จากกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อ องค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ-ภาคประชาชน ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ข้อความพาดพิงการทำงานของเรือนจำคลองไผ่ จ.นครราชสีมา โดยให้ตรวจสอบการขอคืนพื้นที่เขาเขื่อนลั่นว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่นั้น
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ที่พักสงฆ์เขาเขื่อนลั่น เดิมนั้นอยู่ในเขตที่กรมธนารักษ์ให้สิทธิ์ในการใช้พื้นที่ กับกรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจำกลางคลองไผ่ เป็นผู้ดูแล มีพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ อยู่บนที่ราชพัสดุ ต่อมาที่พักสงฆ์ดังกล่าวได้ขยายพื้นที่ออก ประมาณ 16 ไร่ พร้อมสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติม เช่น กุฏิสงฆ์ เจดีย์บรรจุธาตุ กระจายทั่วพื้นที่ และได้ขอใช้พื้นที่ดังกล่าว เพื่อจัดตั้งเป็นวัดเขาเขื่อนลั่น ในเวลาต่อมา แต่กรมราชทัณฑ์ มีแผนที่จะใช้พื้นที่ดังกล่าวก่อสร้างสถาบันพัฒนาข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงได้ขอคืนพื้นที่บางส่วนจากที่พักสงฆ์ ให้คงเหลือเพื่อให้สามารถตั้งวัดได้ จำนวน 10 ไร่ โดยคงพื้นที่ก่อสร้างถาวรวัตถุที่จำเป็นของวัด ได้แก่ โบสถ์ ศาลาการเปรียญ เมรุ กุฏิเจ้าอาวาสไว้ และอยู่ระหว่างดำเนินการส่งมอบพื้นที่ 10 ไร่ ดังกล่าว ให้กรมธนารักษ์ เพื่อมอบให้สำนักพระพุทธศาสนา จ.นครราชสีมา ทำการจัดสร้างเป็นวัดเขาเขื่อนลั่นต่อไป
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวด้วยว่า การดำเนินการของเรือนจำกลางคลองไผ่ ได้ผ่านความเห็นชอบของสำนักพระพุทธศาสนา จ.นครราชสีมา สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ จ.นครราชสีมา เจ้าคณะตำบลคลองไผ่ คณะกรรมการที่พักสงฆ์เขาเขื่อนลั่น โดยมีมติจะคืนพื้นที่จำนวน 6 ไร่ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้พิจารณาขยายให้เป็น 10 ไร่ ดังกล่าว
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ที่พักสงฆ์เขาเขื่อนลั่น เดิมนั้นอยู่ในเขตที่กรมธนารักษ์ให้สิทธิ์ในการใช้พื้นที่ กับกรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจำกลางคลองไผ่ เป็นผู้ดูแล มีพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ อยู่บนที่ราชพัสดุ ต่อมาที่พักสงฆ์ดังกล่าวได้ขยายพื้นที่ออก ประมาณ 16 ไร่ พร้อมสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติม เช่น กุฏิสงฆ์ เจดีย์บรรจุธาตุ กระจายทั่วพื้นที่ และได้ขอใช้พื้นที่ดังกล่าว เพื่อจัดตั้งเป็นวัดเขาเขื่อนลั่น ในเวลาต่อมา แต่กรมราชทัณฑ์ มีแผนที่จะใช้พื้นที่ดังกล่าวก่อสร้างสถาบันพัฒนาข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงได้ขอคืนพื้นที่บางส่วนจากที่พักสงฆ์ ให้คงเหลือเพื่อให้สามารถตั้งวัดได้ จำนวน 10 ไร่ โดยคงพื้นที่ก่อสร้างถาวรวัตถุที่จำเป็นของวัด ได้แก่ โบสถ์ ศาลาการเปรียญ เมรุ กุฏิเจ้าอาวาสไว้ และอยู่ระหว่างดำเนินการส่งมอบพื้นที่ 10 ไร่ ดังกล่าว ให้กรมธนารักษ์ เพื่อมอบให้สำนักพระพุทธศาสนา จ.นครราชสีมา ทำการจัดสร้างเป็นวัดเขาเขื่อนลั่นต่อไป
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวด้วยว่า การดำเนินการของเรือนจำกลางคลองไผ่ ได้ผ่านความเห็นชอบของสำนักพระพุทธศาสนา จ.นครราชสีมา สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ จ.นครราชสีมา เจ้าคณะตำบลคลองไผ่ คณะกรรมการที่พักสงฆ์เขาเขื่อนลั่น โดยมีมติจะคืนพื้นที่จำนวน 6 ไร่ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้พิจารณาขยายให้เป็น 10 ไร่ ดังกล่าว