xs
xsm
sm
md
lg

สงครามการค้าในสไตล์กังฟู ไฟท์ติ้ง!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท






วันนี้...สงสัยคงหนีไม่พ้นต้องย้อนกลับไปฟังเรื่องซ้ำๆ ซากๆ กันอีกสักรอบ คือเรื่อง “สงครามการค้า” ระหว่างคุณพ่ออเมริกากับคุณพี่จีนนั่นแหละทั่น ที่ลากยาวว์ว์ว์ “ลองมาร์ช” กันมาเป็นปีๆ ก็ยังหาข้อยุติ จุดลงตัวกันไม่ได้จนบัดนี้ และในช่วงวัน-สองวันนี้ (10-11 ต.ค.) เลยต้องลองตั้งโต๊ะเจรจารอบใหม่กันดูอีกที ฝ่ายจีนที่นำโดย “นายหลิว เหอ” รองนายกรัฐมนตรี จึงยกขบวนไปเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ กับฝ่ายอเมริกาที่นำโดยรัฐมนตรีคลัง “นายสตีเวน มนูชิน” โดยจะส่งผลให้เกิดอาการ “จ๊ะๆ จ๊าๆ” หรือ “เจี๊ยะบ่อโล๊ะ” เจี๊ยะไม่ลงกันหรือไม่ ประการใด คงต้องคอยจับตาให้ความสำคัญเอาไว้มั่งไม่มากก็น้อย เพราะย่อมมีส่วนเกี่ยวพันกับความเฮง ความซวย ของบรรดา “หญ้าแพรก” ทั้งหลาย อย่างมิอาจปฏิเสธ...

คือถ้าดูจากลักษณะอาการโดยทั่วไป...แนวโน้มการเจรจาดูๆ น่าจะออกไปทาง “ไปไหนมา-สามวาสอ/ศอก” กันอีกนั่นแหละทั่นเพราะอย่างที่เคยว่าเอาไว้แล้วว่า มันคงไม่ใช่แค่เรื่อง “ความขัดแย้งทางการค้า” ระหว่างจีนและอเมริกาเท่านั้น แต่ถือเป็น “ความขัดแย้งทางยุทธศาสตร์” ระหว่างสองพี่เบิ้มใหญ่ สองหัวขบวนเศรษฐกิจของโลกทั้งโลก ที่มองความเป็นไปของโลกในลักษณะผิดแผกแตกต่างไปจากกัน ชนิดคนละเรื่อง คนละม้วน คนละเวอร์ชั่น และต่างพร้อมหันหน้าไปคนละทาง สร้างดาวกันคนละดวง พร้อมช่วงชิงไปสู่สวรรค์ ชนิดใครไม่ทันเป็นคนหลงทาง อะไรประมาณนั้น...

ยิ่งก่อนหน้าเจรจาแค่ไม่กี่วัน...กระทรวงพาณิชย์อเมริกา ดันไปขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์บริษัทจีนถึง 28 บริษัท ในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ ในแถบมณฑลซินเจียงซะอีกต่างหาก อันแทบไม่ต่างไปจากการละเมิด “กิจการภายใน” แบบชนิดโต้งๆ โจ้งๆ หรือไม่ต่างไปจากการงัดเอา “ไพ่ตาย” หรือ “ไพ่โจ๊ก” ออกมาทิ้งไว้กลางวง โอกาสที่อาจต้อง “ล้มโต๊ะ” จึงออกจะมีอยู่สูงเอามากๆ แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าดูจากคำพูด คำจา ของที่ปรึกษาเศรษฐกิจประธานาธิบดีสหรัฐฯ “นายแลร์รี่ คัดโลว์” ที่พูดไว้แบบชนิดต้องแปลความ ตีความประมาณ 2 ชั้น 3 ชั้น เป็นอย่างน้อย คือบอกว่าการเจรจาคราวนี้อาจมี “ความน่าประหลาดใจ” หรือมี “เซอร์ไพรส์ในทางบวก” อันคงต้องเก็บเอามาคิดๆ ไว้มั่งเหมือนกัน ว่าอะไรกันแน่!!! ที่อาจนำไปสู่ความเซอร์ไพรส์ในลักษณะที่ว่า...

โดยถ้าว่าจากแนวโน้มสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่ลากยาวว์ว์ว์กันมาเป็นปีๆ ยาวมาถึงจังหวะที่ใกล้จะถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกันรอบใหม่อีกไม่นานนับจากนี้ คงปฏิเสธไม่ได้นั่นแหละว่า...ย่อมส่งผลให้ต่างฝ่ายต่างเจ็บปวดรวดร้าว หรือต่างฉิบหายไปด้วยกันทั้งคู่ แต่ความเจ็บของอเมริกา โดยเฉพาะความเจ็บของผู้นำอเมริกัน อย่าง “ทรัมป์บ้า” ยังไงๆ...ย่อมต้องหนักหนาสาหัสกว่าความเจ็บของผู้นำจีน อย่าง “สี จิ้นผิง” หรือ “สีทนได้” อยู่แล้วแน่ๆ เพราะโอกาสที่จะอาศัย “จุดขาย” ในเรื่องเศรษฐกิจที่ว่ากันว่าแข็งแกร่ง มั่นคงอย่างที่ไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ มาโฆษณาหาเสียงแบบเดิมๆ หรือแบบเท่าที่เคยเป็นมา นับวัน...ยิ่งทำท่าว่าน่าจะขายไม่ออก ขายไม่ได้ หนักยิ่งขึ้นทุกที เพราะโดยข้อมูล ตัวเลขสถิติ ดัชนีชี้วัดต่างๆ มันดูจะออกไปทาง “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” อย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...

