พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้กำลังแก้ปัญหาน้ำท่วมกันอยู่ ทุกอย่างกำลังวุ่นวาย ค่อยคุยกันอีกที ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยกันเรื่องการแก้รธน. ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้มีการตั้งกมธ.วิสามัญ ศึกษา แก้ไขรธน.นั้น ก็เห็นว่าทุกพรรคก็มีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง ซึ่งในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องคุยกันก่อนว่าจะแก้เรื่องอะไร ซึ่งต้องถามประชาชนด้วย เนื่องจากรธน.ฉบับนี้ผ่านการลงประชามติจากประชาชน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณี พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นญัตติตั้งกมธ.วิสามัญ เพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยหรือไม่ ว่า เรื่องของเขาไม่ใช่ของเรา เราก็เป็นเรา ทำไมต้องไปตามอะไรใคร เราก็ดูว่าอะไรที่ดี ซึ่งพรรคภูมิใจไทย บอกมาตลอดเวลาว่าหากทำอะไรที่มีผลที่ดีขึ้นต่อประชาชน และประเทศชาติพร้อมทำทุกอย่าง อะไรที่ทำแล้วเพื่อความสะดวกและความต้องการของตัวเอง ก็ไม่ทำ
เมื่อถามว่าตอนนี้ยังไม่คิดเรื่องการแก้ไขรธน. ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนตอบไปแล้ว และยังไม่มีแนวคิดแก้ไขรธน.
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เราต้องทำความเข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากรธน. ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเลือกตั้ง การแบ่งเขต หรือการนับคะแนน หลายๆ อย่างตรงนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนได้ทดลงใช้รธน.ไปแล้วกับการเลือกตั้ง แต่ที่สำคัญ คือ รธน.นี้จะเป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโตของประเทศ ทำให้เกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำมากขึ้น เพราะไม่เอื้อต่อการให้อำนาจ หรือสิทธิประชาชนมากนัก รวมทั้งยังมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือไม่เอื้อต่อการพัฒนาประเทศ การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ตรงนี้เป็นประเด็นแรกที่เราจะต้องทำความเข้าใจ
ขณะนี้การแก้ไขรธน.เป็นมติร่วมของ7พรรคฝ่ายค้าน ส่วนพรรคเพื่อไทย ได้เตรียมการเสวนา โดยเอามุมมองจากคนที่หลากหลาย ไม่ใช่เฉพาะการเมือง เพราะมันเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศจริงๆ
"วันนี้คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าเห็นตรงกันว่า รธน.ฉบับนี้ เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ถ้าเห็นแก่ส่วนรวมร่วมกัน เห็นแก่ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เราสามารถทำงานร่วมกันในเรื่องนี้ได้" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นญัตติด่วน ขอให้สภาตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหา และแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีเมื่อ นายวิรัช รัตนเศรษฐ์ ประธานวิปรัฐบาล มีแนวความคิดเชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคมาพูดคุย เพราะจะทำให้ญัตติในเรื่องนี้เป็นของรัฐบาล ไม่ใช่ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง และจะทำให้การขับเคลื่อนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีเอกภาพ
ส่วนที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยออกมาแสดงความเห็นว่า พรรคยังไม่มีแนวความคิดเรื่องแก้รธน.นั้น ก็ต้องยอมรับความจริงว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ชัดเจนเหมือน ประชาธิปัตย์ แต่เมื่อเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันแล้ว ก็ต้องยึดตามแนวนโยบายของรัฐบาลทุกประการ ยิ่งเป็นนโยบายเร่งด่วน ก็ต้องรีบผลักดันให้เป็นผลสำเร็จโดยเร็ว
สำหรับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี บอกว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรรีบเร่งแก้ไขรธน. ต้องแก้ปัญหาน้ำท่วมก่อนนั้น ในความเป็นจริงปัญหาของประชาชน มีมากมาย เราจะสนใจเฉพาะเรื่องหนึ่งเรื่องใด ย่อมไม่ได้ ต้องให้ความสำคัญกับทุกปัญหา ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ถ้าจะผลักดันเรื่องตั้งกมธ. ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อการแก้ปัญหาเรื่องอื่นๆ ของประชาชน ซึ่งฝ่ายบริหารต้องมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง
"การตั้งกมธ.วิสามัญฯเป็นงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ที้จะต้องดำเนินการตามข้อบังคับต่อไป ไม่ควรยกปัญหาน้ำท่วมมาเป็นข้ออ้างในการปิดกั้นการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ เรื่องการตั้งกมธ.วิสามัญฯให้ล่าช้าออกไป" นายเทพไท กล่าว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณี พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นญัตติตั้งกมธ.วิสามัญ เพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยหรือไม่ ว่า เรื่องของเขาไม่ใช่ของเรา เราก็เป็นเรา ทำไมต้องไปตามอะไรใคร เราก็ดูว่าอะไรที่ดี ซึ่งพรรคภูมิใจไทย บอกมาตลอดเวลาว่าหากทำอะไรที่มีผลที่ดีขึ้นต่อประชาชน และประเทศชาติพร้อมทำทุกอย่าง อะไรที่ทำแล้วเพื่อความสะดวกและความต้องการของตัวเอง ก็ไม่ทำ
เมื่อถามว่าตอนนี้ยังไม่คิดเรื่องการแก้ไขรธน. ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนตอบไปแล้ว และยังไม่มีแนวคิดแก้ไขรธน.
