ศาลฎีกาพิพากษายืนประหารชีวิต "ซอลิน-เวพิว" 2 แรงงานหนุ่มพม่า ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา และฆ่า น.ส.ฮานนาห์ พร้อมแฟนหนุ่ม นักท่องเที่ยวอังกฤษ เป็นคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญบนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2557 “สื่อผู้ดี” ตีข่าวทั่วโลก เผยทนายจำเลยจ่อทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ
วานนี้ (28 ส.ค.) ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีฆาตกรรม นายเดวิด มิลเลอร์ อายุ 24 ปี และ น.ส.ฮานนาห์ วิทเธอร์ริจ อายุ 23 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่หาดทรายรี เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย.57 ที่พนักงานอัยการศาลจังหวัดเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายซอลิน หรือโซเรน จำเลยที่ 1 และนายเวพิว หรือวิน จำเลยที่ 2 แรงงานชาวเมียนมาอายุ 26 ปีเท่ากัน เป็นจำเลยที่ 1- 2 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยการขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้นั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 57 เวลากลางคืน จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันฆ่า น.ส.ฮานนาห์ และนายเดวิด โดยใช้จอบตีผู้ตายทั้งสอง และจำเลยยังร่วมกันข่มขืน น.ส.ฮานนาห์ ด้วย และลักเอาทรัพย์สินผู้ตายก่อนหลบหนีไป เหตุเกิดบนชายหาดทรายรี ม.2 ต.เกาะเต่า อ.เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี ชั้นพิจารณาของศาลจำเลยทั้งสองคนให้การปฏิเสธ
โดยเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.58 ศาลจังหวัดเกาะสมุยพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานทั้งฝ่ายโจทก์ และจำเลยที่นำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้องจริงพิพากษาประหารชีวิตจำเลยทั้งสองสถานเดียว โดยไม่ลดโทษให้ จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องด้วย
ต่อมาวันที่ 1 มี.ค.60 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง ที่ศาลจังหวัดเกาะสมุย พิพากษาประหารชีวิตจำเลยมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนจำเลยทั้งสอง ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกา พิพากษายกฟ้องด้วย
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่า คดีนี้มีพยานหลักฐาน รวมทั้งผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ การตรวจสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ตรงกับจำเลย ขณะที่คดีเกี่ยวกับการกระทำต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ ซึ่งมีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนเฉพาะกิจขึ้นมาโดยมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ควบคุมใกล้ชิด ในการตรวจเก็บสถานที่เกิดเหตุและพยานหลักฐานเพื่อจะติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของประเทศคืนมา
ซึ่งมีการตรวจเก็บดีเอ็นเอทั้งคนไทยและต่างหลายชาติที่อาจจะเกี่ยวข้องจำนวนมาก และมีการใส่ถุงมือป้องกันการปนเปื้อน ใช้น้ำยาตรวจที่มีคุณภาพ เครื่องตรวจอัตโนมัติมีมาตรฐานในการตรวจพิสูจน์ เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการรวบรวมพยานหลักฐาน และพิจารณาดูประเด็นข้อสงสัยต่างๆ ทีละประเด็น โดยตัดผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปทีละคนทีละประเด็น ไม่ได้เฉพาะเจาะจงจำเลย ซึ่งครั้งแรกจำเลยก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องสงสัยแต่เมื่อยังไม่ชัดเจนจึงยังไม่ถูกดำเนินคดี กระทั่งได้ตรวจดีเอ็นเอจากเยื่อบุกระพุ้งแก้มจำเลยทั้งสอง ตรงกับการตรวจหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงไม่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสร้างพยานหลักฐานเท็จเพื่อปรักปรำจำเลย เพราะในการสอบสวนต้องใช้เวลา, บุคคลากรจำนวนมาก รวมทั้งงบประมาณ หากจะสร้างพยานหลักฐานคงไม่ต้องให้สิ้นเปลืองทั้งบุคลากร และงบประมาณ พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้ปราศจากข้อสงสัย ฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงฟังไม่ขึ้น ที่ศาลล่างทั้งสอง พิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสองมานั้นพิพากษายืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้จำเลยทั้งสองซึ่งถือว่าเป็นนักโทษเด็ดขาดชาย และถูกคุมขังที่เรือนจำบางขวาง จ.นนทบุรีนนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลยทั้งสองตามคำสั่งศาล มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อความสะดวกในการเดินทาง โดยมีล่ามภาษาเมียนมาแปลคำพิพากษาให้ฟัง
ด้านนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า การอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในวันนี้เป็นการอ่านคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ที่มีการเผยแพร่ภาพและเสียงผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ ที่สำนักงานศาลยุติธรรมได้จัดให้มีล่ามแปลภาษาพม่า บริเวณชั้น 6 อาคารศาลอาญากลับไปยังจำเลยที่ศาลจังหวัดนนทบุรีให้ได้รับทราบถึงผลคำพิพากษา ซึ่งการจัดหาล่ามถือมาตรการของทางสำนักงานศาลยุติธรรมที่ให้ความสำคัญในการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลยที่เป็นชาวต่างชาติ ถือเป็นการอำนวยความยุติธรรมในยุคก้าวสู่ศาลดิจิทัล (D-Court)
ผ่านศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ มีรายงานว่าสื่อชื่อดังในประเทศอังกฤษ เช่น เว็บไซต์เดลี่เมล และเดอะ ซัน ต่างรายงานว่า ศาลฎีกาของไทยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ประหารชีวิตจำเลยชาวเมียนมา 2 คน ในคดีฆาตกรรม นายเดวิด และ น.ส.ฮานนาห์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ เมื่อปี 2557 ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า ทีมทนายความของจำเลยทั้ง 2 จะดำเนินการยื่นเรื่องทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งกฎหมายระบุว่าในคดีโทษประหารชีวิตต้องยื่นภายใน 60 วัน นับแต่คดีถึงที่สุด
