ผู้จัดการรายวัน360- ป.ป.ช. มีมติกรณี"บิ๊กป้อม"ยืมนาฬิกาหรู รอยืนยันมติ ก่อนเลขาป.ป.ช. แถลง ด้าน"สุรศักดิ์" ระบุยืมของเชิงนิติประเพณีป.ป.ช.ชุดก่อนเคยวินิจฉัยไม่ผิด ไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน "สุภา" อัปเดตคดีสำคัญ ชี้สรุปสำนวน 'ข้าวบูล็อค 'แล้ว ส่วนจีทูจียุค 'มาร์ค' ยังรวมเอกสารอยู่
วานนี้(28ส.ค.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดงาน คณะกรรมการป.ป.ช. พบบรรณาธิการและผู้บริหารสื่อมวลชน โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีการไต่สวน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กรณีการยืมนาฬิกาเพื่อน 21 เรือน เป็นการรับทรัพย์สินเกิน 3 พันบาท ตามกฎหมายป.ป.ช. หรือไม่ว่า คณะกรรมการป.ป.ช. ได้วินิจฉัย และมีมติออกมาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอยืนยันมติ และจะให้เลขาธิการป.ป.ช. ชี้แจงต่อสังคม รวมถึงเหตุผลที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.วินิจฉัย
"การลงมติกรณีนี้ ผมได้ขอถอนตัว เพราะเป็นเรื่องต่อเนื่องจากกรณีเดิม"
นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการป.ป.ช. กล่าวถึง การพิจารณาการยืมทรัพย์สินว่า การยืมมี 2 ลักษณะ คือยืมในเชิงพาณิชย์ซึ่งจะเป็นหนี้สิน และยืมในเชิงนิติประเพณี โดยในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อป.ป.ช. ไม่มีการกำหนดให้แสดงรายการทรัพย์สินที่ยืมในเชิงนิติประเพณี และเรื่องการยืมที่ถือเป็นนิติประเพณีนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดก่อน เคยวินิจฉัยว่าไม่มีความผิด
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเคยมีกรณีการยืมทรัพย์สินประเภทรถยนต์ จำนวนมาก อาทิ กรณีนักการเมืองรายหนึ่งขับรถเบนท์ลี่ย์สีชมพู เข้าทำเนียบรัฐบาล จนมีคนตั้งข้อสังเกตว่า มีการแจ้งทรัพย์สินดังกล่าวในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินหรือไม่ จนมีการตรวจสอบ แต่นักการเมืองรายดังกล่าว ก็ได้ชี้แจงว่ายืมมาจากเพื่อนที่อยู่ประเทศสิงคโปร์ และได้คืนไปแล้ว จึงไม่ถือว่าทรัพย์สินที่ต้องยื่นแสดงต่อป.ป.ช. ดังนั้นการวินิจฉัยเรื่องการยืมทรัพย์สิน จึงยึดแนวคำวินิจฉัยของป.ป.ช.ชุดก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การไต่สวน พล.อ.ประวิตร กรณีรับทรัพย์สินเกิน 3 พันบาท เป็นการไต่สวนสืบเนื่องมาจากกรณีที่ พล.อ.ประวิตร ถูกร้องเรียนว่า ครอบครองแหวนมารดา และนาฬิกาเพื่อน รวม 21 รายการ แต่ไม่ได้แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช. ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 5 ต่อ 3 ยกคำร้องกล่าวหา พล.อ.ประวิตร ไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากพยานหลักฐานไม่มีมูล และปรากฏข้อเท็จจริงว่า นาฬิกาดังกล่าวเป็นของ นายปัฐวาท ศรีสุขวงศ์ เพื่อนสนิทของพล.อ.ประวิตร
ด้านน.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึง ความคืบหน้าคดีสำคัญที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของป.ป.ช. ว่า สำหรับคดีที่อยู่ในการรับผิดชอบของสำนักการเมือง อยู่ระหว่างการไต่สวน 49 เรื่อง อยู่ระหว่างการตรวจสอบเบื้องต้น 109 เรื่อง โดยคดีทางการเมืองสำคัญนั้น กรอบระยะเวลาตามกฎหมายป.ป.ช.ใหม่ ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องเร่งทำสำนวนกันหมด โดยเป็นเรื่องที่ประธาน ป.ป.ช.เคยชี้แจงแล้วว่า คดีการเมืองก้าวหน้าไปเยอะ แม้ที่ผ่านมาไม่สามารถชี้มูลอะไรได้ เพราะอยู่ในช่วงเลือกตั้ง
สำหรับ คดีที่ประชาชนสนใจ เช่น คดีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตสอง ดำเนินการไต่สวนอยู่ มีการกันบุคคลไว้เป็นพยานเรียบร้อยแล้ว และแจ้งข้อกล่าวหาไปหมดแล้ว ส่วนคดีระบายข้าวจีทูจี และ คดีมันจีทูจี ยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังรวบรวมพยานเอกสาร อย่างไรก็ดี 2 คดีนี้ มีโมเดลเหมือนกับคดีข้าวจีทูจี และ มันเส้นจีทูจี สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส่วนคดี นปช. ลั่นกลองรบ ถูกกล่าวหาปราศรัยแบ่งแยกประเทศ แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว อยู่ระหว่างรอคำชี้แจง คดีจัดซื้อจัดจ้างโครงการขุดลอกคลอง 1.5 พันล้านบาท อยู่ระหว่างเตรียมเอกสารแจ้งข้อกล่าวหา คดีสินบนข้ามชาติ
