**สังเกตอาการของ“ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาหลายวันแล้ว จะเห็นว่าชักมีอารมณ์ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่าค่อยๆ เพิ่มระดับจนน่าจับตาทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อใกล้ถึงเวลาที่จะถึงคิวที่ฝ่ายค้านจะเปิดการอภิปราย ในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ โดยกำหนดการอภิปรายใน วันที่ 18 กันยายน ที่จะถึงนี้ หากนับตามจำนวนเวลาแล้ว นาทีนี้ก็ต้องถือว่านับเวลาถอยหลังเป็นชั่วโมงแล้ว และแม้ว่าในญัตติดังกล่าว จะไม่มีผลต่ออนาคตของรัฐบาลกันแบบทันทีทันใด เพราะไม่มีการลงมติ
แต่ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งหากจะกล่าวว่าไม่มีผลเลยทีเดียวก็คงไม่ได้ เพราะหากบรรยากาศในสภาได้เห็นภาพบางอย่างที่คาดไม่ถึง หรือมีภาพเหตุการณ์ที่มีผลต่อภาพลักษณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น มันก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน แน่นอนว่าจุดโฟกัส หรือเป้าสายตานั้นน่าจะเพ่งมองไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะสามารถรับมือการอภิปรายของบรรดาฝ่าย ค้านได้ดีแค่ไหน
แน่นอนว่าเวลานี้ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีคิดอะไรให้ลึกซึ้ง แต่ใครก็มองออกว่า เป้าหมายหลักย่อมอยู่ที่ “ลุงตู่”หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นจุดเดียวอยู่แล้ว แม้ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จะมีการความขุดคุ้ยเรื่องเก่ามาโจมตี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่อย่างที่รู้กันก็คือ นี่คือแผนดิสเครดิตเพื่อกระทบชิ่ง ไปถึงหัวหน้ารัฐบาลนั่นแหละ เพราะเรื่องราวที่ว่านี้มันเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว จนกลายเป็นว่าเมื่อสมัยก่อนเคยเป็นพวกเดียวกันก็เป็น “คนดี” แต่พอแยกวงออกมาก็กลายเป็นตรงกันข้ามไปเลย
**อย่างไรก็ดี สำหรับประเด็นนี้ถือว่าเป็นเรื่องอ่อนไหว และหาแต้มบวกได้ยาก หากชี้แจงได้กระจ่าง ก็เพียงแต่เสมอตัว แต่อีกด้านหนึ่งหาก “ไม่เคลียร์”มันก็อาจส่งผลกระทบในทางลบเข้าเนื้อแบบสะสมแต้มไปเรื่อยๆ เหมือนกับที่ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส เจออยู่ในเวลานี้ ที่ทำท่าบานปลายออกไปเป็นเรื่องของจริยธรรมทางการเมือง มากกว่าเรื่องคุณสมบัติไปแล้ว
ขณะเดียวกันในเวลานี้สิ่งที่รัฐบาล โดยเฉพาะเป้าหมายหลักคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำลังเจอกระหน่ำอยู่ในเวลานี้ก็คือการ “โหมกระพือ”โจมตีในโซเชียลฯ เรียกว่ากระหน่ำเข้ามาจากทุกทิศทาง เรียกว่า “ด่ากันทุกเรื่อง”ซึ่งเขาก็รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าว เพราะคำพูดของนายกรัฐมนตรี ที่ตอบโต้แบบพรั่งพรูออกมานั้นก็ล้วนเป็นคำพูดที่สื่อผ่านข้อความในโซเชียลฯ ในสารพัดรูปแบบโจมตี ดิสเครดิต
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนในเวลานี้ก็คือ ปัญหาน้ำท่วมในภาคอีสานที่เกิดขึ้นมานานนับสัปดาห์แล้ว และที่ผ่านมาในช่วงที่ก่อนที่จะเกิดน้ำท่วมหนัก เขาก็ได้นำคณะลงไปเยี่ยมเยียนและสั่งการให้เตรียมรับมือกับปัญหาน้ำไหลทะลักเข้ามาที่จังหวัดอุบลราชธานี แต่กลายเป็นว่า เมื่อนายกฯ คล้อยหลังไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงเพื่อเดินทางลงไปภาคใต้ เพื่อตรวจราชการและเยี่ยมเยียนชาวบ้าน กลับมีเสียงโจมตีถล่มเข้ามาว่า “ไปทำไมภาคใต้ ทำไมไม่ไปดูแลพี่น้องในภาคอีสานที่กำลังเดือดร้อนน้ำท่วม”
