ศบค.เผยพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 4 คน เดินทางมาจากญี่ปุ่น-คูเวต-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมสะสม 3,763 ราย “อนุทิน” ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อฯ เคาะลดเวลากักตัวโควิด-19 จาก 14 วัน เหลือ 10 วัน เตรียมเสนอ ศบค.เห็นชอบ รองรับเปิดประเทศ
วานนี้ (29 ต.ค.) ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศประจำวันระบุว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 4 คน เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งหมด ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น 1 ราย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย และคูเวต 2 ราย และเข้าพักในสถานที่กักกันของรัฐ (State Quarantine)
ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,763 คน เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,451 คน และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 815 คน จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,570 คน ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 134 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 59 คน
วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 8/2563 ว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พบในขณะนี้ส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างประเทศ แม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อภายในประเทศบ้าง ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่จากประสบการณ์การทำงานตั้งแต่ต้นปี ทำให้เราสามารถควบคุมโรคได้ดี ตั้งแต่การตรวจคัดกรองอย่างละเอียด ทำให้ค้นพบเร็ว ควบคุมโรคได้ดี ทีมงานสาธารณสุขมีความเข้มแข็ง ค้นหาเชิงรุกและตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่อย่างครอบคลุม สามารถป้องกันควบคุมไม่ให้มีการระบาดในวงกว้าง ภาพรวมในเวลานี้ ประเทศไทยมีศักยภาพในการต่อสู้โควิด-19 ทั้งทรัพยากร เวชภัณฑ์ แล็บ ยา แพทย์พยาบาล ที่สำคัญไม่มีผู้ป่วยหนักในไอซียู และอัตราการเสียชีวิตต่ำมากน้อยกว่าร้อยละ 2 ทำให้ประชาชนมั่นใจได้
“โจทย์สำคัญในวันนี้ คือ การสร้างสมดุลระหว่างสุขภาพกับเศรษฐกิจบนพื้นฐานความปลอดภัยประชาชน ช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งไทยยังต้องพึ่งพาต่างชาติ การเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติให้สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว หรือการค้าการลงทุน จะช่วยให้เศรษฐกิจของเรากลับมาเดินหน้าอีกครั้ง เรื่องเศรษฐกิจสุขภาพเป็นนโยบายสำคัญทีจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยยังคงความปลอดภัยให้กับประชาชนและสังคมด้วย” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า คณะกรรมการได้มีมติเห็นชอบ ร่างนโยบายการกักกันโรคในประเทศ (National Quarantine Policy) รองรับการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในระยะยาว ประกอบด้วย 3 หลักการ คือ 1. จัดให้มีระบบการกักกันโรค และสถานที่กักกันผู้สัมผัสโรคหรือพาหะ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน เหมาะสมกับบริบทของการปฏิบัติงานและกลุ่มเป้าหมาย และเพียงพอทุกพื้นที่, 2. พัฒนากลไกการบริหารจัดการระบบการกักกันโรคและสถานที่กักกันโรคให้เป็นเอกภาพ ทั้งในระดับชาติ และระดับจังหวัด ที่สามารถทำงานเชื่อมโยงกันได้ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร และ 3. เร่งพัฒนาระบบการบริหารจัดการข้อมูลแบบบูรณาการ เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้กำหนดระบบการจัดการในสถานที่กักกันโรค 10 ข้อ อาทิ การจัดการสถานที่พัก พื้นที่ส่วนกลางและสถานที่เฉพาะ, มีผู้รับผิดชอบทุกขั้นตอนครบตามจำนวนวันที่กำหนด และการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงาน ทั้งในระดับชาติและพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น
“นอกจากนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เห็นด้วยกับหลักการ เรื่องการลดเวลาการกักตัวจาก 14 วัน เหลือ 10 วัน และให้ข้อเสนอแนะให้เน้นเรื่องความปลอดภัย การติดตามตัวได้ มีอาการป่วยหรือไม่ เข้มข้นการปฏิบัติตัวแบบ New normal โดยจะเสนอ ศบค. พิจารณาต่อไป” นายอนุทิน ระบุ
วานนี้ (29 ต.ค.) ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศประจำวันระบุว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 4 คน เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งหมด ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น 1 ราย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย และคูเวต 2 ราย และเข้าพักในสถานที่กักกันของรัฐ (State Quarantine)
ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,763 คน เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,451 คน และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 815 คน จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,570 คน ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 134 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 59 คน
วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 8/2563 ว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พบในขณะนี้ส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างประเทศ แม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อภายในประเทศบ้าง ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่จากประสบการณ์การทำงานตั้งแต่ต้นปี ทำให้เราสามารถควบคุมโรคได้ดี ตั้งแต่การตรวจคัดกรองอย่างละเอียด ทำให้ค้นพบเร็ว ควบคุมโรคได้ดี ทีมงานสาธารณสุขมีความเข้มแข็ง ค้นหาเชิงรุกและตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่อย่างครอบคลุม สามารถป้องกันควบคุมไม่ให้มีการระบาดในวงกว้าง ภาพรวมในเวลานี้ ประเทศไทยมีศักยภาพในการต่อสู้โควิด-19 ทั้งทรัพยากร เวชภัณฑ์ แล็บ ยา แพทย์พยาบาล ที่สำคัญไม่มีผู้ป่วยหนักในไอซียู และอัตราการเสียชีวิตต่ำมากน้อยกว่าร้อยละ 2 ทำให้ประชาชนมั่นใจได้
“โจทย์สำคัญในวันนี้ คือ การสร้างสมดุลระหว่างสุขภาพกับเศรษฐกิจบนพื้นฐานความปลอดภัยประชาชน ช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งไทยยังต้องพึ่งพาต่างชาติ การเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติให้สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว หรือการค้าการลงทุน จะช่วยให้เศรษฐกิจของเรากลับมาเดินหน้าอีกครั้ง เรื่องเศรษฐกิจสุขภาพเป็นนโยบายสำคัญทีจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยยังคงความปลอดภัยให้กับประชาชนและสังคมด้วย” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า คณะกรรมการได้มีมติเห็นชอบ ร่างนโยบายการกักกันโรคในประเทศ (National Quarantine Policy) รองรับการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในระยะยาว ประกอบด้วย 3 หลักการ คือ 1. จัดให้มีระบบการกักกันโรค และสถานที่กักกันผู้สัมผัสโรคหรือพาหะ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน เหมาะสมกับบริบทของการปฏิบัติงานและกลุ่มเป้าหมาย และเพียงพอทุกพื้นที่, 2. พัฒนากลไกการบริหารจัดการระบบการกักกันโรคและสถานที่กักกันโรคให้เป็นเอกภาพ ทั้งในระดับชาติ และระดับจังหวัด ที่สามารถทำงานเชื่อมโยงกันได้ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร และ 3. เร่งพัฒนาระบบการบริหารจัดการข้อมูลแบบบูรณาการ เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้กำหนดระบบการจัดการในสถานที่กักกันโรค 10 ข้อ อาทิ การจัดการสถานที่พัก พื้นที่ส่วนกลางและสถานที่เฉพาะ, มีผู้รับผิดชอบทุกขั้นตอนครบตามจำนวนวันที่กำหนด และการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงาน ทั้งในระดับชาติและพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น
“นอกจากนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เห็นด้วยกับหลักการ เรื่องการลดเวลาการกักตัวจาก 14 วัน เหลือ 10 วัน และให้ข้อเสนอแนะให้เน้นเรื่องความปลอดภัย การติดตามตัวได้ มีอาการป่วยหรือไม่ เข้มข้นการปฏิบัติตัวแบบ New normal โดยจะเสนอ ศบค. พิจารณาต่อไป” นายอนุทิน ระบุ