"อนุทิน" นำทีมแพทย์จุฬาฯ บินด่วนไปทำการผ่าตัดหัวใจ ไต และดวงตา จากชายวัย 25 ปี ผู้บริจาคอวัยวะ ที่ รพ.นครพิงค์ เชียงใหม่ นำไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่รอการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจ ที่ รพ.จุฬาฯ ในโครงการ นับเป็นรายที่ 26 ของโครงการ "หัวใจติดปีก" พร้อมเชิญชวนให้ประชาชน ร่วมกันทำบุญด้วยการบริจาคหัวใจ และอวัยวะ ให้กับโรงพยาบาลด้วย
วานนี้ (8 ก.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข นำคณะทีมแพทย์จาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เดินทางไปทำการผ่าตัด รับมอบหัวใจ จากผู้ที่ได้แจ้งความประสงค์บริจาคอวัยวะไว้กับทางโรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ เพื่อส่งต่อไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่รอการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจ ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ภายใต้การดำเนินโครงการ "หัวใจติดปีก"
นายอนุทิน กล่าวว่า การเดินทางมารับบริจาคหัวใจในครั้งนี้ เริ่มดำเนินการหลังจากทราบว่ามีผู้ป่วยของโรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ เป็นชายวัย 25 ปี ประสบอุบัติเหตุ และได้แจ้งความจำนง ขอบริจาคหัวใจและอวัยวะอื่นๆไว้กับทางโรงพยาบาล โดยได้รับการยินยอมจากญาติของผู้ป่วยแล้ว ตนจึงได้นำทีมคณะแพทย์ จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ เดินทางมาทำการผ่าตัดอวัยวะ ประกอบด้วย หัวใจ 1 ดวง ไต 1 ข้าง และ ดวงตา 1 คู่ จากผู้ป่วยรายดังกล่าว เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยรายอื่น ที่รอการช่วยชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯในขณะนี้
ทั้งนี้ การผ่าตัดหัวใจนั้น ทางทีมแพทย์มีความต้องการ และต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน หัวใจ 1 ดวง จะต้องส่งต่อและปลูกถ่ายอวัยวะทันที ภายใน 4 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นหัวใจจะขาดเลือดนาน ซึ่งทีมงานแพทย์ ก็ปฏิบัติหน้าที่ได้ทันตามเวลาที่กำหนด ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่า สภาพของหัวใจของผู้บริจาค ยังอยู่ในสภาพที่แข็งแรงดีมาก หัวใจยังมีความสด และมีสัญญาณชีพที่ดี ทำให้มั่นใจว่า ผู้ที่จะรับหัวใจดวงนี้ไปจะต้องมีชีวิตต่อไปได้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะอื่นๆ ที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลสวนดอก จ.เชียงใหม่ มารับไตอีก 1 ข้าง ด้วย
"การบริจาคหัวใจ และอวัยวะของผู้ป่วยรายนี้ จะสามารถช่วยเหลือชีวิตผู้อื่นได้ถึง 4 ราย ในครั้งเดียว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง"
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า การลงพื้นที่นำคณะแพทย์มาทำการผ่าตัดหัวใจ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยรายอื่นนั้น ตนได้ดำเนินการมาตั้งแต่ก่อนดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ทำไปแล้ว 25 เคส และเคสนี้ ถือเป็นรายที่ 26 โดยมองว่าการบริจาคหัวใจ และอวัยวะเป็นเรื่องที่ดีมาก เป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ ถือเป็นความภาคภูมิใจ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ควรได้รับการยกย่องมากที่สุด คือผู้ที่บริจาคหัวใจและอวัยวะให้กับผู้อื่น จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชน มาร่วมกันทำบุญด้วยการบริจาคหัวใจและอวัยวะให้กับโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อนำไปพัฒนา และให้การช่วยเหลือผู้ป่วยต่อไป ซึ่งปัจจุบันมีผู้รอรับบริจาคอวัยวะกว่า 6,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยไตเรื้อรัง ระยะสุดท้าย และผู้ป่วยด้านสายตา
วานนี้ (8 ก.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข นำคณะทีมแพทย์จาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เดินทางไปทำการผ่าตัด รับมอบหัวใจ จากผู้ที่ได้แจ้งความประสงค์บริจาคอวัยวะไว้กับทางโรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ เพื่อส่งต่อไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่รอการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจ ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ภายใต้การดำเนินโครงการ "หัวใจติดปีก"
นายอนุทิน กล่าวว่า การเดินทางมารับบริจาคหัวใจในครั้งนี้ เริ่มดำเนินการหลังจากทราบว่ามีผู้ป่วยของโรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ เป็นชายวัย 25 ปี ประสบอุบัติเหตุ และได้แจ้งความจำนง ขอบริจาคหัวใจและอวัยวะอื่นๆไว้กับทางโรงพยาบาล โดยได้รับการยินยอมจากญาติของผู้ป่วยแล้ว ตนจึงได้นำทีมคณะแพทย์ จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ เดินทางมาทำการผ่าตัดอวัยวะ ประกอบด้วย หัวใจ 1 ดวง ไต 1 ข้าง และ ดวงตา 1 คู่ จากผู้ป่วยรายดังกล่าว เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยรายอื่น ที่รอการช่วยชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯในขณะนี้
ทั้งนี้ การผ่าตัดหัวใจนั้น ทางทีมแพทย์มีความต้องการ และต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน หัวใจ 1 ดวง จะต้องส่งต่อและปลูกถ่ายอวัยวะทันที ภายใน 4 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นหัวใจจะขาดเลือดนาน ซึ่งทีมงานแพทย์ ก็ปฏิบัติหน้าที่ได้ทันตามเวลาที่กำหนด ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่า สภาพของหัวใจของผู้บริจาค ยังอยู่ในสภาพที่แข็งแรงดีมาก หัวใจยังมีความสด และมีสัญญาณชีพที่ดี ทำให้มั่นใจว่า ผู้ที่จะรับหัวใจดวงนี้ไปจะต้องมีชีวิตต่อไปได้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะอื่นๆ ที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลสวนดอก จ.เชียงใหม่ มารับไตอีก 1 ข้าง ด้วย
"การบริจาคหัวใจ และอวัยวะของผู้ป่วยรายนี้ จะสามารถช่วยเหลือชีวิตผู้อื่นได้ถึง 4 ราย ในครั้งเดียว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง"
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า การลงพื้นที่นำคณะแพทย์มาทำการผ่าตัดหัวใจ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยรายอื่นนั้น ตนได้ดำเนินการมาตั้งแต่ก่อนดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ทำไปแล้ว 25 เคส และเคสนี้ ถือเป็นรายที่ 26 โดยมองว่าการบริจาคหัวใจ และอวัยวะเป็นเรื่องที่ดีมาก เป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ ถือเป็นความภาคภูมิใจ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ควรได้รับการยกย่องมากที่สุด คือผู้ที่บริจาคหัวใจและอวัยวะให้กับผู้อื่น จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชน มาร่วมกันทำบุญด้วยการบริจาคหัวใจและอวัยวะให้กับโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อนำไปพัฒนา และให้การช่วยเหลือผู้ป่วยต่อไป ซึ่งปัจจุบันมีผู้รอรับบริจาคอวัยวะกว่า 6,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยไตเรื้อรัง ระยะสุดท้าย และผู้ป่วยด้านสายตา