xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**จาก How Dare You “พวกคุณกล้าดียังไง” สุนทรพจน์ ร้อนๆ ของสาวน้อย “เกรตา”ต่อผู้นำทั่วโลกในเวทียูเอ็น มาสู่ดรามา “หม่อมปลื้ม”ที่ "ไม่ปลื้ม" มองขวางโลกว่าก็แค่ “เด็กสาวที่โดนล้างสมองเรื่องสิ่งแวดล้อม” งานนี้เรียกแขกตรึม
คลิปวิดีโอสุนทรพจน์ของ"เกรตา ทุนเบิร์ก" สาวน้อยวัย 16 นักเคลื่อนไหวด้านสภาพอากาศชาวสวีเดน ที่พูดต่อหน้าผู้นำโลกในการประชุมสหประชาชาติ ซึ่งจัดขึ้นที่นิวยอร์ก สหรัฐฯ ที่ “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย เมื่อวันที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา กำลังเป็นเรื่องดรามาในสังคมโลก รวมถึงที่ไทยด้วย ...
ส่วนใหญ่คนที่ดูคลิป จะชื่นชม "ทุนเบิร์ก"... ภาพที่เธอกล่าวด้วยท่าทาง แววตาเต็มไปด้วยอารมณ์ และพลังว่า “พวกคุณขโมยความฝันและความเป็นเด็กของดิฉันด้วยคำสัญญาที่ว่างเปล่า”และเสริมต่อว่า “สายตาของคนรุ่นใหม่กำลังเฝ้าจับตาพวกคุณอยู่ และหากว่าพวกคุณยังคงเลือกที่จะสร้างความผิดหวังให้กับพวกเราอีก ดิฉันขอกล่าวว่าพวกเราจะไม่มีวันให้อภัย พวกเราจะไม่ปล่อยให้พวกคุณลอยนวล ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ ที่พวกเราจะขีดเส้นตาย" เป็นภาพที่สื่อได้ดีว่า เด็กสาวคนนี้มุ่งมั่นแค่ไหน...
ขณะที่หลายคนชื่นชมสาวน้อยทุนเบิร์ก แต่ "หม่อมปลื้ม" หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล กลับ “ไม่ปลื้ม”มองแตกต่างออกไปโดยระบุผ่านในรายการที่เขาจัด ทางช่อง Voice TV ว่า เด็กสาวที่ชื่อ เกรตา นั้นเป็นได้แค่ตัวอย่างของ“เด็กสาวที่โดนล้างสมองในเรื่องของสิ่งแวดล้อม”เท่านั้น...
พร้อมกันนี้ หม่อมปลื้ม ยังบอกอีกว่า เธอเข้าใจผิดทั้งหมด ธรรมชาติไม่ได้เป็นเจ้าของโลกใบนี้ มนุษย์ต่างหากที่เป็นเจ้าของ เพราะมนุษย์นั้น มีสติสัมปชัญญะ มีศักยภาพในการครอบครอง และบุกเบิกทรัพยากร จากดาวดวงอื่นๆ ในระบบสุริยจักรวาล โดยยกเอาหนัง "Ad Astra"ที่กำลังเข้าฉายมาเป็นตัวอย่าง
พอคำวิจารณ์ของ "หม่อมปลื้ม" ออกสื่อไป ก็ไม่น่าแปลกใจที่จะ “เรียกแขก”ได้ตรึม โดยเฉพาะชาวเน็ต บ้างก็ว่า“ตรรกะป่วย”ใครกันแน่ที่ชอบล้างสมองคนอื่น...
"หม่อมปลื้ม"จะวิจารณ์ยังไง โดนคนอื่นวิจารณ์บ้าง ก็เป็นเรื่องนานาจิตตัง แต่ลองมารู้จักสาวน้อยนักเคลื่อนไหวด้านสภาพอากาศ ชาวสวีเดน "เกรตา ทุนเบิร์ก" คนนี้ จะรู้ว่า ไม่ธรรมดา เธอเพิ่งได้รับรางวัล ไรท์ ไลฟ์ลิฮูด (Right Livelihood Award) หรือที่เรียกกันว่า “รางวัลโนเบลทางเลือก”ของมูลนิธิไรท์ ไลฟ์ลิฮูด ได้รับยกย่องว่า เป็นคนที่กระตุ้น และขยายเสียงเรียกร้องทางการเมืองให้มีการจัดการด้านสภาพอากาศที่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์โดยเร่งด่วน...
