เมื่อวานนี้ (22ต.ค.) สถานีโทรทัศน์รัฐสภาได้ออกอากาศรายการ"มองรัฐสภา" ดำเนินรายการโดย พ.ท.หญิงชลรัศมี งาทวีสุข ในหัวข้อ"จับตาบทบาท กมธ.งบฯ 63 หลากหลายขั้วการเมือง"โดยเชิญ นายทศพล เพ็งส้ม ที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 มาให้ความเห็นเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินงานของสภาฯ ภายหลังที่ประชุมสภาฯ ได้ลงมติรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในวาระที่ 1 และตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 จำนวน 64 คน กำหนดกรอบการพิจารณา 105 วันไปแล้ว เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมา
นายทศพล ได้กล่าวถึงกรณี พรรคอนาคตใหม่ เสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเป็นหนึ่งในกมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ว่า อำนาจการตั้งกมธ.วิสามัญของสภาฯ บัญญัติไว้ใน มาตรา 129 ของรธน. ที่ระบุว่าสภาฯ มีอํานาจเลือกบุคคลผู้เป็น ส.ส. หรือมิได้เป็นส.ส. ตั้งเป็น กมธ.ฯ เพื่อกระทํากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ และรายงานให้สภาฯทราบ ตามระยะเวลาที่กําหนด ฉะนั้น จึงมี 2 ทางเลือกสำหรับ กมธ.วิสามัญฯ ว่าจะเป็นส.ส. หรือบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นส.ส.ก็ได้
ตรงนี้จึงต้องมาพิจารณาว่า การเสนอชื่อนายธนาธร ซึ่งถูกศาลรธน. สั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.เป็นการชั่วคราว ในระหว่างรอคำวินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายธนาธร ในกรณีเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน เข้ามาเป็นกมธ.วิสามัญฯนั้น มาในสถานะใด
"เมื่อดูหลักกฎหมายแล้ว ก็พบว่าคนที่จะเป็น กมธ.วิสามัญฯได้ต้องเป็น ส.ส.หรือมิได้เป็นส.ส. จึงต้องถามว่าคุณธนาธร เข้ามาในเงื่อนไขไหน ถ้าเข้ามาในฐานะส.ส.ถือว่าไม่ได้เลย เพราะศาลฯ มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงทำหน้าที่ส.ส.ไม่ได้ ส่วนจะใช้สิทธิ์คนนอก ก็มีปัญหาอีกว่าคุณธนาธร เป็นคนนอกหรือไม่ เพราะยังมีสมาชิกภาพส.ส.อยู่ ไม่สามารถถอดสถานะส.ส.และเดินเข้ามาในฐานะคนนอกได้เอง" นายทศพล กล่าว
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ หากว่านายธนาธร ขาดคุณสมบัติในการที่จะเข้ามาเป็นกมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ที่กำลังจะมีการประชุมครั้งแรก ในวันที่ 24 ต.ค.นี้แล้ว หากมีการเสนอความเห็น หรือสงวนความเห็น ตลอดจนร่วมลงมติใดๆ ก็อาจส่งผลให้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 เป็นโมฆะได้ ดังนั้น เจตนารมณ์ของเขา เพื่อให้กฎหมายใช้ไม่ได้หรือไม่ เพราะเอาคนที่ขาดคุณสมบัติการเป็นกมธ.วิสามัญฯ มาพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ จึงควรที่จะมีการยื่นคำร้องเพื่อให้ ศาลรธน.ตีความ ให้เกิดความชัดเจน มิเช่นนั้นหากสภาฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 แล้วเสร็จ ในวาระที่ 2 และ 3 เกิดมีผู้ไปร้องต่อศาลรธน. ว่า มีผู้ขาดคุณสมบัติร่วมเป็น กมธ.วิสามัญฯ พิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว
"ในกระบวนการมี 2 ทางเลือก หนึ่ง คุณธนาธรต้องไปลงออกจากส.ส.เพื่อใช้สถานะคนนอก เข้ามาเป็นกมธ.วิสามัญฯ หรือ สอง หากอยากเป็นส.ส.ต้องลาออกจาก กมธ.วิสามัญฯ ต้องเลือกเอาว่าอยากเป็นอะไร ซึ่งไม่ใช่เรื่องกีดกันการทำหน้าที่ของคุณธนาธร เพียงแต่เป็นการทำเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น มิเช่นนั้นก็จะมีคนมองว่า พรรคอนาคตใหม่ ตั้งคนที่ขาดคุณสมบัติ พรรคคุณต้องรับผิดชอบ หากกฎหมายมีปัญหา" นายทศพล ระบุ
นายทศพล กล่าวด้วยว่า ในกรณีที่นายธนาธร ขาดคุณสมบัติซึ่งส่งผลต่อการทำหน้าที่ของกมธ.วิสามัญฯ ประธานสภาฯ อาจต้องเรียกประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาแต่งตั้ง กมธ.แทนนายธนาธร เพื่อให้ครบ 64 คน ตามมติที่ประชุมสภาฯ อย่างไรก็ดีมองว่า ช่วงที่พรรคอนาคตใหม่ เสนอชื่อนายธนาธร เมื่อวันที่ 19 ต.ค.นั้น ที่ประชุมสภาฯ อาจจะยังไม่ทราบว่าประเด็นคุณสมบัติดังกล่าว จึงไม่มีผู้คัดค้าน หรือทักท้วง แต่เมื่อมีประเด็นขึ้นมา ก็ต้องมาตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อความถูกต้อง ผู้ที่เป็นประธานในการดำเนินการประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 นัดแรก ในวันที่ 24 ต.ค.นี้ จำเป็นต้องหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา เพราะไม่สามารถเริ่มประชุมได้ ก่อนทำหนังสือแจ้งประธานสภาฯ ต่อไป
นอกจากนี้นายทศพล ยังได้อธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า ในส่วนของกมธ.สามัญต่างๆ ของสภาฯนั้น ได้สงวนไว้เฉพาะผู้ที่เป็นส.ส.เท่านั้น ขณะที่กมธ.วิสามัญ ซึ่งตั้งตามวาระต่างๆ ที่ภารกิจไม่เข้ากับ กมธ.สามัญ ที่มีอยู่แล้ว สำหรับเจตนารมณ์ของรธน. ที่ให้คนนอกเข้ามาเป็น กมธ.วิสามัญฯได้นั้น ก็เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำหน้าที่พิจารณาหรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่ส.ส.บางคนอาจจะไม่ถนัด อาทิ กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ก็เปิดโอกาสให้รัฐบาล หรือพรรคการเมืองเสนอชื่อผู้เชี่ยวชาญด้าน งบประมาณแผ่นดินมาร่วมร่วมทำงานกับส.ส. เป็นต้น
นายทศพล ได้กล่าวถึงกรณี พรรคอนาคตใหม่ เสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเป็นหนึ่งในกมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ว่า อำนาจการตั้งกมธ.วิสามัญของสภาฯ บัญญัติไว้ใน มาตรา 129 ของรธน. ที่ระบุว่าสภาฯ มีอํานาจเลือกบุคคลผู้เป็น ส.ส. หรือมิได้เป็นส.ส. ตั้งเป็น กมธ.ฯ เพื่อกระทํากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ และรายงานให้สภาฯทราบ ตามระยะเวลาที่กําหนด ฉะนั้น จึงมี 2 ทางเลือกสำหรับ กมธ.วิสามัญฯ ว่าจะเป็นส.ส. หรือบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นส.ส.ก็ได้
ตรงนี้จึงต้องมาพิจารณาว่า การเสนอชื่อนายธนาธร ซึ่งถูกศาลรธน. สั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.เป็นการชั่วคราว ในระหว่างรอคำวินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายธนาธร ในกรณีเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน เข้ามาเป็นกมธ.วิสามัญฯนั้น มาในสถานะใด
"เมื่อดูหลักกฎหมายแล้ว ก็พบว่าคนที่จะเป็น กมธ.วิสามัญฯได้ต้องเป็น ส.ส.หรือมิได้เป็นส.ส. จึงต้องถามว่าคุณธนาธร เข้ามาในเงื่อนไขไหน ถ้าเข้ามาในฐานะส.ส.ถือว่าไม่ได้เลย เพราะศาลฯ มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงทำหน้าที่ส.ส.ไม่ได้ ส่วนจะใช้สิทธิ์คนนอก ก็มีปัญหาอีกว่าคุณธนาธร เป็นคนนอกหรือไม่ เพราะยังมีสมาชิกภาพส.ส.อยู่ ไม่สามารถถอดสถานะส.ส.และเดินเข้ามาในฐานะคนนอกได้เอง" นายทศพล กล่าว
