ผู้จัดการรายวัน 360 - ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด อดีตผอ. และรองผอ.ร.ร.สามเสน กรณีเรียกรับแป๊ะเจี๊ยะ ผู้ปกครอง 6 ราย รวมเงินกว่า 1.4 ล้านบาท ยัน ผิดวินัย และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
วานนี้ (ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงกรณีการไต่สวน นายวิโรฒ สำรวล ผอ.ร.ร.สามเสนวิทยาลัย กับพวกทุจริตเรียกรับเงินจากผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 2 ราย แลกกับการเข้าเรียนในโรงเรียนว่า ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายวิโรฒ และนายภูสิทธิ์ ประยูรอนุเทพ รองผอ.ร.ร.สามเสนวิทยาลัย ในกรณีดังกล่าว จากการไต่สวนพบข้อเท็จจริงว่า นายวิโรฒ และนายภูสิทธิ์ ได้ร่วมกันเรียกรับเงินจากผู้ปกครอง 6 ราย เป็นเงิน 1,440,000 บาท มีการเบียดบังเงินดังกล่าวนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว และยังได้ร่วมกันสั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี ฝ่ายบริหารงานบุคคลการเงินและสินทรัพย์ 1 โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ออกใบเสร็จรับเงินว่า โรงเรียนได้รับเงินบริจาค โดยลงวันที่ย้อนหลัง แล้วนำเงินสดบางส่วนเข้าฝากเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน
ป.ป.ช.จึงมีมติว่า การกระทำของนายวิโรฒและนายภูสิทธิ์ กรณีรับเงินบริจาคโดยไม่ออกใบเสร็จรับเงิน แล้วเบียดบังเป็นของตนเอง รวมทั้งข่มขืนใจเจ้าหน้าที่การเงินฯ ในการออกใบเสร็จรับเงินนั้น มีมูลความผิดทางอาญา และทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547
วานนี้ (ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงกรณีการไต่สวน นายวิโรฒ สำรวล ผอ.ร.ร.สามเสนวิทยาลัย กับพวกทุจริตเรียกรับเงินจากผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 2 ราย แลกกับการเข้าเรียนในโรงเรียนว่า ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายวิโรฒ และนายภูสิทธิ์ ประยูรอนุเทพ รองผอ.ร.ร.สามเสนวิทยาลัย ในกรณีดังกล่าว จากการไต่สวนพบข้อเท็จจริงว่า นายวิโรฒ และนายภูสิทธิ์ ได้ร่วมกันเรียกรับเงินจากผู้ปกครอง 6 ราย เป็นเงิน 1,440,000 บาท มีการเบียดบังเงินดังกล่าวนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว และยังได้ร่วมกันสั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี ฝ่ายบริหารงานบุคคลการเงินและสินทรัพย์ 1 โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ออกใบเสร็จรับเงินว่า โรงเรียนได้รับเงินบริจาค โดยลงวันที่ย้อนหลัง แล้วนำเงินสดบางส่วนเข้าฝากเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน
ป.ป.ช.จึงมีมติว่า การกระทำของนายวิโรฒและนายภูสิทธิ์ กรณีรับเงินบริจาคโดยไม่ออกใบเสร็จรับเงิน แล้วเบียดบังเป็นของตนเอง รวมทั้งข่มขืนใจเจ้าหน้าที่การเงินฯ ในการออกใบเสร็จรับเงินนั้น มีมูลความผิดทางอาญา และทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547