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เราต้องทำความเข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากรธน. ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเลือกตั้ง การแบ่งเขต หรือการนับคะแนน หลายๆ อย่างตรงนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนได้ทดลงใช้รธน.ไปแล้วกับการเลือกตั้ง แต่ที่สำคัญ คือ รธน.นี้จะเป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโตของประเทศ ทำให้เกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำมากขึ้น เพราะไม่เอื้อต่อการให้อำนาจ หรือสิทธิประชาชนมากนัก รวมทั้งยังมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือไม่เอื้อต่อการพัฒนาประเทศ การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ตรงนี้เป็นประเด็นแรกที่เราจะต้องทำความเข้าใจ
ขณะนี้การแก้ไขรธน.เป็นมติร่วมของ7พรรคฝ่ายค้าน ส่วนพรรคเพื่อไทย ได้เตรียมการเสวนา โดยเอามุมมองจากคนที่หลากหลาย ไม่ใช่เฉพาะการเมือง เพราะมันเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศจริงๆ
"วันนี้คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าเห็นตรงกันว่า รธน.ฉบับนี้ เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ถ้าเห็นแก่ส่วนรวมร่วมกัน เห็นแก่ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เราสามารถทำงานร่วมกันในเรื่องนี้ได้" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นญัตติด่วน ขอให้สภาตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหา และแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีเมื่อ นายวิรัช รัตนเศรษฐ์ ประธานวิปรัฐบาล มีแนวความคิดเชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคมาพูดคุย เพราะจะทำให้ญัตติในเรื่องนี้เป็นของรัฐบาล ไม่ใช่ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง และจะทำให้การขับเคลื่อนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีเอกภาพ
ส่วนที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยออกมาแสดงความเห็นว่า พรรคยังไม่มีแนวความคิดเรื่องแก้รธน.นั้น ก็ต้องยอมรับความจริงว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ชัดเจนเหมือน ประชาธิปัตย์ แต่เมื่อเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันแล้ว ก็ต้องยึดตามแนวนโยบายของรัฐบาลทุกประการ ยิ่งเป็นนโยบายเร่งด่วน ก็ต้องรีบผลักดันให้เป็นผลสำเร็จโดยเร็ว
สำหรับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี บอกว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรรีบเร่งแก้ไขรธน. ต้องแก้ปัญหาน้ำท่วมก่อนนั้น ในความเป็นจริงปัญหาของประชาชน มีมากมาย เราจะสนใจเฉพาะเรื่องหนึ่งเรื่องใด ย่อมไม่ได้ ต้องให้ความสำคัญกับทุกปัญหา ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ถ้าจะผลักดันเรื่องตั้งกมธ. ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อการแก้ปัญหาเรื่องอื่นๆ ของประชาชน ซึ่งฝ่ายบริหารต้องมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง
"การตั้งกมธ.วิสามัญฯเป็นงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ที้จะต้องดำเนินการตามข้อบังคับต่อไป ไม่ควรยกปัญหาน้ำท่วมมาเป็นข้ออ้างในการปิดกั้นการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ เรื่องการตั้งกมธ.วิสามัญฯให้ล่าช้าออกไป" นายเทพไท กล่าว