xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** โผทหารมาตามนัด รู้จัก “บิ๊กบี้” พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ กับเส้นทางสู่ “ผบ.ทบ.”ที่สดใส เพราะได้รับแรงหนุนจากทั้ง"บิ๊กแดง" และ "บิ๊กตู่"
เรียบร้อยเบ็ดเสร็จ สะเด็ดน้ำไปแล้ว สำหรับโผโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ที่ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ รมว.กลาโหม ปิดห้องคุยกับบรรดาผู้นำเหล่าทัพ ซึ่งตามรายงานข่าว ที่ "บิ๊กช้าง" พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม บอกมาว่า ในที่ประชุมเห็นพ้องต้องกัน บิ๊กๆ ทั้งหลายต่าง ชื่นมื่น เพราะไม่มีการปรับแก้รายชื่อที่ผู้นำเหล่าทัพเสนอขึ้นมาแต่อย่างใด ...
ทุกครั้งที่ถึงฤดูจัดโผโยกย้ายนายทหารประจำปี ความสนใจของคนทั่วไปจะ"โฟกัส"ไปที่ "กองทัพบก" ว่าคู่แคนดิเดต ที่ขึ้นมาชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. นั้นเป็นใคร มาจากสายไหน ... แต่ปีนี้บรรยากาศไม่คึกคักเท่าไร เนื่องจาก "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ยังไม่เกษียณ โดยจะไปเกษียณในเดือนกันยายน ปีหน้า...ความสนใจจึงไปอยู่ที่ "5 เสือกองทัพบก" ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ... เพราะ 1 ใน 5 คนนี้ คือผู้ที่มีโอกาสขึ้นนั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ.
"5 เสือกองทัพบก" ปีนี้ คาดหมายกันว่า "พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์" รอง ผบ.ทบ. ยังคงดำรงตำแหน่งเดิมต่อไป เช่นเดียวกับ "พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์" เสนาธิการทหารบกก็อยู่ที่เดิม ... ส่วน "พล.อ.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ" ผู้ช่วย ผบ.ทบ. จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ ขณะที่ "พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา" ผู้ช่วย ผบ.ทบ. อีกคนหนึ่ง ก็จะถูกโยกห้วย ไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม (อัตราพลเอกพิเศษ) ทำให้เก้าอี้ "ผู้ช่วย ผบ.ทบ." ว่างลงทั้ง 2 ตำแหน่ง... และคนที่ "บิ๊กแดง" เลือกให้ขึ้นมานั่ง 2 เก้าอี้ที่ว่างนี้ หนึ่งคือ "บิ๊กบี้" พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 ส่วนอีกคน คือ "พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ" แม่ทัพภาคที่ 3 ...และว่ากันว่า คนที่ "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ตั้งใจจะให้สืบทอดในตำแหน่ง ผบ.ทบ. เมื่อตนเองเกษียณ ก็คือ "บิ๊กบี้"...
สำหรับ "บิ๊กบี้" พล.ท.ณรงค์พันธ์ เป็นเตรียมทหารรุ่นที่ 22 (ตท.22) จปร.33 อายุ 56 ปี นายทหารสาย“วงศ์เทวัญ”เติบโตจาก กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) หน่วยหมวกแดง ของกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.)... ผ่านตำแหน่งสำคัญ อาทิ รองผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (รองผบ.พล.1 รอ.), ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) จากนั้นขึ้นเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 และหลังจากคสช. ทำการรัฐประหาร "บิ๊กบี้" ก็ได้รับเลือกให้เป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อเดือนตุลาคม ปี59
ในช่วงโยกย้าย เมื่อตุลาคม ปีที่แล้ว ก็ผงาดขึ้นเป็น "แม่ทัพภาคที่ 1" เป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์... ครั้งนี้ได้รับการวางตัวเข้าสู่ "ไลน์ 5 เสือทบ." เป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ดังกล่าว เส้นทางการขึ้นสู่ ผบ.ทบ. จึงสดใส... เนื่องจากได้รับความไว้วางใจจากทั้ง "บิ๊กแดง" และ "บิ๊กตู่" อีกทั้งอายุราชการก็ยังอีกยาวนานถึงปี 2566 โน่น...เรียกว่าถ้าได้ขึ้นนั่ง ผบ.ทบ.ในปีหน้า ก็จะเป็นผู้ดูแลด้านความมั่นคงให้ "รัฐบาลลุงตู่"ไปอีก 3 ปีเต็ม...
สำหรับที่กองทัพอากาศ จะมีเพียง "พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน" ผบ.ทอ. ที่จะเกษียณเพียงคนเดียว และคาดว่า "พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์" เสนาธิการทหารอากาศ จะขึ้นเป็น ผบ.ทอ.
ส่วนกองทัพเรือ แม้ว่า "พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์" ผบ.ทร. จะยังไม่เกษียณ แต่ก็มีการขยับกันภายในเช่นกัน โดย "พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน" เสนาธิการทหารเรือ ขึ้นมาเป็น รอง ผบ.ทร. เพื่อรอจ่อเป็น ผบ.ทร. ต่อไป ส่วน "พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ" ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ จะเป็น ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ "พล.ร.อ.ทิวา ดาราเมือง" ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทร. ขณะที่ "พล.ร.อ.สมชาย ณ บางช้าง" ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ เป็น ผบ.กองเรือยุทธการ และ "พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย" ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ เป็นเสนาธิการทหารเรือ