วานนี้(28ส.ค.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดงาน คณะกรรมการป.ป.ช. พบบรรณาธิการและผู้บริหารสื่อมวลชน โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีการไต่สวน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กรณีการยืมนาฬิกาเพื่อน 21 เรือน เป็นการรับทรัพย์สินเกิน 3 พันบาท ตามกฎหมายป.ป.ช. หรือไม่ว่า คณะกรรมการป.ป.ช. ได้วินิจฉัย และมีมติออกมาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอยืนยันมติ และจะให้เลขาธิการป.ป.ช. ชี้แจงต่อสังคม รวมถึงเหตุผลที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.วินิจฉัย
"การลงมติกรณีนี้ ผมได้ขอถอนตัว เพราะเป็นเรื่องต่อเนื่องจากกรณีเดิม"
นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการป.ป.ช. กล่าวถึง การพิจารณาการยืมทรัพย์สินว่า การยืมมี 2 ลักษณะ คือยืมในเชิงพาณิชย์ซึ่งจะเป็นหนี้สิน และยืมในเชิงนิติประเพณี โดยในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อป.ป.ช. ไม่มีการกำหนดให้แสดงรายการทรัพย์สินที่ยืมในเชิงนิติประเพณี และเรื่องการยืมที่ถือเป็นนิติประเพณีนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดก่อน เคยวินิจฉัยว่าไม่มีความผิด
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเคยมีกรณีการยืมทรัพย์สินประเภทรถยนต์ จำนวนมาก อาทิ กรณีนักการเมืองรายหนึ่งขับรถเบนท์ลี่ย์สีชมพู เข้าทำเนียบรัฐบาล จนมีคนตั้งข้อสังเกตว่า มีการแจ้งทรัพย์สินดังกล่าวในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินหรือไม่ จนมีการตรวจสอบ แต่นักการเมืองรายดังกล่าว ก็ได้ชี้แจงว่ายืมมาจากเพื่อนที่อยู่ประเทศสิงคโปร์ และได้คืนไปแล้ว จึงไม่ถือว่าทรัพย์สินที่ต้องยื่นแสดงต่อป.ป.ช. ดังนั้นการวินิจฉัยเรื่องการยืมทรัพย์สิน จึงยึดแนวคำวินิจฉัยของป.ป.ช.ชุดก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การไต่สวน พล.อ.ประวิตร กรณีรับทรัพย์สินเกิน 3 พันบาท เป็นการไต่สวนสืบเนื่องมาจากกรณีที่ พล.อ.ประวิตร ถูกร้องเรียนว่า ครอบครองแหวนมารดา และนาฬิกาเพื่อน รวม 21 รายการ แต่ไม่ได้แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช. ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 5 ต่อ 3 ยกคำร้องกล่าวหา พล.อ.ประวิตร ไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากพยานหลักฐานไม่มีมูล และปรากฏข้อเท็จจริงว่า นาฬิกาดังกล่าวเป็นของ นายปัฐวาท ศรีสุขวงศ์ เพื่อนสนิทของพล.อ.ประวิตร
ด้านน.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึง ความคืบหน้าคดีสำคัญที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของป.ป.ช. ว่า สำหรับคดีที่อยู่ในการรับผิดชอบของสำนักการเมือง อยู่ระหว่างการไต่สวน 49 เรื่อง อยู่ระหว่างการตรวจสอบเบื้องต้น 109 เรื่อง โดยคดีทางการเมืองสำคัญนั้น กรอบระยะเวลาตามกฎหมายป.ป.ช.ใหม่ ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องเร่งทำสำนวนกันหมด โดยเป็นเรื่องที่ประธาน ป.ป.ช.เคยชี้แจงแล้วว่า คดีการเมืองก้าวหน้าไปเยอะ แม้ที่ผ่านมาไม่สามารถชี้มูลอะไรได้ เพราะอยู่ในช่วงเลือกตั้ง
สำหรับ คดีที่ประชาชนสนใจ เช่น คดีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตสอง ดำเนินการไต่สวนอยู่ มีการกันบุคคลไว้เป็นพยานเรียบร้อยแล้ว และแจ้งข้อกล่าวหาไปหมดแล้ว ส่วนคดีระบายข้าวจีทูจี และ คดีมันจีทูจี ยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังรวบรวมพยานเอกสาร อย่างไรก็ดี 2 คดีนี้ มีโมเดลเหมือนกับคดีข้าวจีทูจี และ มันเส้นจีทูจี สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส่วนคดี นปช. ลั่นกลองรบ ถูกกล่าวหาปราศรัยแบ่งแยกประเทศ แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว อยู่ระหว่างรอคำชี้แจง คดีจัดซื้อจัดจ้างโครงการขุดลอกคลอง 1.5 พันล้านบาท อยู่ระหว่างเตรียมเอกสารแจ้งข้อกล่าวหา คดีสินบนข้ามชาติ