นอกจาก"ทุนเบิร์ก" แล้ว ไรท์ ไลฟ์ลิฮูด ยังมอบแก่ "อมีนาตู ไฮดาร์" นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนชาวซาห์ราวี ทนายความ"กั่ว เจี้ยนเม่ย" ที่บุกเบิกทำงานเพื่อสิทธิของผู้หญิงในจีน และทำมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และ สมาคม Hutukara Yanomami Association ในบราซิล "ดาวี โคเปนนาวา" ประธานสมาคมฯ สำหรับความมุ่งมั่นอย่างกล้าหาญที่จะปกป้องป่า และความหลากหลายทางชีวภาพในแอมะซอน รวมทั้งที่ดิน และวัฒนธรรมของชนพื้นเมือง...
รางวัลไรท์ ไลฟ์ลิฮูด ถูกก่อตั้งในปี 1980 โดยนักชีววิทยาชาวเยอรมันเชื้อสายสวีเดน "ยาคอบ ฟอน อึกซ์คึล" หลังจากมูลนิธิโนเบล ปฏิเสธที่จะสร้างรางวัลสำหรับความพยายามในด้านสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาระหว่างประเทศ
รางวัลดังกล่าว มีเงินรางวัลมูลค่า 1 ล้านโครเนอร์ (ราว 103,000 ดอลลาร์) สำหรับผู้รับรางวัลแต่ละคน เพื่อที่จะสนับสนุนงานของพวกเขา
การเคลื่อนไหวด้านสภาพอากาศทั่วโลกของ ทุนเบิร์ก “Fridays for Future” เริ่มต้นในเดือนสิงหาคมปี 2018 เมื่อเธอเริ่มต้นด้วยการนั่งตัวคนเดียวนอกรัฐสภาสวีเดน พร้อมกับป้ายของเธอที่เขียนว่า “หยุดเรียนเพื่อประท้วงสภาพอากาศ”
ข้อความดังกล่าวสร้างแรงกระเพื่อมไปถึงเยาวชนทั่วโลก เมื่อคนกว่า 4 ล้านคน ออกมาเดินถนนในกว่า 150 ประเทศ เพื่อร่วมการประท้วง“Global Climate Strike”เรียกร้องให้นักการเมืองจัดการกับภัยพิบัติด้านสภาพอากาศ...
ช่วงที่ "ทุนเบิร์ก" ลงทุนเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกโดยเรือใบ เพื่อมาร่วมการประชุมกล่าวสุนทรพจน์ ต่อหน้าบรรดาผู้นำโลก 60 ประเทศวันนั้น "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิปดีสหรัฐฯ โผล่เข้าร่วมรับฟังเป็นเวลา 10 นาที และ โพสต์ทวีตเตอร์ ถึงสาวน้อยทุนเบิร์ก เรื่องก็เลยยิ่งกระพือไปหนัก เพราะ "โดนัลด์ ทรัมป์" ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ไม่เชื่อในการเปลี่ยนแปลงทางสภาวะอากาศโลก...
บนทวิตเตอร์ พบว่าประธานาธิบดีทรัมป์ได้ล้อเลียนทุนเบิร์กในสุนทรพจน์ของเธอที่เต็มไปด้วยอารมณ์ โดยเขากล่าวถึงทุนเบิร์ก ว่า “เธอดูเป็นเด็กผู้หญิงที่มีความสุขมาก ที่กำลังเฝ้่ารออนาคตที่สดใส และวิเศษข้างหน้า รู้สึกดีที่ได้พบ!”
