"สันธนะ" พา "เสี่ยโป้-เสี่ยบุ๊ก" ลงบันทึกฯที่ สน.ภาษีเจริญ แสดงความบริสุทธิ์ใจ ยันไม่ได้ยิงใคร ถูก ตร.แจ้งจับตามหมาย ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า ก่อนนำตัวไปฝากขัง-ได้ประกัน “แม่เสี่ยโป้” ยันลูกไม่ได้เหนี่ยวไกอย่างที่ถูกกล่าวหา
เมื่อเวลา 03.00 น. (29 ต.ค.) ที่ สน.ภาษีเจริญ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.ตำรวจสันติบาล พา นายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือ "เสี่ยโป้" และ นายเขมทัต ชัชอานนท์ หรือ "เสี่ยบุ๊ก" น้องชาย เข้าพบ ร.ต.อ.สมเกียรติ กิจประภานันท์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ภาษีเจริญ เพื่อลงบันทึกประจำวัน แสดงความบริสุทธิ์ใจกรณีถูกสังคมกล่าวหาเป็นมือปืนยิงคู่กรณี ที่หน้าร้านนวดแผนโบราณ สรี เซาว์น่าแอนด์สปา ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ จากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกัน เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา
นายอภิรักษ์ กล่าวยืนยันว่า วันเกิดเหตุไปใช้บริการซาวน่าในร้านดังกล่าวตามปกติ โดยอยู่กับพรรคพวกอีก3 คน ขณะที่นายเขมทัต น้องชายตน ซึ่งมีเรื่องกับ นายตั้ง และนายตั๊ว อยู่แล้ว ได้นัดหมายไปเจรจากัน ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งริมถนนราชพฤกษ์ เข้าใจว่าตกลงกันไม่ได้ จึงพาเพื่อนๆอีกราว 10 คน มาหาตนที่ร้านซาวน่า จังหวะนั้นตนก็ยืนอยู่ด้านบนร้านดังภาพที่ปรากฏ ขณะที่ทางกลุ่มคู่กรณียกพวกเข้ามาราวๆ 20 คน จนตนเห็นว่าทางคู่กรณีมีการชักอาวุธปืนเล็งมาที่ตน ตนก็รีบหลบ และมีเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่องกันกว่า 60 นัด ซึ่งตนได้หลบ และวิ่งหนีตายออกจากจุดที่ยืนอยู่ตั้งแต่นัดแรกแล้ว และตนก็ไม่มีอาวุธปืนติดตัว ตอนนั้นหากถามว่าใครยิงใคร ตนบอกได้เลยว่าไม่รู้ เพราะคนเยอะไปหมด
"ผมไม่ได้ยิงใคร ไม่ได้หลบหนีไปต่างประเทศ ไม่ได้มีความผิดอะไร พอเรื่องผ่านมา 1-2 วัน ผมเห็นว่าข้อเท็จจริงมันไม่ใช่ จึงปรึกษาคุณสันธนะ ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ให้พามาลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ" นายอภิรักษ์ กล่าว
ขณะที่ นายเขมทัต น้องชาย กล่าวว่า เหตุต้นของเรื่อง เกิดจากตนมีกรณีพิพาทกับ กลุ่มของนายตั๊ว พรานนก และ นายตั้ง พรานนก ก่อนนัดหมายให้ตนไปเจอเพื่อเจรจาที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ริมถนนราชพฤกษ์ แต่พอตนเดินทางไป ถึงพบว่ามีชายฉกรรจ์ขับรถจักรยานยนต์ 7-8 คันมาวน ตนเห็นท่าไม่ดีจึงพาเพื่อนๆ ล่าถอยกลับไปหาพี่ชายที่ซาวน่า กระทั่งเกิดเหตุการณ์ขึ้นดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังลงบันทึกประจำวันแล้ว ระหว่างที่ นายสันธนะ กำลังจะพานายอภิรักษ์ และ นายเขมทัต กลับที่พัก ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 544/2563 ลงวันที่ 28 ต.ค. 63 ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน มาแสดงให้นายอภิรักษ์ ดู ทำให้นายอภิรักษ์ ยอมให้ตำรวจควบคุมตัว ขึ้นไปสอบสวนที่ห้องปฏิบัติการฝ่ายสืบสวน โดยชุดจับกุมได้ประสานทางกองพิสูจน์หลักฐาน ให้เดินทางมาเพื่อตรวจเขม่าดินปืนด้วย ต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.9 นำกำลังพร้อมหมายค้น ศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 538/2563 เข้าตรวจค้น อาคารพาณิชย์เลขที่ 60/23-27 ถ.เพชรเกษม 44 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. ซึ่งเป็นที่อยู่ตามภูมิลำเนาของนายอภิรักษ์ แต่เบื้องต้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย
ต่อมาเวลา 12.15 น. นางบานเย็น ชาญนรา แม่ของนายอภิรักษ์ พาพยาน 5 ราย ที่อยู่ในเหตุการณ์มาให้การกับตำรวจเพิ่มเติมเพื่อเตรียมแจ้งความกลับฝั่งคู่กรณี และเปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุก็อยู่ในเหตุการณ์ และไปห้ามลูกชายไม่ให้ชกต่อยกัน ให้แยกย้ายกัน ไปทำมาหากินดีกว่า หลังจากออกมาไม่นาน ก็ได้ยินเสียงปืน ฝั่งนั้นมีปืนหลายชนิด ที่สำคัญมีอาวุธปืนลูกซอง ก็ทราบจากลูกชาย ว่ามีเรื่องกันมา 2 วัน ก่อนจะนัดต่อยตัวต่อตัว ใครแพ้หรือชนะ ก็ให้จบแล้วแยกย้ายกันไป
เมื่อเวลา 13.00 น. พนักงานสอบสวน สน.ภาษีเจริญ คุมตัว นายอภิรักษ์ ไปฝากขังศาลอาญาธนบุรี โดยคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีอาญาร้ายแรง แต่ทางญาติผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว เมื่อศาลพิจารณาหลักทรัพย์พร้อมคำร้อง จึงมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนายอภิรักษ์ ระหว่างสอบสวน โดยตีราคาประกัน 3.5 แสนบาท
วันเดียวกัน นายเคน นานากะ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีพยายามฆ่า และ พ.ร.บ.ปืน 4 ข้อหา ร่วมกับนายอภิรักษ์ ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ สน.ภาษีเจริญ โดยมี นายสันธนะ และนายอภิรักษ์ เป็นผู้นำมามอบตัว เมื่อมาถึงโรงพักไม่พบพนักงานสอบสวน จึงไม่สามารถดำเนินการจับกุมได้ นายเคนจึงตัดสินใจลงบันทึกประจำวันและกลับบ้านทันที โดยระบุว่า จะมาอีกครั้งเมื่อทางตำรวจสะดวก ซึ่งนายเคนยอมรับว่าอยู่ในเหตุการณ์จริง แต่ยืนยันว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์
อีกด้าน กลุ่มคู่กรณีของนายอภิรักษ์และน้องชาย ได้ไปออกรายการโหนกระแส ทางช่อง 3HD โดยมี นายกรรชัย หรือหนุ่ม กำเนิดพลอย เป็นพิธีกร ช่วงหนึ่งทางกลุ่มคู่กรณีปฏิเสธว่า เป็นเรียกเงิน 10 ล้านบาทจากนายอภิรักษ์เพื่อให้จบคดี แต่ได้โทรไปต่อว่านายอภิรักษ์ที่ยิงน้องชายของตนจนบาดเจ็บ พร้อมยืนยันด้วยว่า จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ต้องให้นายอภิรักษ์ติดคุกเท่านั้น โดยมีพยานคนหนึ่งสำคัญมาก ตอนนี้เขากลัวตัวสั่นร้องไห้ รวมทั้งสามารถตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดได้ เชื่อว่าความยุติธรรมมีอยู่จริง
เมื่อเวลา 03.00 น. (29 ต.ค.) ที่ สน.ภาษีเจริญ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.ตำรวจสันติบาล พา นายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือ "เสี่ยโป้" และ นายเขมทัต ชัชอานนท์ หรือ "เสี่ยบุ๊ก" น้องชาย เข้าพบ ร.ต.อ.สมเกียรติ กิจประภานันท์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ภาษีเจริญ เพื่อลงบันทึกประจำวัน แสดงความบริสุทธิ์ใจกรณีถูกสังคมกล่าวหาเป็นมือปืนยิงคู่กรณี ที่หน้าร้านนวดแผนโบราณ สรี เซาว์น่าแอนด์สปา ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ จากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกัน เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา
นายอภิรักษ์ กล่าวยืนยันว่า วันเกิดเหตุไปใช้บริการซาวน่าในร้านดังกล่าวตามปกติ โดยอยู่กับพรรคพวกอีก3 คน ขณะที่นายเขมทัต น้องชายตน ซึ่งมีเรื่องกับ นายตั้ง และนายตั๊ว อยู่แล้ว ได้นัดหมายไปเจรจากัน ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งริมถนนราชพฤกษ์ เข้าใจว่าตกลงกันไม่ได้ จึงพาเพื่อนๆอีกราว 10 คน มาหาตนที่ร้านซาวน่า จังหวะนั้นตนก็ยืนอยู่ด้านบนร้านดังภาพที่ปรากฏ ขณะที่ทางกลุ่มคู่กรณียกพวกเข้ามาราวๆ 20 คน จนตนเห็นว่าทางคู่กรณีมีการชักอาวุธปืนเล็งมาที่ตน ตนก็รีบหลบ และมีเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่องกันกว่า 60 นัด ซึ่งตนได้หลบ และวิ่งหนีตายออกจากจุดที่ยืนอยู่ตั้งแต่นัดแรกแล้ว และตนก็ไม่มีอาวุธปืนติดตัว ตอนนั้นหากถามว่าใครยิงใคร ตนบอกได้เลยว่าไม่รู้ เพราะคนเยอะไปหมด
