ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีผู้เชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่เคยเห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา มีนิสัยชอบหยามเหยียดผู้ที่ต่ำต้อยด้อยกว่า เป็นเจ้านายที่ข่มขู่ลูกน้อง เป็นนักโกหกเพื่อเอาตัวรอดตัวยง กำลังเผชิญชะตากรรมที่น่าจะลงเอยด้วยความอัปยศ
และทรัมป์น่าจะรู้ซึ้งที่สุดด้วยตัวเองว่าเป็นอย่างไร เมื่อถูกทรยศหักหลังโดยคนที่ตัวเองเคยคบหา เป็นเพื่อนร่วมงาน และผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และทำให้ตัวเองต้องลำบาก
ไม่กี่วันก่อน ทรัมป์ถูกกองกำลังรบชาวเคิร์ดในซีเรียประณามว่าเป็นคนทรยศ หักหลังพันธมิตรร่วมรบ ร่วมเป็นร่วมตาย สละชีวิตกว่า 1 หมื่นคน บ้านแตกสาแหรกขาดในการต่อสู้กับขบวนการกองทัพไอซิส ทำให้เคิร์ดต้องหาเพื่อนใหม่เพื่อความอยู่รอด
นั่นคือซีเรียและรัสเซีย ซึ่งกำลังได้ผลประโยชน์ทุกอย่าง และกำลังพิสูจน์ให้ชาวเคิร์ดได้เห็นว่าเป็นเพื่อน พันธมิตรที่น่าเชื่อถือ ไม่ใช่เพียงเป็นเพื่อนชั่วคราว เมื่อหมดงานแล้วก็ละทิ้ง เอาตัวรอดเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง คนอเมริกันก็รู้ว่าเสียหายมากแค่ไหน
จากนี้ไป จะหวังให้ชาติอื่นๆ มองว่าอเมริกาเป็นมิตรแท้ ไว้ใจได้ น่าเชื่อถือ คงเป็นไปได้ยาก แม้แต่พรรครีพับลิกันที่เคยหนุนทรัมป์ ยังโกรธจัด เพราะมองว่าทรัมป์พลิกแพลงนโยบาย พลิกลิ้น จนยากที่จะทำให้การฟื้นฟูความน่าเชื่อถือเป็นไปได้ง่ายๆ
นั่นเป็นเรื่องต่างประเทศ ภายในประเทศ สถานการณ์ปัญหาส่วนตัวของทรัมป์จัดอยู่ในขั้นวิกฤต เมื่อกระบวนการไต่สวนถอดถอนผู้นำทำเนียบขาวกำลังมีพยานสำคัญหลายคน เป็นอดีตนักการทูตได้ทยอยให้ปากคำต่อคณะกรรมการของสภาคองเกรส
เป็นโอกาสงามสำหรับอดีตข้าราชการ นักการทูต และผู้เคยทำงานกับทรัมป์ ได้เปิดโปงให้สังคมอเมริกันได้รับรู้ว่าผู้นำห้าว กร้าว กร่าง อารมณ์แปรปรวน มีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างงานของรัฐและธุรกิจครอบครัวนั้นได้เป็นไปอย่างซับซ้อนต่อเนื่องอย่างไร
การให้ปากคำของคนเหล่านี้แหละ ที่กำลังทำให้ทรัมป์อยู่ในสภาพเหมือนธาตุไฟแตก สติหลุดจากขั้ว ออกอาการฟาดงวงฟาดงา ด่ากราดไปทั่ว ใครเข้าหน้าไม่ติด แม้แต่ลูกสาวและลูกเขยคนโปรดต้องเก็บปาก เก็บเนื้อเก็บตัว กลัวว่าจะติดร่างแหไปด้วย
คนแรกที่ให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการวันก่อนคือ นางฟิโอนา ฮิลล์ เป็นอดีตที่ปรึกษาด้านเกี่ยวกับรัสเซีย ประจำทำเนียบขาว ได้เปิดเผยว่าทรัมป์ได้มีพฤติกรรม “ผิดกฎหมาย” เกี่ยวโยงกับรัฐบาลยูเครน ซึ่งทรัมป์ต้องการให้เล่นงานคู่แข่งคือ โจ ไบเดน
การให้ปากคำสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมของทรัมป์ในการไม่คำนึงถึงความเสี่ยงในการละเมิดกฎหมาย เอาเรื่องส่วนตัวพัวพันกับเรื่องของรัฐ เพราะทรัมป์ต้องการให้ผู้นำยูเครนและจีนสอบสวนนายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของโจ ไบเดน คู่ชิงเก้าอี้ของทรัมป์
มีอีกหลายราย ดังเช่นอดีตทูตหญิงประจำยูเครน มารี โยวาโนวิช ซึ่งถูกทรัมป์ปลดออกจากตำแหน่งเพราะไม่ให้ความร่วมมือกับทรัมป์ในความพยายามเล่นงานฮันเตอร์ ไบเดน จนผลสุดท้ายทรัมป์ต้องโทรศัพท์คุยกับผู้นำยูเครน มีข้อความผูกมัดทรัมป์
เท่าที่เปิดข้อมูลเบื้องต้น สิ่งที่อดีตทูตประจำยูเครนได้แสดงให้เห็นว่าทรัมป์น่าจะตกที่นั่งลำบาก เพราะยิ่งมีคนให้ปากคำต่อกรรมาธิการ ซึ่งออกหมายเรียกอีกหลายคน จะทำให้ทรัมป์รู้สึกเหมือนบ่วงที่สวมคอเริ่มถูกดึงให้รัดแน่น กระชับเข้าไปทุกขณะ
การตัดสินใจงานต่างประเทศบางอย่างในตะวันออกกลาง และสงครามการค้ากับจีนที่ยังไม่สรุปอย่างเป็นเรื่องเป็นราวถูกมองว่าเป็นประเด็นเบี่ยงเบนความสนใจของคนในสหรัฐฯ เป็นการแย่งชิงพื้นที่ข่าว แต่คงไม่สำเร็จเพราะทรัมป์มีศัตรูเยอะ
ทรัมป์ต้องการให้ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี สอบสวนฮันเตอร์ เพื่อแลกกับการที่ทรัมป์จะได้อนุมัติความช่วยเหลือให้ยูเครน เป็นเงื่อนไขแบบ “หมูไปไก่มา”
บทสนทนา ถอดความมาแล้วได้เป็นพยานสำคัญในการไต่สวนเพื่อการถอดถอน ที่น่าสยดสยองสำหรับทรัมป์ก็คือ พยานรายต่อไปถือว่าสำคัญกว่าที่ผ่านมา นั่นคืออดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคง จอห์น โบลตัน สายเหยี่ยวสุดโต้งที่ทรัมป์ไล่ออกไม่นานมานี้
โบลตันได้รับรู้มาโดยตลอดถึงความพยายามของทรัมป์ที่จะบีบให้นักการทูต และผู้ทำงานด้านต่างประเทศเชื่อมโยงกับยูเครน ได้มีส่วนเล่นงานลูกชาย โจ ไบเดน หวังจะโยงถึงผู้เป็นบิดา โบลตันเคยปรามว่าถ้าเรื่องนี้แตก จะเป็นวิกฤตใหญ่หลวงสำหรับทรัมป์
โบลตันอาจดีใจที่โดนไล่ออก ก่อนที่จะถลำลึก และต้องถูกบีบเพื่อให้ช่วยทรัมป์ดังนั้นความเต็มใจให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการถือว่าเป็นการ “เอาคืน” หลังจากโดนไล่ออก เป็นการฟื้นฟูเกียรติภูมิ ความน่าเชื่อถือในสังคมการเมืองอเมริกันซึ่งตรวจสอบเข้ม
ยังต้องรอว่าโบลตันจะพูดมากแค่ไหน จะเปิดเผยทุกอย่างหรือไม่ เพราะถือว่าเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคง รับรู้ข้อมูลภายในที่เกี่ยวโยงทรัมป์และคนในครอบครัว
ที่น่าสยองขวัญสำหรับทรัมป์ก็คือ คณะกรรมาธิการจะออกหมายเรียกทนายความส่วนตัวคนดังของทรัมป์ คือนายรูดี้ จิวลิอานี ซึ่งปากโป้งโฉ่งฉ่าง เป็นอดีตนายกฯ เมืองนิวยอร์ก ในยุคที่อาคารเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ถูกถล่ม เคยถูกมองว่าน่าจะมีอนาคตไกล
ทนายคนดังน่าจะมีปัญหาเมื่อถูกเปิดโปงว่าเป็นตัววิ่งเต้นหลัก ประสานงานกับยูเครน สุ่มเสี่ยงกับงานผิดกฎหมาย ดังที่นางฟิโอนา ฮิลล์ได้กล่าวถึง และโบลตันก็เตือนเธอว่า พฤติกรรมของจิวลิอานีจะเป็นภัยร้ายแรงเหมือนระเบิดมือทำให้คนตายหมู่ได้
ไม่กี่วันก่อน เพื่อนร่วมงาน 2 คนของจิวลิอานีโดนตำรวจจับกุมในข้อหามีการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และวิ่งเต้นกับคนในรัฐบาลยูเครน ทั้งคู่ถูกรวบตัวก่อนจะเดินทางออกนอกสหรัฐฯ ทำให้จิวลิอานีอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามทรัมป์ ก็ได้รับคำตอบทันควันว่า “ผมไม่รู้ว่าจิวลิอานียังเป็นทนายความของผมหรือเปล่า” สะท้อนให้เห็นการทิ้งเพื่อน ดิ้นรนเอาตัวรอดของทรัมป์
ดูแล้วทรัมป์ท่านผู้นำทำเนียบขาวจอมห้าวต้องอาศัยปาฏิหาริย์เยอะ!