วานนี้( 7 เม.ย. ) สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ทำหนังสือถึงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ทุกคน ระบุว่านายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้ประชุมหารือร่วมกับ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 และ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานที่ปรึกษากรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา โดยมีความเห็นว่า จากสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วประเทศขณะนี้ วุฒิสภาควรมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาวิกฤตดังกล่าว จึงมีความเห็นร่วมกันว่า สมาชิกวุฒิสภาทุกคน ควรมีบทบาทร่วมกันในนามของวุฒิสภา เพื่อที่จะหาทางช่วยกันคลี่คลาย และแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ดังกล่าวของประเทศ โดยได้ขอความร่วมมือจาก ส.ว.ทุกคน ร่วมกันบริจาคเงินชั้นต่ำ คนละ 50,000 บาท เพื่อเป็นกองทุนบรรเทาทุกข์ของประชาชนในนามของวุฒิสภา โดยจะหักเงินบริจาคจำนวนดังกล่าว จากเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง โดยเริ่มตั้งแต่เดือนเม.ย.63 นี้
ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับเงินบริจาค จะได้ตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาในรายละเอียดตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้เลขาธิการวุฒิสภา ชี้แจงรายละเอียดกับประธานกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภาทุกคณะ เพื่อแจ้งให้สมาชิกวุฒิสภา ในแต่ละคณะกรรมาธิการทราบต่อไป
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ขอความร่วมมือ ส.ว.หักเงินเดือนขั้นต่ำ 5 หมื่นบาทต่อคน เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า ในส่วนส.ส. นั้น แต่ละคนได้ช่วยเหลือในพื้นที่อยู่แล้ว ไม่เหมือนกับ ส.ว.ที่ไม่ได้ทำพื้นที่ ก่อนหน้านี้ ส.ส.ได้จัดซื้อทั้งหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ และอื่นๆ ดูแลประชาชน ซึ่งนั่นคือเรื่องส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ในนามส่วนรวมก็คงต้องมีด้วย โดยตนจะได้หารือเรื่องนี้กับ ส.ส.อีก 4-5 คน ในวันที่ 10 เม.ย. ว่าจะมีการบริจาคในนามพรรคให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งเราจะสอบถามก่อนว่า ขาดอะไรบ้าง แล้วจะได้เติมเต็มให้
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน วิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การบริจาคของ ส.ว.เป็นเรื่องที่น่าส่งเสริม มีข้อดีทางด้านจิตวิทยา สร้างขวัญให้กำลังใจกับประชาชน แต่เมื่อนำจำนวนเงินไปเทียบกับปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ถือว่าน้อยมากและไม่น่าจะเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ขอเสนอว่านอกเหนือจากการบริจาคแล้ว อยากให้รัฐบาลออกมายืนยัน และสร้างความสบายใจให้กับผู้บริจาค ว่าจะใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า และต่อไปจะไม่มีข่าวการทุจริตเครื่องมือแพทย์ หรือหักหัวคิวชุดตรวจโควิด-19 เพราะวันนี้ได้ยินว่า มีทุจริตหักหัวคิวคนจึงไม่อยากบริจาค ถ้าจัดการเรื่องทุจริต หักหัวคิวได้จริง จะทำให้ได้เงินมากกว่าการบริจาคของส.ส และส.ว.รวมกันหลายเท่า ทั้งนี้ตนคิดว่าในส่วนของ ส.ส.ไม่มีใครแล้งน้ำใจ แต่ธรรมชาติของ ส.ส.และ ส.ว.ต่างกัน อาทิ ส.ส.หลายคนใช้เงินลงพื้นที่แจกหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ แต่ ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่ได้ลงพื้นที่ อาจจะเลือกใช้วิธีการบริจาคดังกล่าว
ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับเงินบริจาค จะได้ตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาในรายละเอียดตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้เลขาธิการวุฒิสภา ชี้แจงรายละเอียดกับประธานกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภาทุกคณะ เพื่อแจ้งให้สมาชิกวุฒิสภา ในแต่ละคณะกรรมาธิการทราบต่อไป
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ขอความร่วมมือ ส.ว.หักเงินเดือนขั้นต่ำ 5 หมื่นบาทต่อคน เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า ในส่วนส.ส. นั้น แต่ละคนได้ช่วยเหลือในพื้นที่อยู่แล้ว ไม่เหมือนกับ ส.ว.ที่ไม่ได้ทำพื้นที่ ก่อนหน้านี้ ส.ส.ได้จัดซื้อทั้งหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ และอื่นๆ ดูแลประชาชน ซึ่งนั่นคือเรื่องส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ในนามส่วนรวมก็คงต้องมีด้วย โดยตนจะได้หารือเรื่องนี้กับ ส.ส.อีก 4-5 คน ในวันที่ 10 เม.ย. ว่าจะมีการบริจาคในนามพรรคให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งเราจะสอบถามก่อนว่า ขาดอะไรบ้าง แล้วจะได้เติมเต็มให้
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน วิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การบริจาคของ ส.ว.เป็นเรื่องที่น่าส่งเสริม มีข้อดีทางด้านจิตวิทยา สร้างขวัญให้กำลังใจกับประชาชน แต่เมื่อนำจำนวนเงินไปเทียบกับปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ถือว่าน้อยมากและไม่น่าจะเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ขอเสนอว่านอกเหนือจากการบริจาคแล้ว อยากให้รัฐบาลออกมายืนยัน และสร้างความสบายใจให้กับผู้บริจาค ว่าจะใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า และต่อไปจะไม่มีข่าวการทุจริตเครื่องมือแพทย์ หรือหักหัวคิวชุดตรวจโควิด-19 เพราะวันนี้ได้ยินว่า มีทุจริตหักหัวคิวคนจึงไม่อยากบริจาค ถ้าจัดการเรื่องทุจริต หักหัวคิวได้จริง จะทำให้ได้เงินมากกว่าการบริจาคของส.ส และส.ว.รวมกันหลายเท่า ทั้งนี้ตนคิดว่าในส่วนของ ส.ส.ไม่มีใครแล้งน้ำใจ แต่ธรรมชาติของ ส.ส.และ ส.ว.ต่างกัน อาทิ ส.ส.หลายคนใช้เงินลงพื้นที่แจกหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ แต่ ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่ได้ลงพื้นที่ อาจจะเลือกใช้วิธีการบริจาคดังกล่าว