xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** บทพิสูจน์ภาวะผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ กางปีกป้อง “ผู้กองธรรมนัส”กรณีถูกขุดอดีตมาเป็นชุด เกมดิสเครดิตรัฐบาล และทอนกำลังพลังประชารัฐ สุดท้ายต้อง “เชื่อใจลุงตู่” ทุกอย่างสงบ จบที่ “ลุงตู่”?

เมื่อ “ผู้กองธรรมนัส”ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดนขุดคุ้ยคดีในอดีตมาเขย่าเก้าอี้ แม้เจ้าตัวจะชี้แจงกรณี “คดีที่ออสเตรเลีย”ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปเมื่อวันก่อน ก็ยังไม่จบ มีเรื่องต่อได้อีก อย่างเรื่องวุฒิการศึกษา และมหาวิทยาลัย เรื่องอดีตที่เคยถูกไล่ออกจากราชการ ตามมาเป็นหมัดชุด เรียกได้ว่า หวังจะน็อกผู้กองคนนี้ให้ได้ ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส ชกสวนไปบ้าง “พูดกันไม่รู้กี่รอบแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจกัน บางท่านก็แก่ไม่รู้เรื่อง”
ดูๆแล้ว เรื่องนี้นอกจาก“ปฏิบัติการเตะตัดขา”ร.อ.ธรรมนัส แล้วยังหวังว่าการขยี้รมช.เกษตรฯ หนักๆ จะดิสเครดิตรัฐบาล “ลุงตู่”ไปด้วยในตัว คำถามต้องย้อนมากล่าวซ้ำไปซ้ำมาว่า คนที่เลือก "ร.อ.ธรรมนัส"มาทำงานคือใคร
แน่นอนว่า เมื่อถล่มผู้กองธรรมนัส ... "ลุงตู่" ในฐานะหัวหน้าครม. ก็ต้องถูกลากมาในเกมนี้ด้วย เพราะภาพลักษณ์รัฐบาลลุงตู่ มาจากภาพลักษณ์ส่วนตัวของ“ลุงตู่” ที่ค้ำไว้เสียส่วนใหญ่ พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้เข้ามาเป็นรัฐบาล ก็เพราะชู "ลุงตู่"เป็นจุดขาย ถ้าจำได้ โค้งสุดท้ายตอนหาเสียงแคมเปญสุดท้ายที่ว่า “เลือกความสงบ จบที่ลุงตู่”ก็ทำให้คนที่ลังเล ตัดสินใจเลือกพลังประชารัฐโดยเชื่อมั่นในตัว “ลุงตู่”ในภาวะผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นเอง
หากเรื่องราวต่างๆ ยืดเยื้อออกไป IO ฝ่ายตรงข้าม กระพือไม่มีหยุดย่อมต้องกระทบกันไปหมด อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และหากในทางเลวร้าย สถานการณ์ข่าว “เอาไม่อยู”ขึ้นมา รัฐบาลคว่ำคะมำ พลังประชารัฐ ก็จะโดนเทอย่างไม่ต้องสงสัย
งานนี้จึงต้องพิสูจน์ “ภาวะผู้นำ”ของลุงตู่อีกครั้ง !!
เมื่อวันวาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถูกสื่อมะรุมมะตุ้ม ถามเรื่องนี้ ... "ลุงตู่"บอกว่า จากการฟังคำชี้แจงแล้วก็พบว่า ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงเป็นเหตุเป็นผล โดยเป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายเขา และทุกอย่างไม่ใช่ว่า นายกฯไม่ได้ตรวจสอบ เพราะนายกฯ ตรวจสอบด้วยระบบการตรวจสอบของรัฐบาล เท่าที่มีมา ก็มีคณะทำงานในการตรวจสอบคุณสมบัติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกคน และสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ศาล อัยการ ซึ่งทุกคนก็ผ่านมาทั้งหมด ถึงจะแต่งตั้งขึ้นมาได้... ถ้าตรวจสอบครั้งแรกไม่ผ่าน ก็คือไม่ผ่านตั้งแต่แรก ซึ่งรวมถึงเรื่องของวุฒิการศึกษาด้วย และคิดว่าเขาได้ตรวจสอบแบบนี้มาทั้งหมดแล้ว แต่เรื่องที่เกิดขึ้น ถือเป็นความคิดเห็นของแต่ละคน ก็ไม่ได้ว่าใคร
เมื่อถามว่าแต่ทั้งหมดเป็นภาพลักษณ์ของนายกฯ และรัฐบาลที่ตั้งคนเข้ามาเป็นครม. พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “อ้าว ผมก็เป็นคนคัดคนเข้ามา เพราะมีคนเสนอเข้ามา แต่ทั้งหมดได้ผ่านกลไกการตรวจสอบคุณสมบัติ ก็จบลงแค่นั้น ผมจบแล้ว”
ว่ากันว่า อันที่จริง"ลุงตู่" ก็จบเรื่องนี้ไปนานแล้ว... แรกเริ่มที่รู้ว่าจะถูกขุดอดีตมาเล่นงานตัวเอง "ร.อ.ธรรมนัส" ก็ได้ให้ข้อมูลกับลุงตู่ รวมถึงปมเรื่องราวต่างๆ ซึ่งหากไม่มีหลักฐานพิสูจน์ตัวเอง ลุงตู่คงไม่เชื่อใจ ไว้วางใจ กล้าที่จะให้รับตำแหน่งรัฐมนตรี รวมถึงการทำงานในพรรค ที่ก็ถือว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างมากในพรรคพลังประชารัฐ
งานนี้ ลุงตู่ ลงทุนกางปีกป้อง“ผู้กองธรรมนัส”อีกครั้งย่อมต้องมีเหตุผลของตัวเอง ... และแน่นอนว่า ส่งสัญญาณถึงกองเชียร์ กองหนุนด้วยว่า หาก 'เชื่อใจลุงตู่' ก็ขอให้เชื่อเถอะว่า เรื่องนี้ก็จะจบที่ลุงตู่ เหมือนเดิม.

