ผู้จัดการรายวัน 360 - ตลาดหุ้นไทยพุ่งแรง ปิดที่ 1,214.95 จุด บวกกว่า 76 จุด หรือ 6.68% คิดเป็นอัตราสูงกว่าตลาดหุ้นเอเชียที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 2-3% หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีอัตราการชะลอตัวลง ขณะที่ไทยพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มแค่ 38 ราย บวกกับนักลงทุนมั่นใจมาตรการเยียวยาโควิด-19 ระยะ 3 วงเงินกว่า 2 ล้านล้านบาท จะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทย
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (7 เม.ย.) ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ตั้งแต่เปิดการซื้อขายภาคเช้า สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก ที่เริ่มผ่อนคลายจากแนวโน้มการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีอัตราลดลง รวมถึงสถานการณ์ในประเทศไทย ที่มีจำนวนผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นชะลอลงเหลือ 38 ราย และสนองตอบข่าวดีที่รัฐบาลคลอดมาตรการดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คิดเป็นวงเงินกว่า 1.9 ล้านล้านบาท
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทย สามารถปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,200 จุด แต่ยังคงมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีปรับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 1,220.67 จุด ต่ำสุดที่ 1,173.14 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขาย 1,214.95 จุด เพิ่มขึ้น 76.11 จุด หรือคิดเป็น 6.68% มูลค่าการซื้อขายรวม 98,954.92 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 507.18 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 3,743.37 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 1,693.28 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 5,943.83 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ราคาปิด 23.80 บาท เพิ่มขึ้น 2.70 บาท หรือคิดเป็น 12.80% มูลค่าการซื้อขาย 9,381.20 ล้านบาท บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ราคาปิด 38.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท หรือ 7.75% มูลค่าการซื้อขาย 8,124.01 ล้านบาท และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ราคาปิด 57.50 บาท เพิ่มขึ้น 7.50 บาท หรือ 15.00% มูลค่าการซื้อขาย 4,170.53 ล้านบาท
ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเชียต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน แต่คิดเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าตลาดหุ้นไทย ที่เพิ่มขึ้นในระดับ 2% เท่านั้น โดยเฉพาะตลาดสำคัญๆ อาทิ ตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดที่ 24,253.29 จุด เพิ่มขึ้น 504.17 จุด หรือ 2.12% ขณะที่ตลาดหุ้นโตเกียว ดัชนีนิกเกอิ ปิดที่ 18,950.18 จุด เพิ่มขึ้น 373.88 จุด หรือ 2.01%
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยบวกค่อนข้างแรก เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ ยุโรป มีอัตราชะลอตัวลง ขณะที่ไทยเอง พบผู้ติดเชื้อใหม่เพียง 38 ราย ประกอบกับการคลอดมาตรการดูแลและเยียวยาโควิด-19 ระยะ 3 รวมวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจ กลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง
สำหรับปัจจัยที่ติดตามยังเป็นเรื่องการแพร่ระบาดโควิดทั่วโลก จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือไม่ รวมถึง การประชุมของกลุ่มโอเปกและนอนโอเปกในวันที่ 9 เม.ย.นี้ จะบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตได้หรือไม่ จากที่มีกระแสข่าวว่าการเจรจาครั้งนี้อาจจะลดกำลังการผลิตลง 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากที่ก่อนหน้านี้ลดกำลังการผลิต 15 ล้านบาร์เรลต่อวัน และรอดูท่าทีสหรัฐฯว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ ถ้าไม่เข้าร่วมอาจทำให้ราคาน้ำมันไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนัก
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (7 เม.ย.) ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ตั้งแต่เปิดการซื้อขายภาคเช้า สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก ที่เริ่มผ่อนคลายจากแนวโน้มการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีอัตราลดลง รวมถึงสถานการณ์ในประเทศไทย ที่มีจำนวนผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นชะลอลงเหลือ 38 ราย และสนองตอบข่าวดีที่รัฐบาลคลอดมาตรการดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คิดเป็นวงเงินกว่า 1.9 ล้านล้านบาท
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทย สามารถปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,200 จุด แต่ยังคงมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีปรับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 1,220.67 จุด ต่ำสุดที่ 1,173.14 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขาย 1,214.95 จุด เพิ่มขึ้น 76.11 จุด หรือคิดเป็น 6.68% มูลค่าการซื้อขายรวม 98,954.92 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 507.18 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 3,743.37 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 1,693.28 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 5,943.83 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ราคาปิด 23.80 บาท เพิ่มขึ้น 2.70 บาท หรือคิดเป็น 12.80% มูลค่าการซื้อขาย 9,381.20 ล้านบาท บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ราคาปิด 38.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท หรือ 7.75% มูลค่าการซื้อขาย 8,124.01 ล้านบาท และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ราคาปิด 57.50 บาท เพิ่มขึ้น 7.50 บาท หรือ 15.00% มูลค่าการซื้อขาย 4,170.53 ล้านบาท
ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเชียต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน แต่คิดเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าตลาดหุ้นไทย ที่เพิ่มขึ้นในระดับ 2% เท่านั้น โดยเฉพาะตลาดสำคัญๆ อาทิ ตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดที่ 24,253.29 จุด เพิ่มขึ้น 504.17 จุด หรือ 2.12% ขณะที่ตลาดหุ้นโตเกียว ดัชนีนิกเกอิ ปิดที่ 18,950.18 จุด เพิ่มขึ้น 373.88 จุด หรือ 2.01%
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยบวกค่อนข้างแรก เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ ยุโรป มีอัตราชะลอตัวลง ขณะที่ไทยเอง พบผู้ติดเชื้อใหม่เพียง 38 ราย ประกอบกับการคลอดมาตรการดูแลและเยียวยาโควิด-19 ระยะ 3 รวมวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจ กลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง
สำหรับปัจจัยที่ติดตามยังเป็นเรื่องการแพร่ระบาดโควิดทั่วโลก จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือไม่ รวมถึง การประชุมของกลุ่มโอเปกและนอนโอเปกในวันที่ 9 เม.ย.นี้ จะบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตได้หรือไม่ จากที่มีกระแสข่าวว่าการเจรจาครั้งนี้อาจจะลดกำลังการผลิตลง 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากที่ก่อนหน้านี้ลดกำลังการผลิต 15 ล้านบาร์เรลต่อวัน และรอดูท่าทีสหรัฐฯว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ ถ้าไม่เข้าร่วมอาจทำให้ราคาน้ำมันไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนัก