xs
xsm
sm
md
lg

ศาลยืน“ปึ้ง”ผิด-ป่วยมะเร็งรอดคุก คดีคืนพาสปอร์ต“แม้ว”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

วานนี้ (10 ต.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.สนามหลวง องค์คณะชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ ที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีการวม 9 คนออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ คดีออกหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมิชอบ ในคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสุรพงษ์ หรือ ปึ้ง โตวิจักษณ์ชัยกุล อายุ 66 ปี อดีต รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำเลย ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1
คดีนี้ อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องเมื่อเดือน มี.ค.60 ภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติต้นเดือน ก.พ.60 ชี้มูลความผิดทางอาญา นายสุรพงษ์ ที่ได้ลงนามในการพิจารณาออกหนังสือเดินทาง ให้ นายทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 25 ต.ค.54 ทั้งที่ขณะนั้น นายทักษิณ ยังเป็นบุคคลที่ถูกออกหมายจับในคดีร่วมกับนปช. ก่อการร้าย และคดีอาญาอื่นๆ รวมทั้งคดีที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุกแล้ว อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548 ข้อ 21 (2) (3) และ (4) ทำให้กระทรวงการต่างประเทศ เสียหาย
คดีนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 19 มิ.ย61 โดยองค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมาก พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 123/1 ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวที่ผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษให้จำคุกจำเลย เป็นเวลา 2 ปี ขณะที่พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า การกระทำความผิดของจำเลย มีเจตนาช่วยเหลือผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลซึ่งหลบหนี ให้สามารถเดินทางในต่างประเทศได้สะดวก และเป็นผลบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ
ต่อมา นายสุรพงษ์ ได้ยื่นอุทธรณ์คําพิพากษาดังกล่าว ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และเมื่อวานนี้ นายสุรพงษ์ ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา นั่งรถเข็น สวมหน้ากากอนามัย และแว่นตาดำ พร้อมกับสวมหมวกด้วย เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ
ทั้งนี้ องค์คณะชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ 9 คน พิเคราะห์พยานหลักฐานต่างๆ แล้ว เห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลย ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงใน 6 ประเด็นนั้น ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษาว่า นายสุรพงษ์ จำเลย มีความผิด
ส่วนที่จำเลยยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษสถานเบานั้น องค์คณะฯเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการขัดขวางกระบวนการยุติธรรมส่วนหนึ่ง เนื่องจากการกระทำนั้นทำให้นายทักษิณ เกิดความสะดวกในการเดินทางไปทางไปต่างประเทศ ทั้งที่ศาลได้มีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้จำคุกในคดีที่ดินรัชดาภิเษก และในขณะนั้นก็มีหมายจับในคดีอื่นๆ ด้วย จึงไม่มีเหตุลดโทษ
ส่วนที่จำเลยขอให้รอการลงโทษนั้น เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ตามที่จำเลยได้อุทธรณ์ว่า ระหว่างพิจารณาคดีได้ส่งผลต่อสุขภาพ จำเลยมีอาการป่วย เป็นเบาหวาน โรคหัวใจ และไขมันในเลือด รวมทั้งมะเร็ง ซึ่งได้ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองที่คอ และท้อง ขณะเดียวกันจำเลยก็มีอายุมากแล้ว องค์คณะฯ จึงเห็นควรให้โอกาส โดยมีมติเสียงข้างมาก พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 2 ปี โดยโทษจำคุกนั้น รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี แต่ให้มีโทษปรับด้วย เป็นเงิน 100,000 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น