วานนี้( 5 มี.ค.) เว็บไซต์สำนักงานกกต.ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต. สั่งดำเนินคดีอาญา นายวิโรจน์ วัฒนากลาง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 จ.นครราชสีมา พรรคประชาชาติ กรณีรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังลงสมัครรับเลือกตั้ง ขัดมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560
ในการไต่สวน กกต.พบว่า วันที่ 4 ก.พ.62 ซึ่งเป็นวันสมัครรับเลือกตั้งส.ส. นายวิโรจน์ ซึ่งยื่นลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. เขต 6 นครราชสีมา พรรคประชาชาติ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเพียงพรรคการเมืองเดียวเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน จนถึงวันเลือกตั้ง โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ทำการตรวจสอบแล้วว่า นายวิโรจน์ ได้ชำระค่าบำรุง และเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 61 และสิ้นสุดสมาชิกภาพ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 61 และได้ชำระค่าบำรุงพรรคพลังปวงชนไทย และเป็นสมาชิกพรรคพลังปวงชนไทย เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 61 และสิ้นสุดสมาชิกภาพ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 61 รวมทั้งได้ชำระค่าบำรุงพรรคเสรีรวมไทย และ เป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 61 และ สิ้นสุดสมาชิกภาพ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 62 และ ได้ชำระค่าบำรุงพรรคประชาชาติ และ เป็นสมาชิกพรรคประชาชาติ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 61 ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้มีหนังสือแจ้งให้หัวหน้าพรรคประชาชาติ ทราบ และลบชื่อนายวิโรจน์ ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาชาติ และ แม้นายวิโรจน์จะให้ถ้อยคำยืนยันว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย พรรคพลังปวงชนไทย และพรรคเสรีรวมไทยก่อนสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาชาติ แต่จากการตรวจสอบสำเนาหนังสือลาออกทุกฉบับ ระบุวันที่ไว้ไม่ตรงกันกับสำเนาหนังสือลาออกที่พรรคเพื่อไทย พรรคพลังปวงชนไทย และพรรคเสรีรวมไทย ส่งมอบให้กกต.
พยานหลักฐานจึงฟังได้ว่า นายวิโรจน์ มีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งแต่ยังลงสมัคร จึงเข้าข่ายรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังใช้สิทธิสมัคร อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 151 จึงมีคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญาแก่นายวิโรจน์
ในการไต่สวน กกต.พบว่า วันที่ 4 ก.พ.62 ซึ่งเป็นวันสมัครรับเลือกตั้งส.ส. นายวิโรจน์ ซึ่งยื่นลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. เขต 6 นครราชสีมา พรรคประชาชาติ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเพียงพรรคการเมืองเดียวเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน จนถึงวันเลือกตั้ง โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ทำการตรวจสอบแล้วว่า นายวิโรจน์ ได้ชำระค่าบำรุง และเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 61 และสิ้นสุดสมาชิกภาพ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 61 และได้ชำระค่าบำรุงพรรคพลังปวงชนไทย และเป็นสมาชิกพรรคพลังปวงชนไทย เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 61 และสิ้นสุดสมาชิกภาพ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 61 รวมทั้งได้ชำระค่าบำรุงพรรคเสรีรวมไทย และ เป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 61 และ สิ้นสุดสมาชิกภาพ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 62 และ ได้ชำระค่าบำรุงพรรคประชาชาติ และ เป็นสมาชิกพรรคประชาชาติ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 61 ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้มีหนังสือแจ้งให้หัวหน้าพรรคประชาชาติ ทราบ และลบชื่อนายวิโรจน์ ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาชาติ และ แม้นายวิโรจน์จะให้ถ้อยคำยืนยันว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย พรรคพลังปวงชนไทย และพรรคเสรีรวมไทยก่อนสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาชาติ แต่จากการตรวจสอบสำเนาหนังสือลาออกทุกฉบับ ระบุวันที่ไว้ไม่ตรงกันกับสำเนาหนังสือลาออกที่พรรคเพื่อไทย พรรคพลังปวงชนไทย และพรรคเสรีรวมไทย ส่งมอบให้กกต.
พยานหลักฐานจึงฟังได้ว่า นายวิโรจน์ มีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งแต่ยังลงสมัคร จึงเข้าข่ายรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังใช้สิทธิสมัคร อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 151 จึงมีคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญาแก่นายวิโรจน์