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ หากว่านายธนาธร ขาดคุณสมบัติในการที่จะเข้ามาเป็นกมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ที่กำลังจะมีการประชุมครั้งแรก ในวันที่ 24 ต.ค.นี้แล้ว หากมีการเสนอความเห็น หรือสงวนความเห็น ตลอดจนร่วมลงมติใดๆ ก็อาจส่งผลให้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 เป็นโมฆะได้ ดังนั้น เจตนารมณ์ของเขา เพื่อให้กฎหมายใช้ไม่ได้หรือไม่ เพราะเอาคนที่ขาดคุณสมบัติการเป็นกมธ.วิสามัญฯ มาพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ จึงควรที่จะมีการยื่นคำร้องเพื่อให้ ศาลรธน.ตีความ ให้เกิดความชัดเจน มิเช่นนั้นหากสภาฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 แล้วเสร็จ ในวาระที่ 2 และ 3 เกิดมีผู้ไปร้องต่อศาลรธน. ว่า มีผู้ขาดคุณสมบัติร่วมเป็น กมธ.วิสามัญฯ พิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว
"ในกระบวนการมี 2 ทางเลือก หนึ่ง คุณธนาธรต้องไปลงออกจากส.ส.เพื่อใช้สถานะคนนอก เข้ามาเป็นกมธ.วิสามัญฯ หรือ สอง หากอยากเป็นส.ส.ต้องลาออกจาก กมธ.วิสามัญฯ ต้องเลือกเอาว่าอยากเป็นอะไร ซึ่งไม่ใช่เรื่องกีดกันการทำหน้าที่ของคุณธนาธร เพียงแต่เป็นการทำเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น มิเช่นนั้นก็จะมีคนมองว่า พรรคอนาคตใหม่ ตั้งคนที่ขาดคุณสมบัติ พรรคคุณต้องรับผิดชอบ หากกฎหมายมีปัญหา" นายทศพล ระบุ
นายทศพล กล่าวด้วยว่า ในกรณีที่นายธนาธร ขาดคุณสมบัติซึ่งส่งผลต่อการทำหน้าที่ของกมธ.วิสามัญฯ ประธานสภาฯ อาจต้องเรียกประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาแต่งตั้ง กมธ.แทนนายธนาธร เพื่อให้ครบ 64 คน ตามมติที่ประชุมสภาฯ อย่างไรก็ดีมองว่า ช่วงที่พรรคอนาคตใหม่ เสนอชื่อนายธนาธร เมื่อวันที่ 19 ต.ค.นั้น ที่ประชุมสภาฯ อาจจะยังไม่ทราบว่าประเด็นคุณสมบัติดังกล่าว จึงไม่มีผู้คัดค้าน หรือทักท้วง แต่เมื่อมีประเด็นขึ้นมา ก็ต้องมาตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อความถูกต้อง ผู้ที่เป็นประธานในการดำเนินการประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 นัดแรก ในวันที่ 24 ต.ค.นี้ จำเป็นต้องหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา เพราะไม่สามารถเริ่มประชุมได้ ก่อนทำหนังสือแจ้งประธานสภาฯ ต่อไป
นอกจากนี้นายทศพล ยังได้อธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า ในส่วนของกมธ.สามัญต่างๆ ของสภาฯนั้น ได้สงวนไว้เฉพาะผู้ที่เป็นส.ส.เท่านั้น ขณะที่กมธ.วิสามัญ ซึ่งตั้งตามวาระต่างๆ ที่ภารกิจไม่เข้ากับ กมธ.สามัญ ที่มีอยู่แล้ว สำหรับเจตนารมณ์ของรธน. ที่ให้คนนอกเข้ามาเป็น กมธ.วิสามัญฯได้นั้น ก็เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำหน้าที่พิจารณาหรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่ส.ส.บางคนอาจจะไม่ถนัด อาทิ กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ก็เปิดโอกาสให้รัฐบาล หรือพรรคการเมืองเสนอชื่อผู้เชี่ยวชาญด้าน งบประมาณแผ่นดินมาร่วมร่วมทำงานกับส.ส. เป็นต้น