xs
xsm
sm
md
lg

หรือจะต้องทนอยู่รอวิกฤต?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

"โสภณ องค์การณ์"

ยุคนี้ชาวบ้านได้รับรู้ ตรรกะพิสดาร การให้เหตุผลหลายอย่างซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญนำร่อง นั่นคือความไม่รู้สึกอาย ถ้าเป็นบางบุคคลก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อมั่นในตัวเองสูงเพราะมีพลังหนุนจากคนอื่น ถึงขั้นเหลิง หลงลืมตัวผยองอำนาจ

ยิ่งมีกฎหมายกดหัวชาวบ้านไม่ให้ร้องเอะอะโวยวายด้วยแล้ว หลักการต่างๆ ที่มีก็ทิ้งไป ใช้หลักกู เป็นตัวหลัก มีหลักการแบบประเภทลื่นไหล คล่องตัว เป็นคนมีจุดยืนติดล้อ ปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานการณ์ ยิ่งกว่าสามารถสะเทินน้ำสะเทินบก

บ้านเมืองใดมีผู้กุมอำนาจจัดการบริหารอย่างนี้ มีแต่รอวันหายนะ! ต่างจากประเทศอื่นๆ เช่นสิงคโปร์ไม่มีประชาธิปไตยเต็มร้อย แต่ผู้บริหารบ้านเมืองทุกระดับไม่มีทุจริต คอร์รัปชั่น กินคำโตต่อเนื่อง มีนโยบายขายชาติ จนเสี่ยงต่อการสิ้นชาติ

คนไร้ความซื่อสัตย์ หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ย่อมกล้าประพฤตินอกลู่นอกทาง ทุจริต คอร์รัปชั่น ด้วยอำนาจที่มีอยู่ทำให้ไม่ต้องรู้สึกรับผิดชอบความเสียหายให้กับบ้านเมือง ประชาชนเสี่ยงกับวิกฤตความอยู่รอด

เศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างไร วันก่อนสภาพัฒน์ฯ แจกแจง ชี้ให้เห็นภัยที่รออยู่อันเป็นผลจากหนี้ภาคครัวเรือน หนี้ส่วนบุคคล หนี้ภาครัฐ ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ คนยากจนเพิ่ม ประจานให้เห็นความบกพร่องรุนแรงในการบริหารเศรษฐกิจ

คงเป็นเพราะผู้กุมอำนาจไม่พอใจ จึงมีคำชี้แจงว่าปัญหาไม่ร้ายแรงดังที่ตัวเลขแสดงให้เห็นถือว่าเป็นวาระของการแหกตา เป่าหู ปั่นหัวชาวบ้าน เสนาบดีไร้ความสามารถ มุ่งอวยทุนสามานย์ กลุ่มทุนใหญ่ อ้างว่ายังไม่เกินขีดที่ยอมรับได้

แต่ต้องเพิ่มเงิน อัดฉีดงบประมาณกระตุ้นต่อเนื่อง ใช้งบประมาณจากภาษี เงินจากสถาบันการเงินของรัฐ และแน่นอน เงินกู้สร้างหนี้สินพอกพูนเป็นภาระของคนรุ่นหลังต่อไป มีความสุขมากในการได้ใช้เงินคนอื่นโดยตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ

แถมเป็นการใช้จ่ายเงินเพื่อสร้างความนิยมให้ตัวเองได้อยู่นานๆ ชาวบ้านไม่ต้องโวยวายและยิ่งได้ซินแสมาการันตีรับรองการอยู่แบบคงทน 4-8 ปีด้วยแล้ว ก็สร้างความมั่นใจว่าประชาชนคงไม่มีหนทางจะระดมพลังประท้วงขับไล่ได้แน่

ซินแสอ้างว่าดูตามตำรา รูปลักษณ์ของโหงวเฮ้งหรืออะไรก็สุดแล้วแต่ ไม่คำนึงถึงคุณงามความดีของคน ซึ่งควรจะเป็นตัวชี้วัดถึงผลงานและความนิยมอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ประชาชนมองเห็นและประเมินได้ว่าดีหรือเลวต่อบ้านเมือง

ถ้าซินแสบอกว่าผู้กุมอำนาจรัฐอยู่ได้ยั่งยืน คงเป็นจริง เพราะหลายประเทศอยู่ในสภาพล้มละลายเหมือนเวเนซุเอลา ผู้นำรัฐบาลยังอยู่ได้ แต่ประชาชนอพยพหนีทุกข์ไปอยู่ประเทศอื่นๆ เมืองไทยจะอยู่ในระนาบเดียวกันในอนาคตหรือไม่ ยังไม่รู้

ถ้าแนวโน้มเป็นอย่างนี้ต่อไป ถ้าสภาพการณ์ไม่ดีขึ้น ด้านเศรษฐกิจทุกระดับ ปัญหาปากท้อง รายได้ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านไม่ดีขึ้น หนี้สินพอกพูน บ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร เศรษฐีต้องหนีไปอยู่แผ่นดินอื่นกลัวคนจนจะมาแย่งกิน

