xs
xsm
sm
md
lg

ราคาน้ำมันในอนาคต???

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนที่มีอิหร่านหนุนหลัง ประกาศตัวเป็นผู้โจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งของซาอุดีอาระเบีย
ยังไงๆ...คงต้องแวะไปดูกันหน่อยนั่นแหละทั่น สำหรับการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันซาอุฯ โดยฝีมือพวกกบฏฮูตีแห่งเยเมน เมื่อช่วงวันเสาร์ (14 ก.ย.) ที่ผ่านมา คือระดับเล่นเอาปริมาณน้ำมันหายไปจากตลาดไม่ต่ำกว่าวันละ 5.7 ล้านบาร์เรล หรือประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ของตลาดโลก ก็ต้องถือว่า...ออกจะเป็นอะไรที่ “เอาเรื่อง” มิใช่น้อย...

คือการที่เครื่องบิน “โดรน” นับสิบๆ ลำ ของพวก “Ansarullah” หรือพวกกบฏฮูตีในเยเมน สามารถเล็ดรอดผ่านน่านฟ้าซาอุฯ เข้าไป “บอมม์ม์” โรงกลั่นน้ำมัน “Abqaip” ซึ่งตั้งอยู่แถวๆ ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของซาอุฯ และโรงกลั่นน้ำมัน “Khurais” ที่อยู่เลยขึ้นไปแถวๆ ตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงริยาดห์ อันถือเป็น “หัวใจ” ของกระบวนการผลิตน้ำมันของซาอุฯ หรือของบริษัท “Aramco” ชนิดฉิบหายวายวอดกันไปเป็นแผงๆนั้น ว่าไปแล้ว...เป็นเรื่อง “ไม่ถึงกับน่าแปลกใจ” มากมายสักเท่าไหร่ เพราะถ้าดูจากศักยภาพ หรือขีดความสามารถของบรรดากบฏเยเมนเหล่านี้ ก็เคยสร้างความฉิบหายวายวอดให้ราชอาณาจักรซาอุฯ มาแล้ว ไม่รู้ต่อกี่ครั้ง กี่หน...

ไม่ว่าจะโดยการอาศัยจรวด หรือเครื่องบินโดรนโจมตีสนามบิน “King Khalid” สนามบิน “Abha” “Najrah” เมื่อช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รวมทั้งเคยโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน “Shaybah” ที่อยู่แถวๆ ใกล้พรมแดนยูเออี ห่างจากฐานที่มั่นของพวกฮูตีไปถึงประมาณ 700 ไมล์เป็นอย่างน้อย ชนิด “เดี้ยง...กับ...เดี้ยง” ไปเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี่เอง ตลอดไปจนฐานที่มั่นทางทหาร ระบบท่อขนส่งน้ำมันส่วนกลาง พื้นที่สาธารณูปโภคต่างๆ ฯลฯ ล้วนแต่เคย “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” กันมาแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อแก้แค้น เอาคืน ต่อหนี้เลือด หนี้สวาท อันส่งผลให้ชาวเยเมนทั้งหลาย ต้องตายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 91,000 รายเป็นอย่างน้อย นับจากอภิมหาเศรษฐีน้ำมันอย่างซาอุฯ เปิดฉากเล่นงาน โจมตีประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกอย่างเยเมน มาตลอดช่วง 4 ปีกว่าๆ...

แต่เหตุที่การโจมตีครั้งนี้...ออกจะระเบิดเถิดเทิงไปกว่าครั้งก่อนๆ อาจเป็นเพราะโรงกลั่นน้ำมัน “Abqaip” และ “Khurais” นั้น ถ้าว่ากันตามความคิด ความเห็นของอดีตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ-พลังงาน อดีตประธานาธิบดี “จอร์จ ดับเบิลยู. บุช” อย่าง “นายBob McNally” หรือ “นายRobert Diwan” ที่ปรึกษาด้านพลังงานบริษัท “IHS” ต่างถือเป็น “หัวใจของระบบผลิตพลังงาน” ของซาอุฯ เอาเลยก็ว่าได้ การโจมตีคราวนี้จึงแทบไม่ต่างไปจากการก่อให้เกิดอาการ “หัวใจวาย” เอาง่ายๆ หรือทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันกว่าครึ่งหนึ่งของซาอุฯ ในแต่ละวัน ต้องหยุดชะงักลงไปชั่วคราว และทำให้ปริมาณน้ำมันต้องหดหายไปจากตลาดประมาณวันละ 5.7 ล้านบาร์เรลเป็นอย่างน้อย...