แน่นอนว่า เจอเข้าไปแบบนี้เป็นใครก็ต้อง “อารมณ์ขึ้น”ซึ่งก็ได้ผล ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาทันตาเห็น มีท่าทีตอบโต้ด้วยอารมณ์โมโห ไม่ได้มีลักษณะการพูดที่เรียบเฉย เหมือนกับที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาพรรคฝ่ายค้านได้ยกขบวนไปที่ภาคอีสาน แบบรวมพลถล่มรัฐบาลทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วมสารพัดไปจนถึงการโจมตีเรื่องรัฐธรรมนูญ ที่กำลังรณรงค์ให้มีการแก้ไขกันทั้งฉบับ ซึ่งเป้าหมายก็พุ่งมาที่รัฐบาล และตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหลัก
**ขณะเดียวกัน แม้จะมีอารมณ์หงุดหงิด แต่ก็ต้องบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็เดินหน้าตอบโต้ทุกเม็ดในแบบที่ไม่ยอมถอยเหมือนกัน และเป้าหมายของเขาก็พุ่งไปที่ “นาย” ของพวกฝ่ายค้านที่ “อยู่ต่างประเทศ”ซึ่งแม้ไม่ต้องออกชื่อก็รับรู้กันดีว่า มีทั้ง ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองพี่น้อง ที่หลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศในแบบที่ว่า “จัดเต็ม”กลับไปเหมือนกัน โดยพาดพิงไปถึงคนข้างนอกบางคนว่า “ต่อให้เรียกไอ้คนที่อยู่เมืองนอกกลับมาก็ทำไม่ได้ ทำแบบเดิมก็เจ๊งไปมากกว่าเดิม”ซึ่ง “ไอ้คนที่อยู่เมืองนอก”ที่ว่านั้นเป็นใครก็ย่อมรู้ดี
แน่นอนว่า นาทีนี้มองออกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเจอกับสารพัดแรงกดดันที่ประดังเข้ามา และนับวันแรงยั่วยุจะมาในแบบที่ไม่ต้องลงทุนอย่างการใช้สื่อโซเชียล ละเลง “น้ำลาย” เข้ากระหน่ำ แต่การใช้ท่าทีตอบโต้แบบมีอารมณ์หงุดหงิดกลับไป จนบางครั้งอาจมองว่า”หลุด”อาจจะเข้าทางฝ่ายตรงข้ามที่จงใจยั่วยุให้สติแตก โดยเฉพาะใน
วันซักฟอกในสภา ที่หากพิจารณาจากองค์ประกอบภายนอกหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญตีตกเรื่องปมถวายสัตย์ฯลงไปแล้ว ก็ถือว่าไม่มีอะไรน่ากังวล หรือแม้แต่เกมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ฝ่ายรัฐบาลสามารถ “ลากเข้าสภา” ด้วยการตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาประเด็นการแก้ไขก็น่าจะคุมเกมได้ให้อยู่ในความควบคุมแล้ว
**ในทางตรงกันข้าม สำหรับฝ่ายค้านที่ “พลาด”ไปใช้คำพูด “รัฐธรรมนูญเฮงซวย”กำลังจะย้อนเข้าตัวเองอีกรอบ เพราะมันมีประเด็น “อ่อนไหว”ที่ต้องเสียเวลาชี้แจงกันอีก แต่สำหรับ “ลุงตู่”ก็ต้องระวัง “หลุด”โดยเฉพาะเกมไม่ลงทุน ใช้ “น้ำลาย”ยั่วให้หลุดในสภา !!
แต่ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งหากจะกล่าวว่าไม่มีผลเลยทีเดียวก็คงไม่ได้ เพราะหากบรรยากาศในสภาได้เห็นภาพบางอย่างที่คาดไม่ถึง หรือมีภาพเหตุการณ์ที่มีผลต่อภาพลักษณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น มันก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน แน่นอนว่าจุดโฟกัส หรือเป้าสายตานั้นน่าจะเพ่งมองไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะสามารถรับมือการอภิปรายของบรรดาฝ่าย ค้านได้ดีแค่ไหน
แน่นอนว่าเวลานี้ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีคิดอะไรให้ลึกซึ้ง แต่ใครก็มองออกว่า เป้าหมายหลักย่อมอยู่ที่ “ลุงตู่”หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นจุดเดียวอยู่แล้ว แม้ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จะมีการความขุดคุ้ยเรื่องเก่ามาโจมตี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่อย่างที่รู้กันก็คือ นี่คือแผนดิสเครดิตเพื่อกระทบชิ่ง ไปถึงหัวหน้ารัฐบาลนั่นแหละ เพราะเรื่องราวที่ว่านี้มันเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว จนกลายเป็นว่าเมื่อสมัยก่อนเคยเป็นพวกเดียวกันก็เป็น “คนดี” แต่พอแยกวงออกมาก็กลายเป็นตรงกันข้ามไปเลย