วานนี้ (28 ส.ค.) ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีฆาตกรรม นายเดวิด มิลเลอร์ อายุ 24 ปี และ น.ส.ฮานนาห์ วิทเธอร์ริจ อายุ 23 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่หาดทรายรี เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย.57 ที่พนักงานอัยการศาลจังหวัดเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายซอลิน หรือโซเรน จำเลยที่ 1 และนายเวพิว หรือวิน จำเลยที่ 2 แรงงานชาวเมียนมาอายุ 26 ปีเท่ากัน เป็นจำเลยที่ 1- 2 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยการขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้นั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 57 เวลากลางคืน จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันฆ่า น.ส.ฮานนาห์ และนายเดวิด โดยใช้จอบตีผู้ตายทั้งสอง และจำเลยยังร่วมกันข่มขืน น.ส.ฮานนาห์ ด้วย และลักเอาทรัพย์สินผู้ตายก่อนหลบหนีไป เหตุเกิดบนชายหาดทรายรี ม.2 ต.เกาะเต่า อ.เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี ชั้นพิจารณาของศาลจำเลยทั้งสองคนให้การปฏิเสธ
โดยเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.58 ศาลจังหวัดเกาะสมุยพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานทั้งฝ่ายโจทก์ และจำเลยที่นำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้องจริงพิพากษาประหารชีวิตจำเลยทั้งสองสถานเดียว โดยไม่ลดโทษให้ จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องด้วย
ต่อมาวันที่ 1 มี.ค.60 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง ที่ศาลจังหวัดเกาะสมุย พิพากษาประหารชีวิตจำเลยมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนจำเลยทั้งสอง ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกา พิพากษายกฟ้องด้วย
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่า คดีนี้มีพยานหลักฐาน รวมทั้งผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ การตรวจสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ตรงกับจำเลย ขณะที่คดีเกี่ยวกับการกระทำต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ ซึ่งมีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนเฉพาะกิจขึ้นมาโดยมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ควบคุมใกล้ชิด ในการตรวจเก็บสถานที่เกิดเหตุและพยานหลักฐานเพื่อจะติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของประเทศคืนมา
ซึ่งมีการตรวจเก็บดีเอ็นเอทั้งคนไทยและต่างหลายชาติที่อาจจะเกี่ยวข้องจำนวนมาก และมีการใส่ถุงมือป้องกันการปนเปื้อน ใช้น้ำยาตรวจที่มีคุณภาพ เครื่องตรวจอัตโนมัติมีมาตรฐานในการตรวจพิสูจน์ เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการรวบรวมพยานหลักฐาน และพิจารณาดูประเด็นข้อสงสัยต่างๆ ทีละประเด็น โดยตัดผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปทีละคนทีละประเด็น ไม่ได้เฉพาะเจาะจงจำเลย ซึ่งครั้งแรกจำเลยก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องสงสัยแต่เมื่อยังไม่ชัดเจนจึงยังไม่ถูกดำเนินคดี กระทั่งได้ตรวจดีเอ็นเอจากเยื่อบุกระพุ้งแก้มจำเลยทั้งสอง ตรงกับการตรวจหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงไม่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสร้างพยานหลักฐานเท็จเพื่อปรักปรำจำเลย เพราะในการสอบสวนต้องใช้เวลา, บุคคลากรจำนวนมาก รวมทั้งงบประมาณ หากจะสร้างพยานหลักฐานคงไม่ต้องให้สิ้นเปลืองทั้งบุคลากร และงบประมาณ พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้ปราศจากข้อสงสัย ฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงฟังไม่ขึ้น ที่ศาลล่างทั้งสอง พิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสองมานั้นพิพากษายืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้จำเลยทั้งสองซึ่งถือว่าเป็นนักโทษเด็ดขาดชาย และถูกคุมขังที่เรือนจำบางขวาง จ.นนทบุรีนนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลยทั้งสองตามคำสั่งศาล มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อความสะดวกในการเดินทาง โดยมีล่ามภาษาเมียนมาแปลคำพิพากษาให้ฟัง
ด้านนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า การอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในวันนี้เป็นการอ่านคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ที่มีการเผยแพร่ภาพและเสียงผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ ที่สำนักงานศาลยุติธรรมได้จัดให้มีล่ามแปลภาษาพม่า บริเวณชั้น 6 อาคารศาลอาญากลับไปยังจำเลยที่ศาลจังหวัดนนทบุรีให้ได้รับทราบถึงผลคำพิพากษา ซึ่งการจัดหาล่ามถือมาตรการของทางสำนักงานศาลยุติธรรมที่ให้ความสำคัญในการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลยที่เป็นชาวต่างชาติ ถือเป็นการอำนวยความยุติธรรมในยุคก้าวสู่ศาลดิจิทัล (D-Court)
ผ่านศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ มีรายงานว่าสื่อชื่อดังในประเทศอังกฤษ เช่น เว็บไซต์เดลี่เมล และเดอะ ซัน ต่างรายงานว่า ศาลฎีกาของไทยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ประหารชีวิตจำเลยชาวเมียนมา 2 คน ในคดีฆาตกรรม นายเดวิด และ น.ส.ฮานนาห์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ เมื่อปี 2557 ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า ทีมทนายความของจำเลยทั้ง 2 จะดำเนินการยื่นเรื่องทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งกฎหมายระบุว่าในคดีโทษประหารชีวิตต้องยื่นภายใน 60 วัน นับแต่คดีถึงที่สุด