ถึงตอนนี้ กระแสชื่นชม"เกรดา" ก็ยังไม่หยุด ขณะที่“ทรัมป์”โดนไปเยอะ แต่วันนี้ ทรัมป์ จะไม่โดดเดี่ยวแล้วเมื่อมี “หม่อมปลื้ม”มาร่วมแชร์เรียบร้อย .


** ปลูกกัญชาบ้านละ 6 ต้นใกล้เป็นจริง "หมอหนู" ส่งร่างกฎหมายเข้าสภาฯ ไปแล้ว "รสนา" เห็นว่าระหว่างรอกฎหมายควรให้ "หมอแผนไทย" ปลูกเพื่อใช้ในการปรุงตำรับยาเอง จะได้ไม่ต้องรอพึ่งกัญชาของกลางจากป.ป.ส.

นโยบาย "กัญชาเพื่อการแพทย์" ที่ได้รับการผลักดันจากพรรคภูมิใจไทย กำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี ... การใช้สารสกัดจากกัญชาเพื่อการรักษาโรค ได้รับความสนใจและการยอมรับจากผู้ป่วยมากขึ้น ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ก็ได้รับรองตำรับยาที่มีส่วนผสมของกัญชาไปแล้วหลายรายการ
แต่วัตถุดิบคือ "กัญชา" ยังคงถูกจำกัดการปลูกอยู่ที่ องค์การเภสัชกรรม และ กรมการแพทย์ ที่ไปประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเพียงไม่กี่แห่ง ทำให้กัญชาที่จะนำมาใช้ในทางการแพทย์ยังอยู่ในสภาวะ "ขาดแคลน" ยังต้องอาศัยกัญชาของกลาง จากปปส. ซึ่งอาจมีสารปนเปื้อนอยู่ ...
ที่ยังเป็นเช่นนี้ เพราะตามกฎหมายแล้ว "กัญชา" ยังเป็นยาเสพติดอยู่ ยังไม่สามารถปลดล็อกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมีปัญหาคาบเกี่ยวกันอยู่ ระหว่างใช้ในทางการแพทย์ กับ ใช้เพื่อสันทนาการ คือ เอามาสูบ...ดังนั้นต้องสร้างความเข้าใจ ความไว้วางใจ ตรงจุดนี้ให้ได้เสียก่อน
"หมอหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ผลักดันเรื่องนี้มา ด้วยนโยบาย "ปลูกกัญชาบ้านละ 6 ต้น" เห็นว่า ก่อนอื่นต้อง รณรงค์ ให้ความรู้กับประชาชน ถึงประโยชน์ สรรพคุณของกัญชาในทางการแพทย์ เพื่อรักษาโรค รักษาสุขภาพ มีการใช้อย่างถูกวิธี และปลอดภัย ไม่เอามาสูบ หรือใช้เพื่อสันทนาการ เมื่อสังคมเข้าใจตรงกันดีแล้ว เรื่อง"ปลูกกัญชาบ้านละ 6 ต้น" เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ก็จะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก ...
ก่อนหน้านี้ "หมอหนู" ก็ได้เสนอแนวทางจะยกระดับ อาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม. ขึ้นเป็น"หมอประจำบ้าน" หรือ "หมอประจำหมู่บ้าน" แล้วให้สิทธิ์ปลูกกัญชา 6 ต้น เป็นการนำร่องไปก่อน เพราะถือว่าเป็นบุคลาการที่ไว้วางใจได้ ว่าจะนำไปใช้เพื่อการแพทย์จริงๆ ...และขณะนี้ก็ได้เสนอกฎหมายใหม่ 2 ฉบับ เข้าสู่สภาฯไปแล้ว คือ ร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และ ร่าง พ.ร.บ.สถาบันพืชยาเสพติดแห่งประเทศไทย เพื่อทะลวงอุปสรรค ข้อจำกัด ในการนำกัญชา มาใช้ในทางการแพทย์ ...ซึ่งในร่างกฎหมายดังกล่าว ก็มีเรื่องของการปลูกกัญชา 6 ต้น อยู่ในนั้นด้วย... ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาในช่วงการเปิดประชุมสภาฯสมัยสามัญ ที่จะถึงนี้ ...