การบริหารบ้านนี้เมืองนี้ ไม่เคยมีใครต้องรับผิดชอบความเสียหาย ถ้ามีปัญหาเรื่องโกงบ้านกินเมือง ทางเลือกคือหนีโทษอาญาออกไปเสวยสุขอยู่กับเงินโกงนอกประเทศ ดูสภาพแล้วคงมีหลายกลุ่มสะสมความมั่งคั่งเตรียมทำแบบเดียวกัน

ยิ่งเป็นยุครอยต่อรัฐประหารแล้วรวย อวยทุนสามานย์เพื่อความยั่งยืนของอำนาจด้วยแล้ว ทุกอย่างต้องเตรียมไว้ให้พร้อม จะได้ไม่ทุลักทุเล เผ่นหนีไม่ทัน

มองไปข้างหน้าแล้วอนาคตดูมืดมัว ไหนจะปัญหาผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากต่างประเทศ ไหนจะปัญหาสารพัดในบ้านเมืองซึ่งเน้นทุ่มเงินในโครงการประชานิยมจมไม่ลง ถมไม่เต็ม อยู่ได้ด้วยเงินกู้แล้ว ไม่มีคำตอบว่าจะดีขึ้นได้อย่างไร

ทุกชีวิตต้องดิ้นรนไปตามสภาพ แต่ถ้ากลุ่มคนด้อยโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ มีคนจนเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ของประชากรแล้ว เราจะเฟ้นหาศักยภาพเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของฐานรากได้อย่างไร เมื่อความมั่งคั่งอยู่ในมือคนส่วนน้อย

อย่างที่มีตัวเลขแสดงให้เห็นว่าคน 1 เปอร์เซ็นต์ครอบครองความมั่งคั่งเกือบ 70เปอร์เซ็นต์ของประเทศ เป็นความเหลื่อมล้ำด้านรายได้อันดับ 1 ของโลก จะไปอ้างความภาคภูมิใจได้อย่างไร เมื่อหนี้สินก็มาก ฐานรายได้อยู่ในสภาพเปราะบาง

ความด้อยโอกาสไม่ใช่จำกัดเฉพาะการทำมาหากินอย่างเดียว ความไม่เสมอภาคภายใต้กฎหมายเดียวกันยังคงอยู่ เช่นคนรวย คนมีอิทธิพลเส้นสายไม่ต้องติดคุก มีแต่คนจน คนไร้เส้นติดคุก มีตรรกะเพี้ยนช่วยคนมีอิทธิพลทำความผิดให้ไม่รับโทษ

ในสภาพปัจจุบันที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย เรามีองค์กรตรายาง องค์กรฝักถั่วกินเงินเดือนแพงแต่ทำหน้าที่เป็นฐานให้คนกุมอำนาจแสวงหาผลประโยชน์อย่างเต็มที่ ยังมีกองหนุน กองเชียร์ในกลุ่มสื่อซึ่งต้องดิ้นรนทำงานเพื่อแลกกับการอยู่รอด

ถ้าปัญหาแก้ได้เพียงคำรับรองของคนในรัฐบาล ไม่พูดความจริงกับประชาชนองค์กรภาคประชาชนหวั่นเกรงจากผลกระทบจากความไม่พอใจของผู้มีอำนาจ สภาวะปราศจากความโปร่งใส การไม่ได้รับรู้ความจริง คืออันตรายในระยะยาว

แนวโน้มอย่างนี้ การกู้หนี้เพื่อใช้จ่ายในอีกอย่างน้อย 4 ปี หรืออยู่นานกว่านั้น เท่ากับบั่นทอนความแข็งแกร่งของฐานรากของประเทศ ยิ่งไร้โอกาสสร้างรายได้ หาเงินไม่เก่ง แต่ใช้เงินเก่งเกินตัว ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือองค์กร ต้องมีวันล้มละลายแน่

ชาติอื่นที่มั่งคั่งในยุโรป หรือละตินอเมริกา เกือบล่มสลายเพราะนโยบายประชานิยม ถ้าผสมกับการทุจริต คอร์รัปชั่นคำโต 40-50 เปอร์เซ็นต์ด้วยแล้วจะหวังให้ฟื้นฟูสภาพสู่ความแข็งแกร่งได้อย่างไร ถ้ามีรายได้ก็ยิ่งผ่องถ่ายเข้ากระเป๋าตัวเอง

เมื่อวิกฤตถึงขีดสุด คนรับผิดชอบความเสียหายก็หลบ หนีหน้า อยากรู้ว่าพวกกองเชียร์ ติ่ง เนื้องอก หูด ตาปลาทั้งหลายจะยังยืดอก ยื่นหน้าออกมายกยอปอปั้นอีกหรือไม่และตากหน้าขอรับผิดชอบอย่างไร หรือบอกง่ายๆ ว่า“รู้เท่าไม่ถึงการณ์”

ถ้าจะให้สวย ก็อาจมีคำ “ขอโทษสังคม” ตบท้ายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติด้วยมั้ง!


กำลังโหลดความคิดเห็น