อันนี้นี่เอง...ที่ก่อให้เกิดความตื่นเต้น ฮือฮา ต่อบรรดานักวิเคราะห์ รวมทั้ง “นักเก็งกำไรน้ำมัน” กันเป็นจำนวนไม่น้อย ว่าการเปิดตลาดซื้อ-ขายน้ำมัน ในช่วงวันจันทร์ (16 ก.ย.) นี้ จะออกมาในแนวไหนกันแน่ เพราะตามตัวเลขสถิติของหน่วยงาน “IEA” (The International Energy Agency) ที่เคยยืนยันไว้ชัดเจนก่อนหน้านี้ประมาณว่า แนวโน้ม “อุปทานน้ำมันโลก” นั้น ออกจะเป็นอะไรที่เหลือกิน เหลือใช้เอามากๆ โดยเฉพาะปริมาณน้ำมันจากชั้นหินดินดาลในอเมริกา ที่ทำให้คลังสำรองน้ำมันอเมริกามีปริมาณน้ำมันมากถึง 645 ล้านบาร์เรลอยู่ในทุกวันนี้ และทำให้ราคาน้ำมันเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงลดๆ อยู่ที่ระดับประมาณ 50-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ไม่ว่าจะเกิดความตึงเครียด แบบเครียดแล้ว เครียดอีก ณ พื้นที่แหล่งผลิตน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกกลางกันในระดับไหนก็ตาม แต่เมื่อต้องเจอกับการถล่มคลังน้ำมันซาอุฯ โดยพวกกบฏฮูตีคราวนี้ ราคาน้ำมัน มันน่าจะขึ้นไปอีกสักเท่าไหร่ แค่สักประมาณ 5-10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือแค่ 25 เซนต์ต่อ 1 แกลลอน ตามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานอย่าง “นายAndrew Lipow” แห่ง “Lipow Oil Associations” คาดไว้ หรือพุ่งพรวดๆ พราดๆ ไปไกลถึงระดับ 80-100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามการคำนวณของผู้เชี่ยวชาญนิตยสาร “Forbes” หรือบริษัท “Clearview Energy Partners” อันนั้น...บรรดานักเก็งกำไรทั้งหลาย คงต้องไป “เสี่ยงดวง” กันเอาเอง!!!

แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ...จากการถล่มคลังน้ำมันซาอุฯ คราวนี้นี่เอง ที่ทำให้บรรดาพวก “เหยี่ยว” ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในคณะบริหารของรัฐบาล “ทรัมป์บ้า” ต่างออกมาสยายปีกกันไปเป็นแผงๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ “นายไมค์ ปอมเปโอ” ที่ออกมา “ป้ายขี้” ให้กับคู่กัดอย่างอิหร่านแบบเน้นๆ เนื้อๆ ว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์คราวนี้ ทั้งๆ ที่พวกกบฏฮูตีออกมารับสมอ้างไปแล้วก็ตามที หรือทั้งๆ ที่รัฐมนตรีต่างประเทศและกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านออกมาปฏิเสธไปแล้วอย่างเป็นทางการ ไปจนวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันอย่าง “นายลินด์เซย์ เกรแฮม” ที่ได้ชื่อว่าสนิทชิดเชื้อประธานาธิบดีอเมริกันอย่างเป็นพิเศษ รวมทั้งใกล้ชิด ติดพันกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล “นายเบนจามิน เนทันยาฮู” ชนิดจับมือ ถือแขน ชวนกันไปดู “ที่ราบสูงโกลัน” ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อให้กลายเป็น “ที่ราบสูงทรัมป์” หลังการประกาศยึดครองมาจากประเทศซีเรีย รายนี้...ถึงขั้นชี้แนะ ชี้นำไว้ว่า “ถึงเวลาแล้ว...ที่สหรัฐฯ ต้องหยิบเอาเรื่องการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันอิหร่านมาวางบนโต๊ะ โดยเฉพาะถ้าพวกเขายังพยายามปลุกเร้าสถานการณ์ หรือพยายามเพิ่มสมรรถนะนิวเคลียร์...” พูดง่ายๆ ว่ายังคงพยายามยุแยงตะแคงรั่ว ไม่ต่างไปจาก “หัวหน้าเหยี่ยว” อย่าง “นายจอห์น โบลตัน” ผู้เพิ่งถูกถีบออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวแบบสดๆ ร้อนๆ นั่นเอง...

อันนี้นี่แหละ...ที่น่าคิด น่าสนใจ ว่าสุดท้ายแล้ว “อีแร้ง” อย่าง “ทรัมป์บ้า” จะขยับปีกไปในทิศไหน ทางไหนกันแน่!!! จะเรื่อยๆ มาเรียงๆ นกบินเฉียงไปทั้งหมู่ คลอไปตามอิทธิพลของผู้ที่อยู่รายล้อม ซึ่งล้วนแต่เต็มไปด้วยพวก “เหยี่ยว” ไปด้วยกันทั้งสิ้น หรือจะขัดขืนจำแลงแปลงกายเป็น “พิราบ” ไปโดยตลอด เพราะถ้าหากต้องบินไปตามฝูง บินไปตามทิศทางที่บรรดาเหยี่ยวๆ ทั้งหลายปรารถนาและต้องการ นั่นคือ...ต้องเปิดฉากโจมตีอิหร่านวันใด วันหนึ่ง ขึ้นมาจนได้ ก็คงหนีไม่พ้นต้องเจอกับฉากสถานการณ์ที่ผู้บัญชาการกองกำลังอวกาศ แห่งกองทัพพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน หรือ “IRGC” อย่าง “พลเอกAmir Ali Hajizadeh” ได้วาดภาพ วาดจินตนาการไว้ก่อนล่วงหน้า ประมาณว่า... “ถ้าหากวอชิงตันคิดจะเปิดปฏิบัติทางทหารใดๆ กับอิหร่านก็แล้วแต่ ฐานบัญชาการทางทหารของสหรัฐฯ ไม่ว่าฐานทัพ Al-Udeid ในกาตาร์ az-Zafra ในยูเออี ตลอดไปจนเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือรบอเมริกาในอ่าวโอมานทั้งมวล ต่างตกอยู่ในพิสัยทำการของจรวดอิหร่าน ภายใต้รัศมี 2,000 กิโลเมตรรอบๆ ประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” อันนี้นี่เอง...ไม่ว่า “อุปทานน้ำมันโลก” ช่วงนี้จะเหลือเกิน เหลือใช้เพียงใดก็เถอะ แต่ถ้าหากเลยเถิดไปถึงจุดๆ นี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ โอกาสที่ราคาน้ำมันจะพุ่งแบบติดจรวดในระดับ 200-300 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...
กำลังโหลดความคิดเห็น