โดยเฉพาะ “ตัวเลขการจ้างงาน” คราวล่าสุด...ที่เพิ่งสรุปเอาไว้เมื่อช่วงปลายเดือนกันยาฯ ที่ผ่านมานี้เอง อย่างที่นักคิด นักเขียน นักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจ “นายเดวิด พี.โกลด์แมน” (David P.Goldman) ได้แจกแจงไว้ในข้อเขียน บทความเรื่อง “Slowingjob growth mean trouble for Trump” ในสำนักข่าวเอเชียไทมส์ ออนไลน์ และเว็บไซต์ “ผู้จัดการ” ได้ถ่ายทอดเอาไว้เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมานั่นแหละว่า ถือเป็นตัวเลขการจ้างงานที่ต่ำสุดในรอบ 7 ปี เอาเลยก็ว่าได้ แม้แต่ตัวเลขดัชนีผลสำรวจอุตสาหกรรมคราวล่าสุด เมื่อเดือนกันยายนอีกเช่นกัน ผลผลิตอุตสาหกรรมที่เหลืออยู่แค่ 12 เปอร์เซ็นต์ ของตัวเลขจีดีพียิ่งถือเป็นตัวสะท้อนอนาคตเศรษฐกิจอเมริกาที่ออกไปทาง “ถดถอย” อย่างมิอาจปฏิเสธ...

และคงไม่ใช่แต่หลักฐาน ตัวเลขสถิติ ที่ “นายเดวิด พี.โกลด์แมน” นำมาเปิดเผยไว้เท่านั้น โดยการรวบรวมตัวเลขสถิติ ที่นักเขียน นักวิเคราะห์เศรษฐกิจอีกรายหนึ่ง คือ “นายไมเคิล สไนเดอร์” (Michael Snyder) นักพยากรณ์เศรษฐกิจระดับแนวหน้าผู้เขียนหนังสือเรื่อง “The Beginning of the End” อันโด่งดัง ได้แจกแจงไว้ในบทความเรื่อง “Recession:12 Big Companies Conducting Major Layoffs” ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี่เอง ถือเป็นหลักฐาน ข้อพิสูจน์ ที่ยังไงๆ ก็น่าจะเถียงไม่ออก ว่าอย่างน้อย...บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับบิ๊กๆ ของอเมริกา ไม่น้อยกว่า 12 บริษัท ต่างต้องหันมา “เลย์ออฟ” หรือหันมาเลิกจ้างพนักงานของบริษัท ในชนิดแทบไม่ต่างไปจากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี ค.ศ.2008-2009 หรือช่วงที่เรียกๆ กันว่า “วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์” นั่นแล...

มีทั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ อย่าง “HP Inc.” ที่ต้องตัดสินใจเลย์ออฟพนักงานระดับเหยียบหมื่นๆ คน บริษัท “WeWork” ที่หันมาเฉือนเนื้อพนักงานลูกจ้าง ด้วยการปลดออกถึง 5,000 ตำแหน่ง หรือ 1 ใน 3 ของจำนวนพนักงานในบริษัท ไปจนบริษัท “Kroger”, “Sports Illustrated”, “Uber”, “Daimler”, “John Deere”, “Bayou Steel Group”, “Elanco Animal Health Inc,” ฯลฯ และอะไรต่อมิอะไรอีกชนิดเป็นแถบๆ ที่ต่างต้องหันมาปลดคนงาน ลดตำแหน่งงาน ลดแผนการลงทุนในอนาคต จนทำให้นักวิเคราะห์และนักพยากรณ์เศรษฐกิจ อย่าง “นายไมเคิล สไนเดอร์” อดไม่ได้ที่จะต้อง “ฟันธง” แบบชนิดเต็มผืน เต็มด้าม ว่าไม่ว่าจะมองในแง่แม็คโคร หรือไมโคร ก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ...กำลังดำดิ่ง เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ หรือเข้าสู่ช่วง “Bull Market” อย่างชนิดไม่อาจแก้ไข เยียวยา ได้อีกต่อไปแล้ว หรือเป็นช่วงที่ต้อง “ขอความกรุณารัดเข็มขัด” กันซะแต่เนิ่นๆ...

และอาจด้วยภาวะเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่าง “นายแลร์รี่ คัดโลว์” เลยต้องหันมาเอ่ยถึง “ความน่าประหลาดใจในทางบวก” ที่อาจทำให้การเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ การเจรจาทางการค้าระหว่างจีนกับอเมริกา ในสงครามการค้าที่ยืดเยื้อมาเป็นปีๆ อาจมีอะไร “เซอร์ไพรส์” ขึ้นมาได้มั่งก็ไม่แน่ เพื่อนำไปสู่การกลับมาเป็นประธานาธิบดีรอบใหม่ของ “ทรัมป์บ้า” หลังจากที่เคย “หักปากกาเซียน” มาได้ในรอบที่แล้ว โดยถ้าหากทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปในแนวนี้...ก็คงต้องยอมรับนั่นแหละว่า เมื่อรวบรวมคะแนนจากกรรมการข้างเวที หลังการชก 12 ยก ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มวยกังฟูจากจีน อย่างคุณพี่ “สี จิ้นผิง” น่าจะเป็นฝ่ายได้รับการชูมือ ด้วยคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น