"ผมไม่ได้ยิงใคร ไม่ได้หลบหนีไปต่างประเทศ ไม่ได้มีความผิดอะไร พอเรื่องผ่านมา 1-2 วัน ผมเห็นว่าข้อเท็จจริงมันไม่ใช่ จึงปรึกษาคุณสันธนะ ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ให้พามาลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ" นายอภิรักษ์ กล่าว
ขณะที่ นายเขมทัต น้องชาย กล่าวว่า เหตุต้นของเรื่อง เกิดจากตนมีกรณีพิพาทกับ กลุ่มของนายตั๊ว พรานนก และ นายตั้ง พรานนก ก่อนนัดหมายให้ตนไปเจอเพื่อเจรจาที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ริมถนนราชพฤกษ์ แต่พอตนเดินทางไป ถึงพบว่ามีชายฉกรรจ์ขับรถจักรยานยนต์ 7-8 คันมาวน ตนเห็นท่าไม่ดีจึงพาเพื่อนๆ ล่าถอยกลับไปหาพี่ชายที่ซาวน่า กระทั่งเกิดเหตุการณ์ขึ้นดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังลงบันทึกประจำวันแล้ว ระหว่างที่ นายสันธนะ กำลังจะพานายอภิรักษ์ และ นายเขมทัต กลับที่พัก ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 544/2563 ลงวันที่ 28 ต.ค. 63 ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน มาแสดงให้นายอภิรักษ์ ดู ทำให้นายอภิรักษ์ ยอมให้ตำรวจควบคุมตัว ขึ้นไปสอบสวนที่ห้องปฏิบัติการฝ่ายสืบสวน โดยชุดจับกุมได้ประสานทางกองพิสูจน์หลักฐาน ให้เดินทางมาเพื่อตรวจเขม่าดินปืนด้วย ต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.9 นำกำลังพร้อมหมายค้น ศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 538/2563 เข้าตรวจค้น อาคารพาณิชย์เลขที่ 60/23-27 ถ.เพชรเกษม 44 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. ซึ่งเป็นที่อยู่ตามภูมิลำเนาของนายอภิรักษ์ แต่เบื้องต้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย
ต่อมาเวลา 12.15 น. นางบานเย็น ชาญนรา แม่ของนายอภิรักษ์ พาพยาน 5 ราย ที่อยู่ในเหตุการณ์มาให้การกับตำรวจเพิ่มเติมเพื่อเตรียมแจ้งความกลับฝั่งคู่กรณี และเปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุก็อยู่ในเหตุการณ์ และไปห้ามลูกชายไม่ให้ชกต่อยกัน ให้แยกย้ายกัน ไปทำมาหากินดีกว่า หลังจากออกมาไม่นาน ก็ได้ยินเสียงปืน ฝั่งนั้นมีปืนหลายชนิด ที่สำคัญมีอาวุธปืนลูกซอง ก็ทราบจากลูกชาย ว่ามีเรื่องกันมา 2 วัน ก่อนจะนัดต่อยตัวต่อตัว ใครแพ้หรือชนะ ก็ให้จบแล้วแยกย้ายกันไป
เมื่อเวลา 13.00 น. พนักงานสอบสวน สน.ภาษีเจริญ คุมตัว นายอภิรักษ์ ไปฝากขังศาลอาญาธนบุรี โดยคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีอาญาร้ายแรง แต่ทางญาติผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว เมื่อศาลพิจารณาหลักทรัพย์พร้อมคำร้อง จึงมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนายอภิรักษ์ ระหว่างสอบสวน โดยตีราคาประกัน 3.5 แสนบาท
วันเดียวกัน นายเคน นานากะ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีพยายามฆ่า และ พ.ร.บ.ปืน 4 ข้อหา ร่วมกับนายอภิรักษ์ ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ สน.ภาษีเจริญ โดยมี นายสันธนะ และนายอภิรักษ์ เป็นผู้นำมามอบตัว เมื่อมาถึงโรงพักไม่พบพนักงานสอบสวน จึงไม่สามารถดำเนินการจับกุมได้ นายเคนจึงตัดสินใจลงบันทึกประจำวันและกลับบ้านทันที โดยระบุว่า จะมาอีกครั้งเมื่อทางตำรวจสะดวก ซึ่งนายเคนยอมรับว่าอยู่ในเหตุการณ์จริง แต่ยืนยันว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์
อีกด้าน กลุ่มคู่กรณีของนายอภิรักษ์และน้องชาย ได้ไปออกรายการโหนกระแส ทางช่อง 3HD โดยมี นายกรรชัย หรือหนุ่ม กำเนิดพลอย เป็นพิธีกร ช่วงหนึ่งทางกลุ่มคู่กรณีปฏิเสธว่า เป็นเรียกเงิน 10 ล้านบาทจากนายอภิรักษ์เพื่อให้จบคดี แต่ได้โทรไปต่อว่านายอภิรักษ์ที่ยิงน้องชายของตนจนบาดเจ็บ พร้อมยืนยันด้วยว่า จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ต้องให้นายอภิรักษ์ติดคุกเท่านั้น โดยมีพยานคนหนึ่งสำคัญมาก ตอนนี้เขากลัวตัวสั่นร้องไห้ รวมทั้งสามารถตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดได้ เชื่อว่าความยุติธรรมมีอยู่จริง