เมื่อ “กรรม” ติดจรวด!!!

ระหว่างที่ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” กำลังต้องเจอกับกระบวนการ “Impeachment” หรือกระบวนการถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดีโดยพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม “คู่หู-คู่ฮา” อย่างนายกรัฐมนตรี “เนทันยาฮู” แห่งอิสราเอล ก็หนีไม่พ้นต้องเจอกับกระบวนการ “Indictment” หรือกระบวนการฟ้องร้องโดยอัยการอิสราเอลด้วยข้อหาทุจริตประพฤติมิชอบถึง 3 กรณีซ้อนๆ ด้วยกัน เฮ้ออ์อ์อ์...อะไรมันจะ “กรรมติดจรวด” ไปได้ชนิดหนักหน่วง รุนแรง และรวดเร็วถึงปานนั้น!!!

สำหรับกระบวนการถอดถอนผู้นำอเมริกานั้น...แม้ว่าอาจหลุดรอดเงื้อมมือ แหกตาข่ายฟ้าไปได้ไม่ยาก โดยเฉพาะในขั้นตอนที่ต้องขึ้นสู่การใคร่ครวญพิจารณาของสภาสูง หรือวุฒิสภา ด้วยเสียงส่วนใหญ่ หรือเสียงข้างมาก ที่ยังคงเป็นของพรรครัฐบาลอย่างพรรครีพับลิกันไม่ใช่เดโมแครต ยังไงๆ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะรอดปากเหยี่ยว ปากกา อยู่แล้วแหงมๆ แต่ก็นั่นแหละ...ในแง่ของ “กรรม” แล้ว ย่อมเป็นอะไรที่ออกจะหนักหนาสาหัสอยู่ดีนั่นเอง ไม่งั้น...ประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ คงไม่หันไปคว้าเอาคำพูด คำจา ของ “นักเทศน์” ทางทีวีอย่าง “นายโรเบิร์ต เจฟเฟรส” (Robert Jeffress) มา “ทวีต” หรือมาขยายความต่อให้บรรดาชาวอเมริกันชนต้อง “ขนหัวลุก” กันไปแถบๆ นั่นคือคำพูดที่ว่า... “ถ้าหากเดโมแครตประสบความสำเร็จในการถอดถอนประธานาธิบดี ผมเกรงว่าจะเป็นเหตุให้เกิด...สงครามกลางเมือง!!! อันเป็นความแตกแยกของชาติระดับมิอาจเยียวยาได้เลย”...

จริง-ไม่จริง...เว่อร์-ไม่เว่อร์ อันนั้น...คงต้องเก็บไปคิดเอาเองก็แล้วกัน แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ยังไงๆ ย่อมต้องส่งผลต่อการเลือกตั้งผู้นำอเมริการอบใหม่ ซึ่งกำลังจะมาถึงในอีกไม่นาน-ไม่ช้า และคงไม่ใช่ผลในทาง “บวก” ต่อสถานะ ตำแหน่งประธานาธิบดีของ “ทรัมป์บ้า” มากมายสักเท่าไหร่นัก เพราะไม่ใช่แค่ต้องรับมือกับการไล่บด ไล่บี้ ทางการเมือง ชนิดหายใจ-หายคอ แทบไม่ทัน หรือระดับที่ตัวเองต้องใช้คำนิยามว่า “สงคราม” เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่เพราะสิ่งที่เคยหยิบมาใช้เป็น “จุดขาย” อย่างเรื่องเศรษฐกิจ เอาไป-เอามาแล้ว...ก็ชักทำท่าว่าเริ่ม “ขายไม่ออก” หรือ “ขายยาก” ยิ่งเข้าไปทุกวัน เนื่องจากข้อมูล ตัวเลข และดัชนีต่างๆ ดูๆ มันจะชี้ไปในทางส่อให้เห็นถึง “จุดเริ่มต้นของภาวะถดถอย” ของเศรษฐกิจอเมริกา ชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที...