**อย่างไรก็ดี สำหรับประเด็นนี้ถือว่าเป็นเรื่องอ่อนไหว และหาแต้มบวกได้ยาก หากชี้แจงได้กระจ่าง ก็เพียงแต่เสมอตัว แต่อีกด้านหนึ่งหาก “ไม่เคลียร์”มันก็อาจส่งผลกระทบในทางลบเข้าเนื้อแบบสะสมแต้มไปเรื่อยๆ เหมือนกับที่ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส เจออยู่ในเวลานี้ ที่ทำท่าบานปลายออกไปเป็นเรื่องของจริยธรรมทางการเมือง มากกว่าเรื่องคุณสมบัติไปแล้ว
ขณะเดียวกันในเวลานี้สิ่งที่รัฐบาล โดยเฉพาะเป้าหมายหลักคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำลังเจอกระหน่ำอยู่ในเวลานี้ก็คือการ “โหมกระพือ”โจมตีในโซเชียลฯ เรียกว่ากระหน่ำเข้ามาจากทุกทิศทาง เรียกว่า “ด่ากันทุกเรื่อง”ซึ่งเขาก็รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าว เพราะคำพูดของนายกรัฐมนตรี ที่ตอบโต้แบบพรั่งพรูออกมานั้นก็ล้วนเป็นคำพูดที่สื่อผ่านข้อความในโซเชียลฯ ในสารพัดรูปแบบโจมตี ดิสเครดิต
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนในเวลานี้ก็คือ ปัญหาน้ำท่วมในภาคอีสานที่เกิดขึ้นมานานนับสัปดาห์แล้ว และที่ผ่านมาในช่วงที่ก่อนที่จะเกิดน้ำท่วมหนัก เขาก็ได้นำคณะลงไปเยี่ยมเยียนและสั่งการให้เตรียมรับมือกับปัญหาน้ำไหลทะลักเข้ามาที่จังหวัดอุบลราชธานี แต่กลายเป็นว่า เมื่อนายกฯ คล้อยหลังไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงเพื่อเดินทางลงไปภาคใต้ เพื่อตรวจราชการและเยี่ยมเยียนชาวบ้าน กลับมีเสียงโจมตีถล่มเข้ามาว่า “ไปทำไมภาคใต้ ทำไมไม่ไปดูแลพี่น้องในภาคอีสานที่กำลังเดือดร้อนน้ำท่วม”
แน่นอนว่า เจอเข้าไปแบบนี้เป็นใครก็ต้อง “อารมณ์ขึ้น”ซึ่งก็ได้ผล ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาทันตาเห็น มีท่าทีตอบโต้ด้วยอารมณ์โมโห ไม่ได้มีลักษณะการพูดที่เรียบเฉย เหมือนกับที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาพรรคฝ่ายค้านได้ยกขบวนไปที่ภาคอีสาน แบบรวมพลถล่มรัฐบาลทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วมสารพัดไปจนถึงการโจมตีเรื่องรัฐธรรมนูญ ที่กำลังรณรงค์ให้มีการแก้ไขกันทั้งฉบับ ซึ่งเป้าหมายก็พุ่งมาที่รัฐบาล และตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหลัก
**ขณะเดียวกัน แม้จะมีอารมณ์หงุดหงิด แต่ก็ต้องบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็เดินหน้าตอบโต้ทุกเม็ดในแบบที่ไม่ยอมถอยเหมือนกัน และเป้าหมายของเขาก็พุ่งไปที่ “นาย” ของพวกฝ่ายค้านที่ “อยู่ต่างประเทศ”ซึ่งแม้ไม่ต้องออกชื่อก็รับรู้กันดีว่า มีทั้ง ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองพี่น้อง ที่หลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศในแบบที่ว่า “จัดเต็ม”กลับไปเหมือนกัน โดยพาดพิงไปถึงคนข้างนอกบางคนว่า “ต่อให้เรียกไอ้คนที่อยู่เมืองนอกกลับมาก็ทำไม่ได้ ทำแบบเดิมก็เจ๊งไปมากกว่าเดิม”ซึ่ง “ไอ้คนที่อยู่เมืองนอก”ที่ว่านั้นเป็นใครก็ย่อมรู้ดี
แน่นอนว่า นาทีนี้มองออกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเจอกับสารพัดแรงกดดันที่ประดังเข้ามา และนับวันแรงยั่วยุจะมาในแบบที่ไม่ต้องลงทุนอย่างการใช้สื่อโซเชียล ละเลง “น้ำลาย” เข้ากระหน่ำ แต่การใช้ท่าทีตอบโต้แบบมีอารมณ์หงุดหงิดกลับไป จนบางครั้งอาจมองว่า”หลุด”อาจจะเข้าทางฝ่ายตรงข้ามที่จงใจยั่วยุให้สติแตก โดยเฉพาะใน
วันซักฟอกในสภา ที่หากพิจารณาจากองค์ประกอบภายนอกหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญตีตกเรื่องปมถวายสัตย์ฯลงไปแล้ว ก็ถือว่าไม่มีอะไรน่ากังวล หรือแม้แต่เกมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ฝ่ายรัฐบาลสามารถ “ลากเข้าสภา” ด้วยการตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาประเด็นการแก้ไขก็น่าจะคุมเกมได้ให้อยู่ในความควบคุมแล้ว
**ในทางตรงกันข้าม สำหรับฝ่ายค้านที่ “พลาด”ไปใช้คำพูด “รัฐธรรมนูญเฮงซวย”กำลังจะย้อนเข้าตัวเองอีกรอบ เพราะมันมีประเด็น “อ่อนไหว”ที่ต้องเสียเวลาชี้แจงกันอีก แต่สำหรับ “ลุงตู่”ก็ต้องระวัง “หลุด”โดยเฉพาะเกมไม่ลงทุน ใช้ “น้ำลาย”ยั่วให้หลุดในสภา !!