** เพื่อไทยไฟต์!! ยก 2 มาตามความคาดหมาย เมื่อ"เสี่ยโจ้"ลาประชุมสภาฯทั้งอาทิตย์ เข้าเช็กสมอง ตรวจร่างกาย หลังถูก "เสี่ยนวัธ" ตบโหลก บรรดาเพื่อส.ส.พูดเป็นเสียงเดียว "ดรามา"

เหตุการณ์อื้อฉาวเป็นข่าวหน้า 1 ของ 2 ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย ที่ "เสี่ยนวัธ" นวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น ตบโหลก "เสี่ยโจ้"ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม ที่เป็นรองหัวหน้าพรรค ต่อหน้า "สมพงษ์ อมรวิวัฒน์" หัวหน้าพรรค และผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค ... อันมีสาเหตุมาจากอารมณ์ค้างจากการประชุมสภาฯเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ขณะนั้นมีการพิจารณา รายงานผลการศึกษา การขยายสัญญาสัมปทานทางด่วน และรถไฟฟ้า (บีทีเอส) ที่ "เสี่ยนวัธ" อภิปรายว่า มี "ข่าวลือ" ว่า กมธ.บางคนมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องที่พิจารณา ... ร้อนถึง "เสี่ยโจ้" ในฐานะ กมธ.เสียงข้างมาก ที่ให้ต่อสัญญาสัมปทาน ต้องลุกขึ้นปกป้องศักดิ์ศรี ว่า กมธ. ชุดนี้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีใครคดโกง พร้อมเหน็บกลับไปถึงคดีความส่วนตัวของ "เสี่ยนวัธ" จนเกิดปะทะคารม อารมณ์เดือด กันขึ้น ... แต่ "ครูแก้ว" ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ที่ทำหน้าที่อยู่บนบัลลังก์ ห้ามทัพไว้ได้
หลังมีเรื่องลงไม้ลงมือกัน ทางผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค ก็เรียก"เสี่ยนวัช"ไปเคลียร์ จนต้องออกมาขอโทษขอโพย ผ่านสื่อ ที่ทำให้พรรคและภาพลักษณ์ส.ส.เสื่อมเสีย เพราะ"อารมณ์ร้อน" ของตัวเอง แต่ "เสี่ยโจ้" ก็ยังคงไม่จบเรื่อง เพราะเห็นว่า ส.ส.ลูกพรรค แต่มาทำกับ"รองหัวหน้าพรรค" แบบนี้ มันยอมกันไม่ได้ ว่าแล้วก็ไปแจ้งความดำเนินคดีกับ "เสี่ยนวัธ" ที่มาทำร้ายร่างกาย ...
และเพื่อให้มีข้อมูลหลักฐานที่แน่นหนา ไม่มองข้ามความปลอดภัย "เสี่ยโจ้" จึงเข้าโรงพยาบาล ตรวจร่างกาย เช็กสมอง วัดความดัน ... แล้วให้คนใกล้ชิดที่เป็น ผู้ช่วย ส.ส.ไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ของสภาฯ ขอลาป่วยยาวตลอดสัปดาห์นี้ ...โดยให้เหตุผลว่า แพทย์ผู้ตรวจอาการ ยังไม่อนุญาตให้ไปปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากมีอาการกระทบกระเทือนที่สมอง และมีความดันสูง ต้องแอดมิด เฝ้าดูอาการอย่างน้อย 48-72 ชั่วโมง จะได้ไม่เครียด ... เพื่อนส.ส.ที่ใกล้ชิด สนิทสนม ก็พากันไปเยี่ยม สื่อตามไปทำข่าวกัน ...
ส่วน "พี่ศรี" ศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องคนดัง เห็นเรื่องราวที่ "เป็นประเด็น" แบบนี้ จะอยู่เฉยได้อย่างไร จึงทำหนังสือด่วน ส่งถึง "ท่านประธานชวน" นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนฯ ขอให้ตั้ง "คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร" สอบสวนถึงการกระทำของ "เสี่ยนวัธ" ที่เข้าไปตบศรีษะ "เสี่ยโจ" ยุทธพงศ์ ถึงในห้องหัวหน้าพรรค โดยไม่เกรงอกเกรงใจกันแม้แต่น้อย ... เพราะถือว่าเป็นพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมต่อความเป็น "ผู้แทนอันทรงเกียรติ" สร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันสภาผู้แทนฯ และยังอาจถือได้ว่า เป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดทางอาญา ...อาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 219 ...และอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนข้อบังคับ ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการ พ.ศ. 2553 ด้วย ... หากผลการสอบสวนออกมา พบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้แทนอันทรงเกียรติ ก็ขอให้ท่านประธาน ดำเนินการลงโทษตามที่กฎหมายบัญญัติต่อไป...
แม้ว่าจะโดนทั้งเรื่องแจ้งความดำเนินคดี และถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบจริยธรรม แต่ "เสี่ยนวัธ" ก็ไม่ได้ออกมาตอบโต้แต่อย่างใด เพราะถือว่าได้ของโทษผู้หลักผู้ใหญ่ ขอโทษเพื่อนส.ส. และ ขอโทษประชาชนไปแล้ว ...ซึ่งคนใกล้ชิด "เสี่ยนวัธ" ให้ความเห็นว่า "เสี่ยนวัธ" ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาเยอะ เรื่องแค่นี้ถือว่า สิว สิว ... ขณะที่ ส.ส.ในพรรคต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และกำลังดำเนินไป ด้วยคำพูดยอดฮิตว่า... ดรามา.

