ผู้จัดการรายวัน360-ผบช.น.แจ้งความคืบหน้าคดีบ่อนพระราม 3 เผยสอบ “วสันต์” หลังโผล่รับเป็นคนเช่า ตำรวจไม่เชื่อเป็นเจ้าของตัวจริง แต่ยังไม่พบหลักฐานโยง “เฮียตี้” พร้อมส่งอาวุธปืน “บอย บ้านครัว” เทียบสถานที่เกิดเหตุ เชื่อมีผู้ใช้อาวุธปืนมากกว่า 1 คน ยันไม่มีจับแพะ แนะ “สิระ” มีหลักฐานก็ส่งมา ส่วนคนย้ายหลักฐานรู้ตัวแล้วทั้ง 6 คน จับได้ 1 เตรียมล่าตัวมาดำเนินคดีอีก 5 ราย เร่งประสานผู้เชี่ยวชาญกู้ฮาร์ดดิสก์วงจรปิด หลังถูกทำลายเสียหาย
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดียิงกันภายในบ่อนการพนัน “เฮียตี้” ถนนพระราม 3 มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ว่า จากการสอบปากคำนายวสันต์ (ขอสงวนนามสกุล) ยอมรับเป็นผู้เช่าอาคารพาณิชย์ สถานที่ใช้เปิดเป็นบ่อนการพนันดังกล่าว แต่ตำรวจไม่เชื่อว่าเป็นผู้เช่าตัวจริง ซึ่งฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม รวมถึงเส้นทางการเงินว่ามีความผิดปกติใดหรือไม่ ส่วนความเชื่อมโยงกับเฮียตี้ อยู่ระหว่างการสืบสวน เพราะพยานหลักฐานยังไม่เชื่อมโยงถึงตัวเฮียตี้ และจากการสืบสวนทราบว่ามีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 คน และอาจจะมีมากกว่านี้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายวสันต์เป็นลูกน้องของคนนายธนบูลย์ (ขอสงวนนามสกุล) หรือต้น ทั้งสองคนร่วมกันถอดกล้องวงจรปิดภายในบ่อนคืนวันเกิดเหตุ โดยนายวสันต์ถูกจ้างให้มาเป็นผู้เช่าอาคาร 1-2 เดือน รวมถึงดูแลบ่อนการพนัน
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า การดำเนินคดีต่อนายพิพิธ ศรีสุวรรณ์ หรือบอย บ้านครัว ผู้ต้องหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ขณะนี้ได้ส่งอาวุธปืนไปตรวจพิสูจน์เทียบกับสถานที่เกิดเหตุ และร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 รายแล้วว่าสอดคล้องกันหรือไม่ เชื่อว่ามีผู้ใช้อาวุธปืนมากกว่า 1 คน ขอเวลาในการตรวจสอบก่อน
สำหรับประเด็นที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร และประชาชน ตั้งข้อสังเกตว่านายพิพิธเป็นแพะหรือไม่ ยืนยันว่าตำรวจทำคดีตามพยานหลักฐาน กระทั่งศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติหมายจับ แต่หากนายสิระมีหลักฐานเพิ่มเติม สามารถนำมามอบให้ตำรวจได้
ทางด้านความผิดการทำลายหลักฐาน หรือขนย้ายสิ่งของเพื่อให้การช่วยเหลือ ขณะนี้พิสูจน์ทราบตัวบุคคลเบื้องต้น 6 คน ในนั้นมีนายธนบูลย์ สารลึก ที่ปรากฏในคลิปกำลังเคลื่อนย้ายสิ่งของในที่เกิดเหตุ ได้ถูกดำเนินคดีไปแล้ว ถูกแจ้งข้อกล่าวหาช่วยทำลายหลักฐานการลักลอบเล่นการพนัน และอีก 5 คน อยู่ระหว่างการติดตามตัว ส่วนกล้องวงจรปิดที่เซิร์ฟเวอร์ถูกทำลายหลักฐานไปนั้น ตอนนี้กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) อยู่ระหว่างประสานผู้เชี่ยวชาญกู้ข้อมูล
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ขีดเส้นในการติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี และครบกำหนดแล้วนั้น เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ ผบ.ตร. ที่จะพิจารณาว่าการทำหน้าที่บกพร่องหรือไม่ ซึ่งก็พร้อมรับการพิจารณา
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดียิงกันภายในบ่อนการพนัน “เฮียตี้” ถนนพระราม 3 มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ว่า จากการสอบปากคำนายวสันต์ (ขอสงวนนามสกุล) ยอมรับเป็นผู้เช่าอาคารพาณิชย์ สถานที่ใช้เปิดเป็นบ่อนการพนันดังกล่าว แต่ตำรวจไม่เชื่อว่าเป็นผู้เช่าตัวจริง ซึ่งฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม รวมถึงเส้นทางการเงินว่ามีความผิดปกติใดหรือไม่ ส่วนความเชื่อมโยงกับเฮียตี้ อยู่ระหว่างการสืบสวน เพราะพยานหลักฐานยังไม่เชื่อมโยงถึงตัวเฮียตี้ และจากการสืบสวนทราบว่ามีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 คน และอาจจะมีมากกว่านี้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายวสันต์เป็นลูกน้องของคนนายธนบูลย์ (ขอสงวนนามสกุล) หรือต้น ทั้งสองคนร่วมกันถอดกล้องวงจรปิดภายในบ่อนคืนวันเกิดเหตุ โดยนายวสันต์ถูกจ้างให้มาเป็นผู้เช่าอาคาร 1-2 เดือน รวมถึงดูแลบ่อนการพนัน
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า การดำเนินคดีต่อนายพิพิธ ศรีสุวรรณ์ หรือบอย บ้านครัว ผู้ต้องหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ขณะนี้ได้ส่งอาวุธปืนไปตรวจพิสูจน์เทียบกับสถานที่เกิดเหตุ และร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 รายแล้วว่าสอดคล้องกันหรือไม่ เชื่อว่ามีผู้ใช้อาวุธปืนมากกว่า 1 คน ขอเวลาในการตรวจสอบก่อน
สำหรับประเด็นที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร และประชาชน ตั้งข้อสังเกตว่านายพิพิธเป็นแพะหรือไม่ ยืนยันว่าตำรวจทำคดีตามพยานหลักฐาน กระทั่งศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติหมายจับ แต่หากนายสิระมีหลักฐานเพิ่มเติม สามารถนำมามอบให้ตำรวจได้
ทางด้านความผิดการทำลายหลักฐาน หรือขนย้ายสิ่งของเพื่อให้การช่วยเหลือ ขณะนี้พิสูจน์ทราบตัวบุคคลเบื้องต้น 6 คน ในนั้นมีนายธนบูลย์ สารลึก ที่ปรากฏในคลิปกำลังเคลื่อนย้ายสิ่งของในที่เกิดเหตุ ได้ถูกดำเนินคดีไปแล้ว ถูกแจ้งข้อกล่าวหาช่วยทำลายหลักฐานการลักลอบเล่นการพนัน และอีก 5 คน อยู่ระหว่างการติดตามตัว ส่วนกล้องวงจรปิดที่เซิร์ฟเวอร์ถูกทำลายหลักฐานไปนั้น ตอนนี้กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) อยู่ระหว่างประสานผู้เชี่ยวชาญกู้ข้อมูล
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ขีดเส้นในการติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี และครบกำหนดแล้วนั้น เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ ผบ.ตร. ที่จะพิจารณาว่าการทำหน้าที่บกพร่องหรือไม่ ซึ่งก็พร้อมรับการพิจารณา