ส่วน “คู่หู-คู่ฮา” อย่างนายกรัฐมนตรี “บีบี้” (Bibi) หรือ “เบนจามิน เนทันยาฮู” แห่งอิสราเอลนั้น...ก็ดูจะบุบๆ บี้ๆ ไม่น้อยไปกว่ากัน เผลอๆ...อาจหนักกว่าไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า เพราะเมื่อถึง ณ ขณะนี้ หรือเมื่อหลัง “เลือกตั้งครั้งที่ 2” ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว ก็ยังคง “จัดตั้งรัฐบาล” ขึ้นมาใหม่ไม่ได้อยู่ดี ไม่เพียงต้องแพ้พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม อย่างพรรค “ฟ้า-ขาว” (Blue and White) แบบหวุดๆ หวิดๆ แต่ยังไม่อาจอาศัยตบะ บารมี รวบรวมเสียงในสภาฯ ให้เกินครึ่ง (61 เสียง) ได้อีกต่างหาก ด้วยเหตุเพราะ “พิเชษฐ สถิรชวาลแห่งอิสราเอล” หรืออดีตรัฐมนตรีกลาโหม “นายเอวิกดอร์ ลีเบอร์แมน” แห่งพรรค “Yisrael Betenu” ท่านยังคงนั่งยัน นอนยัน อยากจะเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” ซะเหลือเกิน ไม่คิดจะเอาทั้ง “เนทันยาฮู” แห่งพรรคลิคุด และไม่เอาทั้งนายพล “เบนนี แกนตซ์” แห่งพรรคฟ้า-ขาว แม้พยายามเจรจากับพรรคต่างๆ เพื่อจัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” ขึ้นมาแทนที่ แต่ไปๆ-มาๆ ก็ยังคงไม่คืบหน้า ไม่ไปไหนสักกะที ยังไปไหนมาสามวา-สองศอก จน ณ วินาทีนี้ และที่ต้องหนักยิ่งขึ้นไปอีก...ก็คือได้เวลาที่ต้องเจอกับกระบวนการฟ้องร้องเอาผิด กรณีการทุจริต คอร์รัปชัน รับสินบาทคาดสินบนถึง 3 กรณีด้วยกัน โดยวันที่ 2 และ 4 ตุลาคมนี้แล้วที่จะต้องขึ้นศาล ต้องเริ่มเปิดฉากการรับฟังหลักฐานเบื้องต้นก่อนเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้อง เลยได้แต่อาศัยตบะ บารมี ซึ่งยังหลงเหลือติดปลายนวมอยู่มั่ง ยืดเวลาออกไปได้อีกแค่ไม่กี่อึดใจ แต่สุดท้าย...ย่อมหนีไม่พ้น “กรรม” ซึ่งขี่จรวดไล่ตามมาติดๆ...

และไม่เพียง “คู่หู-คู่ฮา” ผู้ถนัดในการ “ป่วนโลก” จำนวน 2 รายนี้เท่านั้น...กระทั่ง “คู่โหน” ที่พร้อมจะไปไหน-ไปกันกับอเมริกาและอิสราเอล อย่างมกุฎราชกุมาร เจ้าชาย “MbS” (Mohammed bin Salman) แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ช่วงนี้ก็หนีไม่พ้นต้องเจอ “กรรม” แบบเน้นๆ เนื้อๆ อีกเช่นกัน ไม่เพียงถูก “กบฏเยเมน” ถล่มจรวดใส่คลังน้ำมัน ชนิดผลผลิตหายไปกว่าครึ่งประเทศเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ล่าสุด...กรณีการฆาตกรรมองครักษ์พิทักษ์กษัตริย์ซาอุฯ “พลตรีAbdulaziz al-Fagham” เมื่อช่วงวัน-สองวันนี่เอง ก็ชักเป็นอะไรที่บานปลาย ปลายบานยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้หยุดยั้ง ยุติตามข้อสรุปอย่างเป็นทางการ ว่าเป็นเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งธรรมดาๆ แต่เพียงเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อสมาชิกแห่งราชวงศ์ “อัล-ซาอุด” ด้วยกันเอง อย่างเจ้าชาย “Khalid bin Farhan al-Saud” ผู้นิราศลี้ภัยไปอยู่เยอรมนีมานานแล้ว ได้ออกมา “ทวีต” ยืนยัน-นั่งยันว่า นี่คือการ “ลอบสังหาร” ทางการเมืองอย่างไม่มีทางเป็นอื่น แถมยังขยายความไว้ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า มกุฎราชกุมาร “MbS” ได้ร่วมมือกับหน่วยงานข่าวกรองอเมริกันอย่าง “CIA” เพื่อหาทางกำจัดองครักษ์และผู้จงรักภักดีต่อกษัตริย์ “ซัลมาน” ให้เกลี้ยงไปเป็นแถบๆ แล้วเปิดทางให้หน่วยทหารรับจ้างที่เรียกๆ กันว่า “Black Water” เข้าไปแทนที่แวดล้อมองค์กษัตริย์ผู้เป็นพระราชบิดาของตัวเอง โดยหวังจะสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์กันแทนที่ในเร็วๆ นี้ หรือตามข้อความที่ว่า “อีกไม่นาน-ไม่ช้า...เราคงได้เห็นประจักษ์พยาน ว่าผู้ทรยศ (ต่อกษัตริย์ซัลมาน) จะออกมาแนะนำตัวเองว่าเขาคือกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย...”

