xs
xsm
sm
md
lg

แค่พิธีกรรมถก ‘งบประมาณร่าเริง’

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


"โสภณ องค์การณ์"

สภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดมหกรรมอภิปราย ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ถกกันยาว 3 วัน เมื่อรัฐบาล 3 ลุง ได้วางแผนที่จะใช้ เงิน 3.2 ล้านล้านบาท รวมทั้งเงินกู้ประมาณ 4.6 แสนล้านบาท เป็นงบก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

เมื่อทุกอย่างกำลังจะเป็นประวัติศาสตร์ ฝ่ายค้านก็อยากถูกจารึกไว้เป็นประวัติการณ์ว่าได้ทำตามหน้าที่ชำแหละงบก้อนใหญ่ ก่อนจะถูกใช้ไปในโครงการต่างๆ งบที่ถูกมองว่าไม่เป็นวาระสำคัญ เกี่ยวกับปัญหาปากท้องของชาวบ้าน

จะรั่วไหลเป็นเงินทอนให้ใคร นั่นเป็นเรื่อง สส. และนักร้องต้องติดตามดูต่อไป!

ที่สำคัญ มีงบกลางซึ่งลุงกระท้อนผู้นำประชานิยมมีอำนาจสั่งจ่ายมากถึง 5 แสนล้านบาท ฝ่ายค้านทุกยุคชี้ให้เห็นว่าเป็นงบยากสำหรับการตรวจสอบเข้มหารายละเอียดว่าใช้จ่ายอะไร เหมือน “เช็คเปล่า” ที่รอกรอกตัวเลข ลงนามเท่านั้น

เป็นเป้าหมายของการอภิปรายในประเด็นการขาดวินัยการเงิน การคลัง เพราะเงิน 5 แสนล้านบาทเป็นประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของยอดเงินงบประมาณ ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายอย่างมากที่คนเดียวสามารถสั่งจ่ายได้ เพราะกฎหมายถูกเขียนไว้ให้อำนาจ

เงินขนาดนี้ ถ้าบ้านเมืองมีผู้นำและคณะเป็นคนใจซื่อมือสะอาด ดมพิสูจน์ได้ว่าไม่มีร่องรอยของการรับเงินสกปรก หรืออยู่ในสังคมการเมืองซึ่งการทุจริต คอร์รัปชั่นไม่ติดอันดับโลก ชาวบ้านคงไม่ห่วงใยเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ

ถ้าคนกุมอำนาจรัฐไม่มีพฤติกรรมน่าสงสัยด้านความซื่อสัตย์ สุจริต ต่อให้งบก้อนใหญ่กว่านี้ ประชาชนคงนอนหลับฝันดีทุกคืน มั่นใจว่าเงินไม่รั่วไหลเข้ากระเป๋าใครส่วนตัว แต่ที่ผ่านมา ถ้าเป็นอย่างที่หวัง ถนนเมืองไทยคงปูด้วยทองคำฝังเพชร

ความเป็นจริงก็คือ หนี้ครัวเรือนติดอันดับ 1 ของโลก อยู่ที่ 80 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี หรือขนาดเศรษฐกิจของประเทศ รวยกระจุก จนกระจาย และที่น่าสยองขวัญก็คือ ยังมีการโกงกระจุกอีกด้วย จนชาวบ้านได้ยินเสียงร่ำลือว่า “รัฐประหารแล้วรวย”

หลักฐานเรอะ? ถ้ามี จะไว้ใจให้องค์กรอิสระทำหน้าที่ด้วยความโปร่งใส เป็น ผลประโยชน์ของบ้านเมืองหรือไม่ ผลงานที่ผ่านมาบางยุคฟ้องให้เห็นชัด นอกจากไม่ได้เรื่องยังมีการบัญญัติศัพท์แนวศรีธนญชัยศาสตร์มาอ้าง ชาวบ้านแทบชักตาตั้ง

องค์กรอิสระก็ต้องออกกำลังเพื่อให้ได้งบประมาณเพียงพอสำหรับตัวเองเช่นกัน โดยเฉพาะงบการขึ้นเงินเดือน หรือค่าใช้จ่ายดูงานต่างประเทศ เป็นต้น ดังนั้นทุกองค์ภาครัฐต้องมีผลประโยชน์ร่วม ผู้รับเหมาที่จ้องขายสินค้า งานก่อสร้างต่างๆ

โดยมีประชาชนผู้เสียภาษี และผู้รับใช้หนี้เงินกู้ได้แต่มองตาปริบๆ เมื่อเห็นกลุ่มผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินของคนอื่น ใช้เงินของคนอื่น ด้วยความเปรมปรีดา ไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหายอะไรทั้งนั้น ตามประเพณีซึ่งได้ปฏิบัติตามกันมานั่นเลย

ลุงกระท้อนมีอำนาจสั่งจ่ายเงินงบกลางกว่า 5 แสนล้าน บอกงบประทรวงกลาโหมอีกกว่า 2 แสนล้าน และงบอื่นๆ ที่เกี่ยวโยงกับความมั่นคง สารพัด เท่ากับว่าสามารถสั่งจ่าย อนุมัติเงินได้เกือบ 1 ล้านล้านบาท! ยิ่งงบกลางบานทุกปี ก็ยิ่งดีมาก

อำนาจการสั่งจ่ายเงินได้มากขนาดนี้ ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจอย่างมากที่ลุงต้องการอยู่ต่อ อุทิศพลังงาน พลังใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง อย่างมิรู้เบื่อหน่าย แม้จะเหน็ดเหนื่อยก็จะยอมทน บอกกล่าวให้ชาวบ้านให้รับรู้เรื่องความเสียสละเสมอ

ชุมชนผู้ลุ่มหลงในความสามารถ เสียสละเพื่อชาติของลุงกระท้อนและพวก จึงทุ่มเทคะแนนเสียง สนับสนุนให้คณะ 3 ลุงอยู่ต่อนานๆ แม้ต้องกู้เงินอีกหลายปีก็ตาม เพราะเงินส่วนหนึ่งจะเป็นงบโครงการประชานิยมจมไม่ลง ถมไม่เต็มให้เสพติดนานๆ

มีเสียงนกเสียงการ้องเตือนว่าถ้ากู้มาก ใช้คืนน้อย พอกหนี้สะสม ส่งเสริมโครงการประชานิยม แจกของฟรีให้ชาวบ้านไม่รู้จบสิ้น สักวันเมืองไทยจะเดินตามรอยอาร์เจนติน่า หรือเวเนซุเอลา คนสิ้นไร้ไม้ตอก บ้านเมืองมีวิกฤต พวกลุงก็ไม่ฟัง

หรือฟังบ้างพอเป็นพิธี จากนั้นก็วางแผนการกู้หาความนิยมให้ได้อยู่ยาวต่อไป

ฝ่ายค้านผสมแค้นยังจ้องชำแหละโครงการจัดซื้ออาวุธเพื่อความมั่นคง จะมีคำถามว่าที่ซื้อมาส่วนหนึ่งเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ตกรุ่น เช่นรถถัง รถรบจากยูเครน ขายไม่ออก เอามาแต่งใหม่ ขายให้ประเทศไทย เพราะที่อื่นไม่ยอมซื้อไปให้สนิมกิน

สั่งซื้อมาแล้ว ยูเครนส่งให้ไม่ได้ มีปัญหาต่างๆ ก็ยกเลิก ซื้อจากแหล่งใหม่อย่างไม่ต้องห่วงว่าจะใช้การได้ดีหรือไม่ ยิ่งล่าสุดไปซื้อรถรบจากสหรัฐฯ โดยข้อเสนอแถมให้ฟรี 30 คัน เป็นรถรบที่ผู้ผลิตเลิกผลิตตั้งแต่ปี 2014 และมีใช้แค่สหรัฐกับไทย

เราก็ซื้อมาใช้ อ้างความจำเป็นด้านความมั่นคง และทดแทนรถรุ่นเก่าที่ไม่ใช้งานแล้ว ตั้งแต่ซื้อมาหลายสิบปี ไม่มีโอกาสได้ใช้งานจริงจัง ตั้งแต่ยุครัฐประหาร รสช. คมช. และ คสช. ชาวบ้านได้เห็นการเน้นจัดซื้ออาวุธเป็นหลัก เพื่อป้องกันประเทศ

ไม่มีใครว่าถ้าซื้อของที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ คุ้มค่าเงิน และใช้การได้ดีจริง ไม่ใช่การซื้อแบบถูกสงสัยว่ามีอะไรพิสดารแถมมาด้วย และไม่ต้องห่วงว่าจะใช้ได้หรือไม่ เพราะไม่มีศึกเหนือเสือไต้ที่ไหนมาพิสูจน์ว่ารบได้จริงตามคำอ้างและคุ้มค่า

ฝ่ายค้านขาดตัวหลัก พูดจามีน้ำหนัก เพราะพวกหัวกระทิสอบตกด้วยระบบการเลือกตั้งแบบพิสดาร น่าเสียดายที่เป็นเบี้ยหัวแตก ไม่จัดเฉพาะกลุ่มเล็กๆ แต่ข้อมูลเพียบ ใช้เวลานานสำหรับแต่ละคน อภิปรายให้เข้าเป้า จะได้ผลมากกว่า

ถ้าได้พูดสั้นๆ คนละไม่กี่นาที ก็เหมือนแค่เกาให้คันๆ เว้นแต่จะมียุทธการเจาะเรือแป๊ะที่อยู่ในสภาพปริ่มน้ำ ให้รั่วและล่ม โดยต้องลงทุนใช้ปัจจัยแรงหนุนมหาศาล แต่ฝ่าย 3 ลุงก็มีเช่นกัน ได้เปรียบทุกอย่าง แถมมีเสียงร่ำลือเรืองตกเขียวมัดจำไว้แล้ว

เอาเป็นว่างานนี้ฝ่ายค้านชกลมดูท่าทีไปก่อน แล้วค่อยเล่นลูกหนักในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้ามีทีเด็ดจริง และวันนั้นมาถึง แต่วันนี้ ชาวบ้านคงไม่หวังอะไร นอกจากเตรียมตัวหาเงินมาเสียภาษีเพื่อใช้คืนหนี้สินประเทศที่จะต้องเพิ่มทุกปี

ต้องไม่ลืมว่านี่คือคณะนักกู้สิบทิศ 360องศา กู้จากทุกแหล่งที่ขวางหน้า!


กำลังโหลดความคิดเห็น