**ป.ป.ช.ตีตกข้อกล่าวหา "ลุงป้อม" ยืมนาฬิกาหรู เพราะเข้าข่าย "ยืมในเชิงนิติประเพณี" ที่ไม่ต้องแจ้งบัญชี เทียบเคียงได้กับ กรณีนักการเมืองดัง ยืม "รถเบนท์ลี่ย์สีชมพู" ของเพื่อนมาขับ ก็ไม่มีความผิด

ในโอกาสที่ "บิ๊กกุ้ย" พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดงาน ป.ป.ช. พบบรรณาธิการและผู้บริหารสื่อมวลชน ไปเมื่อวานนี้ ก็ได้คุยถึงเรื่อง "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กับนาฬิกาหรู ผลการไต่สวนไปถึงไหนแล้ว ...ซึ่งก็ได้รับการชี้แจงจาก "บิ๊กกุ้ย" ว่า เรื่องนาฬิกาหรูยื่มเพื่อน (ปัฐวาท ศรีสุขวงศ์ เพื่อนสนิทของลุงป้อม) มีการพิจารณาเป็น 2 ขยัก
ขยักแรก "ลุงป้อม" ถูกร้องเรียนว่า ครอบครองแหวนมารดา และ นาฬิกาเพื่อน รวม 21 รายการ แต่ไม่ได้แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. ซึ่งเรื่องนี้จบไปนานแล้ว เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 5 ต่อ 3 ให้ "ยกคำร้อง" เนื่องจากพยานหลักฐานไม่มีมูล และปรากฏข้อเท็จจริงว่า นาฬิกาดังกล่าวเป็นของ "นายปัฐวาท ศรีสุขวงศ์" เพื่อนสนิทของ พล.อ.ประวิตร
ขยักที่สอง เป็นเรื่องต่อเนื่องมาจาก ขยักแรก คือ มีการพิจารณาไต่สวนว่า "ลุงป้อม" ยืมนาฬิกาเพื่อน 21 เรือน เป็นการรับทรัพย์สินเกิน 3 พันบาท ตามกฎหมาย ป.ป.ช. หรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการป.ป.ช. ได้วินิจฉัย และมีมติออกมาแล้ว ซึ่งก็มีรายงานข่าวว่า มติ ป.ป.ช. ก็ให้ "ยกคำร้อง" เช่นกัน เพียงแต่ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการ "รอยืนยันมติ" และเตรียมข้อมูลรายละเอียด รวมถึงเหตุผลที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.วินิจฉัย เพื่อใช้สำหรับ ชี้แจงต่อสังคม ...
เป็นอันว่าเรื่อง "ลุงป้อมยืมนาฬิกาเพื่อน" ก็จะปิดฉากลงได้อย่างสวยงาม ในเร็ววันนี้ ...ซึ่งจะว่าไปแล้วในช่วงชีวิตที่รับราชการ และมารับตำแหน่งทางการเมือง ก็มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น ที่ "ลุงป้อม" ถูกร้องให้ ป.ป.ช. เข้ามาตรวจสอบ ...
พูดถึงเรื่อง”ยืมทรัพย์สินเพื่อน” ผิดหรือไม่นี้ "สุรศักดิ์ คีรีวิเชียร" หนึ่งในกรรมการป.ป.ช. ได้อธิบายในเชิงหลักกฎหมายให้ฟังว่า การยืม มี 2 ลักษณะ คือ "ยืมในเชิงพาณิชย์" ซึ่งอันนี้จะเป็นหนี้สิน ต้องยื่นรายการแสดงต่อป.ป.ช. อีกอย่างคือ "ยืมในเชิงนิติประเพณี" อันนี้ กฎหมายป.ป.ช.ไม่มีการกำหนดว่าต้องแจ้งในรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และเรื่องการยืมที่ถือเป็นนิติประเพณีนั้น คณะกรรมการป.ป.ช. ชุดก่อน เคยวินิจฉัยว่า "ไม่มีความผิด"...