จริง-ไม่จริง...อันนี้คงต้องฟังหู-ไว้หู แต่ที่แน่ๆ ก็คือ มันคงไม่ต่างอะไรไปจาก “กรรม” กันอีกนั่นแหละทั่น ที่ได้ส่งผลให้บรรดาผู้ซึ่งสร้างเวร สร้างกรรม ให้โลกทั้งโลกต้องปั่นป่วน สับสนวุ่นวายมาโดยตลอด เลยมีอันต้องเจอกับ “กรรมติดจรวด” เรียงกันไปเป็นลูกระนาด ไล่มาตั้งแต่ “ทรัมป์บ้า” ผู้หันไปถีบที่ปรึกษาตัวเอง อย่าง “จอห์น โบลตัน” ให้ต้องรับกรรมไปแล้วก่อนหน้านี้ ตามด้วย “เนทันยาฮู” ไปจนถึงเจ้าชาย “MbS” โดยที่ผู้ร่วมสร้างกรรมอย่างเจ้าชาย “MbZ” แห่งสาธารณรัฐยูเออี โดดหนีไปได้แบบหวุดๆ หวิดๆ ปัญหาจึงอยู่ที่ว่านับจากนี้แต่ละรายจะแก้กรรม สแกนกรรมกันไปในลักษณะไหน จะหันมาสู่ครรลอง-คลองธรรมหันมาสู่ “สันติภาพ” แทนที่จะหันไปกระเหี้ยนกระหือรือกับ “สงคราม” อย่างแต่ก่อน หรือไม่ อย่างไร นั่นคงต้องคอยติดตามกันดูอีกที เพราะถ้าว่ากันตาม “ข่าวล่า-มาเรือ” ดูเหมือนว่า...การหันมาสู่หนทางที่ว่านี้ ทำท่าว่าน่าจะเริ่มๆขึ้นมามั่งแล้ว โดยเฉพาะรายของซาอุดีอาระเบีย ที่นายกรัฐมนตรีอิรัก “นายAdel Abdul Mahdi” ได้ออกมาให้สัมภาษณ์หลังการเดินทางไปเยือนราชอาณาจักรแห่งนี้เมื่อไม่กี่วันนี่เอง ว่าซาอุฯ ปรารถนาจะลดความตึงเครียดในภูมิภาคด้วยการ “อยู่ร่วมโดยสันติกับอิหร่าน” ขณะที่ฝ่ายอิหร่านโดยโฆษกรัฐบาลได้แสดงท่าทีตอบรับด้วยความยินดี เพียงแต่ยังคงขออนุญาตทวงถาม “สัญญาณที่ชัดเจน” นั่นคือ...การ “ยุติสงครามเยเมน” ลงไปให้จงได้!!! และคงภายในเดือนนี้นั่นแหละทั่น ระหว่างการเดินทางไปเยือนราชอาณาจักรซาอุฯ อย่างเป็นทางการ ของ “ผู้ใฝ่สันติภาพ” อย่างผู้นำรัสเซีย คงพอได้รู้ๆ กันมั่งว่า จะเกิดรายการแก้กรรม สแกนกรรมกันไปในลักษณะไหน...