** ”หมอหนู” เร่งเครื่องผลักดัน นโยบายที่ได้หาเสียงกับประชาชนไว้ เสนอร่างกฎหมายรวดเดียว 12 ฉบับ ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ มีทั้งกัญชา 6 ต้น แก้หนี้ กยศ. และให้ลูกจ้างทำงานที่บ้านได้สัปดาห์ละ 1 วัน
พรรคร่วมรัฐบาลอื่นอาจเจอปัญหาการเมือง หรือสนใจแต่ปัญหาการเมือง จนไม่มีเวลามาผลักดันนโยบายของพรรค ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ชนิดจับต้องได้ .. แต่”หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่ค่อยเจอดรามา ปัญหาการเมือง ก็พาลูกพรรค เข้ายื่นร่างกฎหมาย 12 ฉบับ ตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ก่อนที่จะหมดสมัยประชุมสภาฯ ในสัปดาห์หน้า
ทั้ง เรื่องกัญชาเสรี แกร็บคาร์ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) การแบ่งปันกำไรพืชผลทางการเกษตร การพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และอีกหลายๆ เรื่อง ... อย่างเรื่องกัญชา ก็เสนอ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมยาเสพติดให้โทษ ที่มี สาระสำคัญ เพื่อให้สิทธิผู้มีสัญชาติไทย สามารถปลูกกัญชาได้ครัวเรือนละ 6 ต้น , ร่าง พ.ร.บ.สถาบันพืชยาเสพติดแห่งประเทศไทย เพื่อให้มีหน่วยงานดูแลการวิจัย ควบคุม แปรรูปกัญชา เพื่อเศรษฐกิจของประเทศ, ร่าง พ.ร.บ.ปรับโครงสร้างหนี้ กยศ., ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ที่มีสาระสำคัญคือ ให้สิทธิลูกจ้างตกลงกับนายจ้าง เพื่อทำงานที่บ้านได้สัปดาห์ละ 1 วัน รวมทั้งร่าง พ.ร.บ.การแบ่งปันผลประโยชน์พืชผลทางการเกษตรต่างๆ เป็นต้น
ตั้งแต่เข้าร่วมรัฐบาล ได้มีโอกาสบริหารประเทศ มาประมาณ 2-3 เดือน หากมองไปยังพรรคร่วมรัฐบาลอื่น นับว่า ”พรรคหมอหนู” มีผลงานที่จับต้องได้มากกว่าใคร ...พูดอย่างนี้คงไม่มีใครเถียง

--------------

รูป-- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา-- ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
-ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร, -นวัธ เตาะเจริญสุข
-อนุทิน ชาญวีรกูล
กำลังโหลดความคิดเห็น