ระหว่างนี้ สิ่งที่ "หมอหนู" อยากจะบอกกับผู้ใช้กัญชาในการรักษาโรค ว่า "อย่าอยู่แบบใต้ดิน" แอบใช้กัญชารักษาโรคด้วยตัวเอง เพราะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ... ช่องทางที่จะทำให้ถูกกฎหมาย คือ ไปโรงพยาบาลที่มีการเปิด "คลินิกกัญชา" ให้แพทย์วินิจฉัย อย่าไปวินิจฉัยแทนแพทย์ หรือ จะไปพบแพทย์แผนไทย ที่ผ่านการอบรมมาอย่างถูกต้อง ได้รับการรับรองจาก กรมการแพทย์แผนไทย และมีใบอนุญาตให้เป็นผู้สั่งใช้ยาได้ นี่คือการใช้กัญชาเสรีทางการแพทย์ อย่างถูกต้อง...
"รสนา โตสิตระกูล" กรรมการมูลนิธิสุขภาพไทย ก็มีข้อเสนอในการใช้กัญชาเพื่อการรักษาโรคว่า... อยากให้ขยายเวลานิรโทษกรรมการครอบครองกัญชา เพื่อให้คนใต้ดิน มาแสดงตัว เพราะยังคงมีการใช้ และศึกษา ปรับปรุงพัฒนาสายพันธุ์กัญชากันอยู่ การนิรโทษ และดึงคนเหล่านี้มาร่วม จะเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมาก...และระหว่างที่ รอกฎหมาย ให้ชาวบ้านปลูกกัญชาได้ครัวเรือนละ 6 ต้นนั้น ตอนนี้ควรเริ่มต้น นำร่องด้วยการให้ แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ และ หมอพื้นบ้าน ที่มีความรู้ในการใช้กัญชาอยู่แล้ว ให้สามารถปลูกเพื่อรักษาผู้ป่วยเฉพาะรายของตนเองได้ เพราะตรงจุดนี้ถือว่าเป็น"ต้นน้ำ" หากขาดต้นน้ำตรงนี้ กลางน้ำ ปลายน้ำ ก็จะไม่เกิด ... การจะไปรอหวังพึ่งของกลางจากป.ป.ส. อย่างเดียวคงไม่ได้ ... โดยเฉพาะขณะนี้ แพทย์แผนไทยมีประกาศ รับรองตำรับยาแล้ว 16 ตำรับ หากไม่มีการปลูก หมอแผนไทย ก็ไม่มีวัตถุดิบใช้ ... การให้คนกลุ่มนี้ปลูกได้ เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาในการนำไปใช้ผิดประเภท ผิดวัตถุประสงค์ เพราะมีใบประกอบวิชาชีพควบคุมอยู่ หากทำผิด ก็สามารถยึด หรือเพิกถอนได้ คงไม่มีใครกล้าทำผิด...โดยเฉพาะในอดีต ก่อนมี พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 แพทย์แผนไทย ก็สามารถปลูกได้ 3 ต้นอยู่แล้ว
ขณะนี้ ถือว่านโยบาย "กัญชาเสรีเพื่อการแพทย์" ได้เดินมาถึงครึ่งทางแล้ว เพราะการใช้กัญชาและสารสกัดจากกัญชาเพื่อการรักษาโรค ได้รับการยอมรับแล้ว...ยังเหลือแต่การปลูก... หากร่าง กฎหมายทั้งสองฉบับ ผ่านการพิจารณาจากสภาฯ และมีผลบังคับใช้แล้ว ...ปลูกกัญชาบ้านละ 6 ต้นเป็นจริงแล้ว ก็ถือว่าทุกอย่างครบวงจร ...ได้ทั้งเรื่องสุขภาพ ได้ทั้งเรื่องเศรษฐกิจครัวเรือน

---------

รูป - เกรตา ทุนเบิร์ก - ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล
-อนุทิน ชาญวีรกูล - รสนา โตสิตระกูล
กำลังโหลดความคิดเห็น