ผู้จัดการรายวัน360- “กระทรวงดีอี” ระส่ำ ข้าราชการวิจารณ์แซ่ด หลัง ครม. มีมติโยกย้ายข้าราชการระดับสูงผิดฝาผิดตัว เด้งเบอร์ 1 ทีเดียว 3 กรมหลัก ทั้งๆที่กำลังทำงานไปได้ด้วยดี ส่งผลให้การบริหารงานชะงักงัน จับตางบฯ ก้อนโตกองทุน สดช.
วานนี้ (10 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ให้โยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ที่มี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เป็นรมว.ดิจิทัลฯ โดยหลายตำแหน่งที่โยกย้ายนั้น ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากข้าราชการอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีลักษณะ "ผิดฝาผิดตัว" ผู้ที่บริหารงานในตำแหน่งเดิมดีอยู่แล้ว และดำรงตำแหน่งมาไม่นาน ควรจะอยู่เพื่อสานงานต่อ กลับถูกโยกย้ายให้ไปอยู่ในตำแหน่งใหม่ ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาการชะงักงัน ทางด้านการบริหารในหน่วยงานที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร อีกทั้งมีการโจษขานด้วยว่า ให้จับตางบประมาณก้อนใหญ่ จะถูกใช้อย่างคุ้มค่า อย่างมีประสิทธิภาพหรือจะรั่วไหลไปเข้ากระเป๋าผู้มีอำนาจบางคนหรือไม่
แหล่งข่าวในกระทรวงดีอีเปิดเผยว่า การโยกย้ายที่ผิดฝาผิดตัวครั้งนี้ ได้แก่ นายภุชพงศ์ โนดไธสง ที่ควรจะเป็น ผอ.สำนักงานสถิติแห่งชาติ ต่อไป กลับถูกโยกไปเป็น รองปลัดกระทรวงฯ ขณะที่ นายภูเวียง ประคำมินทร์ แทนที่จะนั่งอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาต่อไป เพราะเพิ่งเป็นมาได้ 1 ปี และทำงานได้ ก็ถูกโยกไปเป็นรองปลัดฯ แล้วโยก น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ จากรองปลัดฯ มาเป็นอธิบดีกรมอุตุฯแทน รวมทั้งโยก นางปิยนุช วุฒิสอน เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง แล้วให้ นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา จากรองปลัดฯ ไปเป็นเลขาธิการแทน ซึ่งเหมือนกับว่านางปิยนุช ถูกลงโทษ เพราะโดนลดตำแหน่งลง ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความผิด หรือบกพร่องในการบริหารงาน หรืออาจเป็นไปได้ว่า กองทุนพัฒนาดิจิทัลฯ เพื่อเศรษฐกิจและสังคมซึ่งอยู่ในสังกัด มีเงินงบประมาณ 5 พันล้านบาท เป็นเป้าหมายหลักของการโยกย้ายสลับปรับเปลี่ยนบุคคลมาดูแลรับผิดชอบ
"ปัญหาการชะงักงันของการบริหารงานในกระทรวงดีอี ที่ชัดเจนที่สุด ก็คือ คนที่เข้ามา เป็นอธิบดีกรมอุตุฯ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติฯ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลฯ จะต้องเริ่มต้นเรียนรู้งานกันใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สํานักงานสถิติฯ มีโครงการใหญ่ คือ การจัดทำสำมะโนประชากร จะต้องมีการวางแผน ให้ดี ใช้จ่ายเงินหลายร้อยล้านบาทให้คุ้มค่า รวมทั้งงบลงทุนระบบต่างๆ มีเป็นร้อยล้านบาท นอกจากนี้บางคนควรย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง แต่กลับไม่ได้ย้าย” แหล่งข่าว ระบุ
วานนี้ (10 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ให้โยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ที่มี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เป็นรมว.ดิจิทัลฯ โดยหลายตำแหน่งที่โยกย้ายนั้น ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากข้าราชการอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีลักษณะ "ผิดฝาผิดตัว" ผู้ที่บริหารงานในตำแหน่งเดิมดีอยู่แล้ว และดำรงตำแหน่งมาไม่นาน ควรจะอยู่เพื่อสานงานต่อ กลับถูกโยกย้ายให้ไปอยู่ในตำแหน่งใหม่ ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาการชะงักงัน ทางด้านการบริหารในหน่วยงานที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร อีกทั้งมีการโจษขานด้วยว่า ให้จับตางบประมาณก้อนใหญ่ จะถูกใช้อย่างคุ้มค่า อย่างมีประสิทธิภาพหรือจะรั่วไหลไปเข้ากระเป๋าผู้มีอำนาจบางคนหรือไม่
แหล่งข่าวในกระทรวงดีอีเปิดเผยว่า การโยกย้ายที่ผิดฝาผิดตัวครั้งนี้ ได้แก่ นายภุชพงศ์ โนดไธสง ที่ควรจะเป็น ผอ.สำนักงานสถิติแห่งชาติ ต่อไป กลับถูกโยกไปเป็น รองปลัดกระทรวงฯ ขณะที่ นายภูเวียง ประคำมินทร์ แทนที่จะนั่งอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาต่อไป เพราะเพิ่งเป็นมาได้ 1 ปี และทำงานได้ ก็ถูกโยกไปเป็นรองปลัดฯ แล้วโยก น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ จากรองปลัดฯ มาเป็นอธิบดีกรมอุตุฯแทน รวมทั้งโยก นางปิยนุช วุฒิสอน เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง แล้วให้ นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา จากรองปลัดฯ ไปเป็นเลขาธิการแทน ซึ่งเหมือนกับว่านางปิยนุช ถูกลงโทษ เพราะโดนลดตำแหน่งลง ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความผิด หรือบกพร่องในการบริหารงาน หรืออาจเป็นไปได้ว่า กองทุนพัฒนาดิจิทัลฯ เพื่อเศรษฐกิจและสังคมซึ่งอยู่ในสังกัด มีเงินงบประมาณ 5 พันล้านบาท เป็นเป้าหมายหลักของการโยกย้ายสลับปรับเปลี่ยนบุคคลมาดูแลรับผิดชอบ
"ปัญหาการชะงักงันของการบริหารงานในกระทรวงดีอี ที่ชัดเจนที่สุด ก็คือ คนที่เข้ามา เป็นอธิบดีกรมอุตุฯ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติฯ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลฯ จะต้องเริ่มต้นเรียนรู้งานกันใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สํานักงานสถิติฯ มีโครงการใหญ่ คือ การจัดทำสำมะโนประชากร จะต้องมีการวางแผน ให้ดี ใช้จ่ายเงินหลายร้อยล้านบาทให้คุ้มค่า รวมทั้งงบลงทุนระบบต่างๆ มีเป็นร้อยล้านบาท นอกจากนี้บางคนควรย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง แต่กลับไม่ได้ย้าย” แหล่งข่าว ระบุ