มีการยกตัวอย่าง กรณีการยืมทรัพย์สินประเภท รถยนต์ ของนักการเมืองรายหนึ่ง ขับรถ "เบนท์ลี่ย์สีชมพู" เข้าทำเนียบรัฐบาล แล้วมีคนตั้งข้อสังเกตว่า รถเบนท์ลี่ย์สีชมพูนี้ มีการแจ้งในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน หรือไม่ จนมีการตรวจสอบเรื่องนี้กันขึ้น แต่นักการเมืองรายนี้ ก็ได้ชี้แจงว่า ยืมมาจากเพื่อนที่อยู่ประเทศสิงคโปร์ และได้คืนเขาไปแล้ว ซึ่งป.ป.ช.ชุดก่อน ไม่ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ต้องยื่นแสดงต่อป.ป.ช. ... คงนึกกันได้นะว่า นักการเมืองคนที่ว่านี้ คือใคร...ถ้ายังนึกไม่ออก บอกใบ้ให้นิดนึงว่า เป็นนักการเมืองดังย่านฝั่งธนฯ ...
เมื่อมีโอกาสพบกับกรรมการ ป.ป.ช. แล้วก็เลยถือโอกาส”อัปเดต” คดีดังๆ ของนักการเมือง ที่ยังคั่งค้างอยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ช. ว่าคืบหน้าไปถึงไหนกันแล้ว ก็ได้รับคำตอบจาก "สุภา ปิยะจิตติ" หนึ่งในกรรมการ ป.ป.ช. ก็ยกตัวอย่างให้ฟัง เช่น คดีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตสอง ตอนนี้ไต่สวนอยู่ มีการกันบุคคลไว้เป็นพยานเรียบร้อยแล้ว และแจ้งข้อกล่าวหาไปหมดแล้ว ... ส่วนคดีระบายข้าว จีทูจี และ คดีมัน จีทูจี ยุครัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็กำลังรวบรวมพยานเอกสาร ซึ่งทั้ง 2 คดีนี้ มีโมเดลเหมือนกับคดีข้าวจีทูจี และมันเส้นจีทูจี สมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร... ส่วนคดี นปช. ลั่นกลองรบ ถูกกล่าวหาปราศรัยแบ่งแยกประเทศ ก็แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว อยู่ระหว่างรอคำชี้แจง...
คดีการปรับปรุงข้าวให้ประเทศอินโดนีเซีย (บูล็อค) สมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว อยู่ระหว่างสรุปสำนวน .. คดีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับเหมาเข่ง อยู่ระหว่างสรุปสำนวน และพิจารณาพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา... คดี พีทีที.จีอี. เครือ ปตท. ลงทุนปลูกปาล์ม ที่ประเทศอินโดนีเซีย ก็กำลังสรุปข้อมูล และรอเอกสารบางส่วนจากต่างประเทศ ... เรียกว่า คดีที่เป็นที่สนใจของประชาชนนั้น ได้แจ้งข้อกล่าวหาเกือบหมดแล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมสรุปสำนวน อีกไม่นานก็ได้ข้อยุติ...เตรียมตัวรอทำข่าวใหญ่กันได้เลย...

-------------

รูป -พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ - พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้--พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ - พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน
-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ -พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ




กำลังโหลดความคิดเห็น