาชนรู้สึกติเตียน ซึ่งไม่ได้ถือเป็นวินัยสงฆ์ เช่น กรณีที่นำเสนอภาพข่าวพระสะพายกระเป๋า แทนการสะพายย่าม ก็ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดวินัยสงฆ์ แต่เป็นโลกวัชชะ ซึ่งแปลว่า ชาวบ้านจะตำหนิติเตียน ดังนั้นไม่ควรจะทำ แต่ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย หรือวินัย
เมื่อถามถึงกรณีที่แกนนำราษฎร วิพากษ์วิจารณ์ การทำกิจกรรมทางศาสนาอิสลามในการ เชิดชูสถาบันของจุฬาราชมนตรี นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นสิทธิที่ชาวมุสลิมจะดำเนินกิจกรรม และไม่มีอะไรจะวิพากษ์วิจารณ์ ทางจุฬาราชมนตรีท่านได้อธิบายแล้วว่าเรื่องนี้ เกี่ยวกับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งกิจกรรมนั้นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น
แจ้งจับเสื้อเหลือง-ยุยงปฏิวัติ
วานนี้(11พ.ย.) นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความตัวแทนของภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ได้ไปที่ สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความกล่าวโทษ นายกฤตย์ เยี่ยมเมธากร เลขาธิการเครือข่ายประชาชนปกป้องสถาบันฯ จากกรณีแสดงออกต่อสาธารณะ เรียกร้องให้ทำรัฐประหาร และให้ใช้วิธีการพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาการชุมนุมทางการเมือง อันเป็นการกระทำที่มีเจตนาพิเศษ ที่มิใช่ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ โดยเป็นการกล่าวโทษ 4 ข้อหา ได้แก่
1. ก่อให้ผู้อื่นด้วยการยุยงส่งเสริมให้เป็นกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ประกอบ มาตรา 84
2. ยุยงทหารหรือตำรวจให้ละเลยไม่กระทำการตามหน้าที่ หรือให้ก่อการกำเริบ ตาม มาตรา 115
3. ทำให้ปรากฏต่อประชาชน ด้วยวาจา อันมิใช่ในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล มาตรา 116 (1)
4. ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3)